12# ตอน ความเจริญของหมู่บ้านที่โดดเด่น

2141 Words
สลัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป และย้ำกับตัวเองว่ามันคือความฝัน ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนเส้นทางของมันแล้ว ไม่ว่าในอนาคตอี้หานจะเป็นอย่างไร เขาคงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเธอง่ายนัก เพราะเธอจะหาทางพาตัวเองหนีจากการถูกหลอกใช้ เธอไม่ได้มอบใจมอบกายให้เขาเช่นที่เห็น แต่กำลังช่วยสร้างฐานะความมั่งคั่งเพื่อตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นต่อให้เขาอ้างในเรื่องนี้ เธอเชื่อว่าตัวเองจะมีเหตุผลที่มากพอที่จะออกมาเช่นกัน แต่นั่นมันเป็นความคิดของเฟิ่งอิงฝ่ายเดียว ภาพฝันคือเขาทำตัวเป็นเจ้าชีวิตเธอ ใช้ความรักกับหนี้บุญคุณให้เป็นสายข่าวจวบจนเธอตาย ในชีวิตนี้อี้หานจะไม่มีทางปล่อยเธอไปเช่นเดิม มันไม่ง่ายที่จะขอแยกจากเขา สำหรับจอมเผด็จการคนนี้แล้ว เธอคือลูกไก่ที่เขาวางเอาไว้บนฝ่ามือ “อิงอิง ฉันจะออกไปข้างนอก เธอห้ามลืมปิดประตูบ้าน” “นายจะไปไหนในตอนบ่าย? ไม่ใช่ว่าจะเข้าเมืองพรุ่งนี้หรือ” “ฉันจะไปบ้านลุงเหยียน เขาเป็นช่าง เธอกำลังอยากได้เครื่องบีบอัดน้ำมัน สิ่งนั้นเราต้องสั่งทำล่วงหน้า” “แต่เราไม่มีเงินมากขนาดนั้น! ราคาต่อเครื่องไม่ถูกเลย มันต้องวางมัดจำเอาไว้” “ฉันถึงต้องไปเจรจากับเขาไง ถึงฉันจะเป็นหนุ่มวัยสิบห้า แต่มีความน่าเชื่อถือเพียงต้องโน้มน้าวสักหน่อย ฉันไปแล้วเธออยู่บ้านดีๆ ห้ามไปซุกซน” “รู้น่า! ฉันเกิดก่อนนายนะ ไม่ใช่เด็ก” “อย่างงั้นหรือ? แต่ทำไมเธอถึงเอาแต่วิ่งไปรอบๆ กับอาเป่าล่ะ คิดว่าเธอคือเพื่อนเขาเสียอีก” “นายจะไปก็รีบไป! ไม่ต้องมาล้อฉัน” เฟิ่งอิงทำแก้มพองลมพ่นหายใจฮึดฮัด ไม่ใช่เธอที่ไม่โตแต่เป็นเขาที่สุขุมเกินไป อายุกับการวางตัวจึงสวนทาง หลายคนคิดเสมอว่าอี้หานคือผู้ปกครองเธอ ไม่รู้ว่าเขาจำต้องทำตัวรีบแก่ไปถึงไหน เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอยากเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้ คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เมื่อมันคือสิ่งที่เขามีตลอดมา สมุดเล่มเก่าใต้หมอนถูกนำออกมาอ่านอีกครั้ง ตอนนี้เธออยากคิดเล่นๆ ว่าจะสามารถหาเงินด้วยทางลัดได้โดยวิธีใด ทุกครั้งที่เธอมีคำถามจะรอคอยคำตอบบนหน้ากระดาษ ครั้งนี้เช่นกันเพียงแต่คำตอบมันทำให้เธอตกใจ “มะมีขุมทรัพย์จากสงครามหรือ!” นี่มันน่าทึ่งเกินไป ในสมุดบอกว่าถัดจากภูเขาสูงมีพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งเคยทำเป็นที่ตั้งชั่วคราวของทหารจากประเทศอื่น ในฐานที่มั่นนั้นทุกคนเข้าใจว่าเพื่อปักหลักทำสงคราม แต่ความจริงพวกเขาเพียงตบตาคน เพราะมันมีการเก็บทองคำแท่งไว้ ซึ่งพวกเขาได้ลำเลียงมาจากที่อื่น ซ่อนจากผู้นำของตัวเอง คงคิดว่าพอชนะสงครามแล้วจะเอาไปเสวยสุข น่าเสียดายที่คนทั้งค่ายถูกระเบิดโจมตี ไม่มีผู้รอดชีวิต จึงไม่มีใครทราบว่ามีสิ่งล้ำค่าถูกฝังอยู่ข้างล่าง ปัญหาคือมันห่างจากหมู่บ้านเธอหลายสิบกิโลเมตร ไม่สามารถไปกลับโดยไม่ให้คนพบเห็น ที่น่ากลัวกว่าคือของพวกนั้นไม่อาจนำออกมาใช้ได้ ณ ขณะนี้ และเธอไม่อยากสร้างความชอบด้วยการแจ้งเรื่องไปยังคณะบริหาร พวกเขาจะต้องสอบสวนว่าเธอรู้ได้อย่างไร เกิดถูกเข้าใจว่าเป็นสายลับมีแต่ต้องตายสถานเดียว “หากฉันจะเก็บไว้เอง มันจะยุ่งยากเรื่องที่ซ่อน เฮ้อ! คิดว่าปล่อยไปก่อนจะง่ายกว่า ยังไงมีแต่ฉันที่รู้ ถ้าภายภาคหน้าเกิดเรื่องที่เร่งด่วน ค่อยหาวิธีจัดการยังไม่สายไป” อย่างน้อยเธอก็รู้ว่ามีขุมทรัพย์ ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย บางทีเธอควรหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมืดเอาไว้ จะได้มีที่ขาย นอกจากทองแท่งแล้วมันอาจมีอาวุธจำพวกปืน ซึ่งจะเป็นที่ต้องการของเหล่าเจ้าพ่อมาเฟีย “ฉันว่าตอนนี้ฉันควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำน้ำมันจากถั่ว มันจะเป็นกิจการแรกของฉัน และหวังว่าจะได้รับความนิยม” การบีบน้ำมันจากพืชไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมานานหลายร้อยปีทว่าไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากสมัยก่อนมีการใช้น้ำมันงากับน้ำมันเมล็ดผักกาดในการทำอาหาร แต่ด้วยราคาที่แพงมาก คนธรรมดาจึงเลือกใช้น้ำมันหมู เพราะเข้าถึงง่าย ยังมีกลิ่นหอมเก็บไว้ได้นาน ข้อเสียของการเอาน้ำมันหมูมาทำขนม คือต้องกินให้หมดในวันนั้น ด้วยเหตุนี้เองน้ำมันงาจะมีแค่คนชั้นสูงที่ร่ำรวยใช้ พวกเขามองว่าน้ำมันหมูไม่เหมาะสมกับฐานะ ต่อมามีน้ำมันจากถั่วเหลืองแต่ไม่เป็นที่นิยม เธอจึงคิดว่าน้ำมันจากถั่วลิสงอาจทำให้คนหันมาสนใจ การทำขนมโดยใช้น้ำมันจากสัตว์จะมีปัญหาเรื่องกลิ่นและการเก็บรักษา ยังมีสิ่งที่ต้องทบทวนคือเรื่องของราคา แน่นอนว่าน้ำมันพืชแพงกว่าน้ำมันหมู คนที่จะซื้อต้องเป็นกลุ่มที่พอมีฐานะ กับร้านอาหารภัตตาคารใหญ่ “หากสามารถหาวิธีที่ทำให้ผลิตน้ำมันได้เยอะ ลดต้นทุนลงเอากำไรพอประมาณ ราคาก็จะอยู่ในระดับที่เอื้อมถึง ฉันไม่อาจมองหาแค่คนรวย พวกเขาไม่ได้กินน้ำมันเปลืองขนาดนั้น แต่ฉันต้องการขายของให้ได้ทุกวัน กลุ่มคนทั่วไปจึงไม่อาจมองข้าม ขายได้เพิ่มหนึ่งขวดก็คือเงิน” แต่ดูเหมือนว่าการบีบน้ำมันจะมีกรรมวิธีที่ไม่แตกต่างกันเท่าใด เธอจึงต้องพุ่งความสนใจการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตที่สูง ถ้าสามารถปลูกถั่วต่อไร่ได้จำนวนมาก จะสามารถบีบน้ำมันออกมาได้มากเช่นกัน หลังจากอ่านเชิงวิเคราะห์เนื้อหาจนพอเข้าใจในระดับหนึ่ง อี้หานก็กลับมา นั่นทำให้เธอดีดตัวลุกพรึบ เพราะจนป่านนี้เธอยังไม่ได้ทำมื้อเย็น มันการกระทำที่สะเพร่าและรู้สึกขายหน้า พอคิดว่าเขาอาจหิวแล้ว จึงวิ่งเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเขาเห็น ไม่เพียงไม่ตำหนิแต่ยังหัวเราะ “อิงอิงเธอไม่ต้องรีบขนาดนั้น ฉันยังไม่หิว” “ไม่ได้! เป็นฉันที่บกพร่อง นายไม่ต้องเข้ามาช่วยฉัน ไปนั่งรอในบ้าน อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่ด้วยการมาช่วย” “ตกลง ฉันจะทำตัวว่าง่าย เธอพอใจรึยัง” “อืม” อาหารหลักยังคงเป็นมันฝรั่งกับข้าวโพด มีปลาแห้งทำน้ำแกง สองคนไม่ได้มีความเบื่อหน่าย หากเทียบกับการที่ไม่มีอะไรให้กิน ถือว่าหรูหราพอแล้วสำหรับชาวบ้านจนๆ อย่างน้อย มีประทังชีวิตครบสามมื้อ นี้ไม่ใช่เรื่องดีหรือ “พรุ่งนี้หากว่าหาที่รับซื้อมันฝรั่งได้ ฉันจะซื้อข้าวสารกับเครื่องปรุงและแป้งมาไว้ เธอคิดเห็นอย่างไร” “แน่นอนว่าดี! มีติดครัวไว้สามารถทำโจ๊กกิน ไม่ต้องเอาข้าวชั้นดีนัก เน้นเป็นข้าวหักที่ราคาถูกลงมา ยังไงก็ต้องเคี้ยวอยู่ดี” “หึๆ เอาตามเธอว่า ฉันยังจะหาเมล็ดพันธุ์ผักมาให้เธอปลูก คิดว่าจะไปตัดไม้มาทำรั่วให้สูงแข็งแรงกว่าเดิม ตอนนี้เรามีข้าวโพด อาจจะหาไก่มาคู่หนึ่ง เลี้ยงเอาไว้ให้มันออกลูกออกหลาน จะได้มีเนื้อกินในวันเทศกาล” “นั่นดีมาก มีเสียงไก่ขันฉันจะได้ไม่เผลอตื่นสาย” “จำเป็นต้องคิดมากด้วย หมอก็บอกแล้วว่าร่างกายเธอถูกความเย็นเข้าแทรก เธอยังไม่หายดี ความจริงต้องดื่มยา แต่ฉันไม่มีเงินจะซื้อมาบำรุงเธอ” “เอาน่า ยังไงฉันก็ดื่มน้ำขิงบำรุงทุกวัน นั่นก็คือสมุนไพรไม่ใช่หรือ ขิงก็มีราคาอยู่นะ” เป็นความจริงที่บอกว่าขิงก็ต้องซื้อ ราคาของมันอาจถูกกว่ายา แต่ใช่ว่าจะขอมาเปล่าๆ เฟิ่งอิงต้องหั่นเป็นชิ้นบางๆ เพื่อต้มดื่ม ตั้งแต่ตกน้ำมาเธอกินขิงทุกวัน ไม่เช่นนั้นเธอจะป่วยง่าย ซูเจินยังคอยวนมาหาเรื่องเธอเป็นบางครั้ง ยิ่งตอนได้เห็นผลผลิตในไร่ตัวเองเธอแทบคลั่ง เพราะอะไรนะหรือ? เพราะแม่กับยายของซูเจินคิดจะใช้วิธีของเฟิ่งอิงเพิ่มผลผลิตในครั้งต่อไป พวกเขาไม่สามารถยึดอคติจนทำลายตัวเองได้ ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยหน้าหงายไปเป็นแถบ พวกเขาละอายขายหน้า จนต้องมาขอโทษเพื่อขอคำแนะนำจากผู้เยาว์อย่างเธอ ซึ่งเธอได้บอกไปแต่โดยดี ทว่าปฏิเสธที่จะมอบปุ๋ยน้ำหมักให้ หากมีคนเรียกร้องหรือสร้างความลำบากใจ เธอจะเชิญเขาออกไปและจะไม่สนใจอีก เธอไม่กลัวถูกเกลียดเพราะพวกเขาไม่เคยชอบเธอ “สวัสดีครับหัวหน้า” “สวัสดีค่ะ” “อ้าวอี้หาน! เสี่ยวอิง! สองคนมาแต่เช้า ได้ยินว่าจะเข้าเมืองทำไมแวะมาหาฉันก่อน ต้องการความช่วยเหลือรึ” “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมกับอิงอิงนำปุ๋ยหมักมาให้ตามที่เคยบอกไว้ครับ” “อ่า! เรื่องนั้นเอง ฉันเห็นเธอยุ่งกันมาก คิดว่าไม่ว่างทำให้แล้วเสียอีก” “ฉันเพียงรอให้มันสามารถนำไปใช้ได้ค่ะ” “โอ้ได้มาหลายขวดเชียว! แบบนี้คงแบ่งให้หลายบ้าน แล้วเงื่อนไขล่ะ มีจำกัดไหมว่าให้ใครได้ไม่ได้” ที่หัวหน้าหมู่บ้านถาม เพราะรู้ว่ามีหลายคนที่เข้าไปวุ่นวายยังทำตัวน่ารำคาญ แต่ลูกบ้านไม่ร้อง เขาจึงไม่สามารถลงโทษคนถึงแม้ว่าจะทำผิด หากไม่รุนแรงนักการจะเข้าไปตำหนิ อาจถูกมองว่าไร้เหตุผล “เรื่องนั้นให้เป็นดุลพินิจของหัวหน้าครับ ผมเชื่อว่าหัวหน้าคงต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุดของหมู่บ้านเรา ในตอนนี้คนหมู่บ้านอื่นยังช้ากว่าพวกเรามาก ที่นี่แทบไม่มีคนอดอยากแล้ว” “ได้สิ! ฉันจะพิจารณาเป็นรายบุคคล ขอบใจที่ไม่หวงวิชานะ แนวคิดของเสี่ยวอิงแก้ปัญหาไปได้เยอะ เจ้าหน้าที่เอ่ยชมและบอกว่าจะให้การสนับสนุนพวกเรา” “แบบนั้นดีมากเลยค่ะ ทุกคนจะได้ไม่ต้องลำบาก” “นั่นเป็นเพราะเธอคิดดีทำดี ได้ยินว่าอาจมีเงินสนับสนุนให้เธอสองคนนะ แต่เรื่องเงื่อนไขพวกเขายังไม่แจ้งรายละเอียด คิดว่าอาจขอให้พวกเธอไปช่วยเป็นวิทยากรอบรมเกษตรกรคนอื่นๆ” “พวกเรายินดีครับ เช่นนั้นผมกับอิงอิงขอตัวก่อน เราจะเข้าเมือง” หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ทันอ้าปาก เสียงของเด็กสาวซึ่งเป็นลูกญาติห่างๆ ฝ่ายภรรยาได้ดังแทรกเข้ามา “คุณลุงคะฉันอยากเข้าเมือง! ถ้ายังไงขอฉันไปกับพวกเขาได้ไหม” เด็กสาวดูอ่อนใสไร้เดียงสา พูดจาเหมือนอย่างเจียมตัว แต่คาดหวังคำตอบอย่างมาก ด้วยท่าทีนั้นหากปฏิเสธจะกลายเป็นคนใจแคบ เพราะน้ำท่วมปากจึงหันไปยิ้มแห้งเพื่อขอความเห็น “นี่คือหลานสาวภรรยาฉัน เว่ยหนิง เธอย้ายมาที่นี่ได้หลายวันแล้ว แต่ไม่เคยไปไหนเลยคงเบื่อ เธอสองคนสะดวกพอจะพาไปด้วยได้หรือเปล่า” ถามมาขนาดนี้ขืนบอกว่าไม่ได้จะถูกมองอย่างไร เฟิ่งอิงที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร ในหมู่บ้านนี้นอกจากอี้หานที่ดูมีอนาคตแล้ว คนอื่นเทียบเขาไม่ได้เลย ดังนั้นเว่ยหนิงคงคิดว่าจะทำให้เขาชอบ ไม่สนว่าจะมีเธออยู่ร่วมบ้านในฐานะคู่หมั้น “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปธุระ อย่างที่บอกว่าผมนัดกับผู้อาวุโสในหมู่บ้านหลายคน มันไม่สะดวกจริงๆ” “แต่ฉันน่าสงสารนะคะ! ไม่มีเพื่อนสักคน ทำไมพี่ชายต้องรังเกียจฉันด้วย!” “ไม่ใช่แบบนั้น เธออย่าเข้าใจผิด แต่เรามีธุระที่ต้องจัดการจริงๆ” เฟิ่งอิงกลัวว่าจะผิดใจกับหัวหน้าหมู่บ้าน จึงอธิบายอย่างใจเย็น ทว่ากลับสร้างความหงุดหงิดให้เว่ยหนิง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD