1# ตอน ความเป็นความตาย

2032 Words
เสียงหวูดสัญญาเตือนดังขึ้น จึงจังหวะขัดเสียงด่าทอที่สาดเสียเทเสีย ผู้คนต่างตื่นตระหนก เพราะนั้นหมายความว่าอีกไม่นานจะมีการทิ้งระเบิด “เครื่องบินรบมาอีกแล้ว เร็วเข้า! รีบไปยังหลุมหลบภัย” “รอฉันด้วยค่ะ! แต่ขาฉันเจ็บ” “มาเถอะให้ฉันอุ้มเธอเอง” “นายท่านคะ! แต่ถ้าคุณอุ้มฉันแล้วคุณหนูแปดจะทำอย่างไร ดูเธอสิ ในสถานการณ์ที่อันตราย เธอยังนอนไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้น” “ยัยหนูแปด! แกจะแกล้งเจ็บอีกนานมั้ย รีบๆ ลุกขึ้นมา!” “ม.มะแม่ พะพ่อ ฉ.ฉัน!” ร่างที่นอนนิ่งพยายามสื่อสาร เธอไม่ได้แกล้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่เพราะเธอกำลังบาดเจ็บอย่างรุนแรง คนที่ลงมือตีเธอคือพวกเขา ผู้ที่ให้กำเนิดเธอ เพียงเพราะเธอทะเลาะกับลูกสาวแม่บ้านเรื่องทุนการศึกษา เธอคือคนที่ได้รับรางวัลอันภาคภูมิใจนี้ ไม่คิดว่าจูผิงกลับใส่ร้ายว่าถูกเธอกลั่นแกล้งเสมอตอนอยู่บ้าน เป็นคนใจร้ายที่เสแสร้ง จนทำให้ถูกริบทุนคืนจากโรงเรียนมัธยม มันคือความพยายามความทุ่มเทที่เธอสร้างมาตลอด ทว่าเพราะความริษยาจากเด็กสาวคนนี้ทำให้เธอต้องสูญเสียไป แต่พวกท่านที่เอ็นดูลูกสาวใช้มากกว่าลูกสาวอย่างเธอ ไม่เพียงไม่ยอมเชื่อแต่ยังลงโทษเธอ บอกว่าสร้างความเสื่อมเสียแก่พวกเขา มันน่าตลกมากที่พ่อแม่ไม่เชื่อลูกตัวเอง แต่เลือกจะเชื่อคนอื่น อาจเพราะจูผิงเกิดและเติบโตกับพวกท่าน ขณะที่เธอเพิ่งเข้ามาในบ้านไม่ถึงปี ตอนนั้นไม้ในมือพ่อฟาดถูกตรงบริเวณท้ายทอย เหมือนเธอจะได้ยินเสียงกระดูกหัก ความเจ็บมาพร้อมความชาหนึบ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย จึงทำให้เธอไม่สามารถขยับหรือกระดิกนิ้ว ทำไมพ่อแม่ถึงคิดว่าเธอแกล้งล่ะ? พวกเขาไม่สังเกตถึงความผิดปกตินั้น ยิ่งเสียงสัญญาณเตือนดังก้อง ความกลัวกัดกินหัวใจของเธอ จากที่เธอเห็น สายตาของพวกเขาดูรำคาญอย่างมาก คล้ายกับอยากจะปล่อยเธอทิ้งไว้ “สามี เราไม่ต้องไปสนใจเธอแล้วล่ะ ลูกสาวที่เอาแต่ใจขนาดนี้ ฉันเบื่อหน่ายกับการที่เธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าไม่เพราะฉันคลอดอย่างมีสติ คงคิดว่าจูผิงต่างหากที่เป็นลูกสาวของฉัน” เด็กสองคนเกิดไล่เลี่ยกัน แต่จูผิงกลับวางตัวได้ดี นั่นยิ่งทำให้คุณนายไม่ชอบลูกสาวคนนี้ “ไม่ได้นะคะป้า! คุณหนูแปดคือลูกสาวของคุณ ถ้าทิ้งเธอไว้เธอจะยิ่งเกลียดฉัน ฉันไม่อยากถูกเข้าใจผิดอีกแล้วฮึก! ฉันกลัวคะ” “มันกล้ารึ! แกช่างดีนัก รู้จักรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ ยังไม่รีบลุกขึ้นมา! อย่าคิดว่าฉันจะอุ้มแก” “พอเถอะภรรยา! ถ้ามันยังหัวแข็งแบบนี้พูดไปก็เท่านั้น เรารีบออกไปก่อน เดี๋ยวพอไม่มีใครสนใจจริงๆ จะวิ่งตามเราออกไปเอง” “โอ้แย่แล้วค่ะ! เสียงนั่นมาอีกแล้ว พวกเขาต้องคิดจะทิ้งระเบิดแถวนี้แน่” คราวนี้พวกเขาไม่พูดหรือมองเธออีก เด็กสาวมองพ่อกับแม่อุ้มจูผิงออกไป เธอเห็นว่าลูกสาวใช้กอดคอพ่อ ยังส่งยิ้มอย่างคนชนะมาให้ พวกเขาเหมือนครอบครัวพ่อแม่ลูกมากกว่าเธอ “ม...มะไม่!” เสียงแหบแห้งพยายามเปล่งเสียงร้องวิงวอน ขอให้พวกเขามาพาเธอออกไปด้วย แผ่นหลังทั้งสามคนหายไป เธอยังหวังว่าพ่อจะวิ่งกลับมา แต่รออย่างไรก็ไม่เห็นเลย กระทั่งเสียงกัมปนาทดังกระหึ่มของคลื่นระเบิด ภาพตรงหน้ามืดดับไป เมื่อเศษปูนเศษกระเบื้องหลังคาร่วงลงมา จมูกได้กลิ่นฝุ่น ก่อนมันจะหายใจลำบาก แต่เดิมขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว มาตอนนี้มันหนักอึ้งไปหมด สติค่อยๆ เลือนราง หูอื้อจนไม่ได้ยินอะไร นี่เธอจะต้องตายจริง? ตายอย่างโดดเดี่ยวเพราะถูกทิ้งไว้หรือ... พ่อ แม่ พวกคุณจะเสียใจบ้างมั้ย! หรือว่าจะหัวเราะยินดีโอบกอดจูผิงไว้อย่างหวงแหน ทั้งโล่งใจที่ไม่มีฉันให้เป็นภาระอีกแล้ว ดวงตาที่ปิดเพราะหลบเศษฝุ่นดิน มีน้ำตาไหลออกหางตาสองข้างไร้เสียงสะอื้นใดๆ พ่อแม่ที่เคยรักเธอ แท้จริงไม่ต้องการเธอมาตั้งนาน คนที่เขาชอบคอยเอาอกเอาใจ คือจูผิง เป็นเธอที่หลอกตัวเอง ในเมื่อไม่รักฉัน เช่นนั้นฉันจะยอมหายไปจากพวกท่าน ขอบคุณที่ให้ฉันเกิดมา “จบแล้ว! มันจบแล้ว! มหาสงครามได้สิ้นสุดลง พวกเขายอมจำนน ชัยชนะเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร จะมีการก่อตั้งสหประชาชาติเพื่อส่งเสริมความร่วมมือป้องกันความขัดแย้ง จากนี้เราจะไม่ต้องเผชิญกับสงครามอีก” “จริงหรือ! จะไม่มีการทิ้งระเบิด ไม่มีเสียงปืนกลที่น่ากลัว” “ใช่แล้ว! ตอนนี้เราจะไม่ต้องหลบอยู่ในรูแคบๆ จากนี้ไปพวกเราสามารถใช้ชีวิตกันเสียที” “ฮึก! ดีจังเลย ดีที่สุด!” “ร้องไห้เถอะ! ร้องมันออกมา พวกเรามาร้องไห้ด้วยกันฮื่อๆ” เด็กชายกอดคอเด็กสาวปล่อยโฮ เช่นเดียวกับคนข้างนอกที่กำลังระบายความเศร้าออกมา ไม่รู้ว่าโล่งใจหรือกังวล เพราะตอนนี้ความเสียหายมันท่วมท้น มีแต่กองซากปรักหักพังข้างนอกจากแรงระเบิดก็ดี การต่อสู้ก็ดี ยังมีร่างของผู้เสียชีวิตไม่น้อยที่ต้องเร่งจัดการ “ทหารเริ่มเข้ามาตรวจสอบ เราออกไปกันเถอะ ต้องยืนยันตัวตนกับพวกเขา” “เดี๋ยวก่อน! แต่แน่ใจหรือว่าเราจะสามารถอ้างสิทธิ์เพื่อครอบครองบ้านหลังนี้ได้” “ได้สิ คนทั้งครอบครัวตายไปหมดแล้ว เหลือฉันเพียงคนเดียว อีกอย่างคนแถวนี้เห็นฉันมานาน ฉันสามารถยื่นคำร้องขอการครอบครองบ้านกับที่ดินของลุงหวูได้” “แต่นายไม่ใช่ลูกหลานเขาจริงๆ พวกเราเป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น” “เธอเชื่อฉันสิ เขาเองก็ไม่มีญาติที่ไหน ฉันจะไม่ยอมให้ของถูกยึดไปหรอก จะไม่ยอมไปเร่ร่อนให้เธอถูกคนชั่วรังแก” “ขอบคุณนะอี้หาน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ยังปกป้องฉันอย่างดี” “อิงอิงเธอคือครอบครัวของฉัน เราจะไม่ทิ้งกัน” “อื้ม” เฟิ่งอิงยิ้มอย่างดีใจ ในตอนนั้นเธอได้รับการช่วยเหลือจากอี้หาน ถ้าไม่เพราะเขาสังเกตเห็นเธอที่ยังหายใจ นำเธอขึ้นมา และแบกร่างพาไปยังศูนย์ช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อรักษา เธออาจตายไปแล้วจริงๆ หมอที่ค่ายบอกว่ากระดูกต้นคอเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่กระทบเส้นประสาทมาก ไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นอัมพาตถาวร ไม่นับเรื่องที่ถูกหลังคาถล่มใส่ พอได้ยินแบบนั้นหัวใจจึงแหลกสลาย พ่อแม่ลงมือหนักขนาดนี้ ให้ถือว่าเธอคืนชีวิตแก่เขาไป เฟิ่งอิงจึงไม่มีความคิดจะตามหาพ่อแม่ ให้พวกเขามีความสุขกันต่อไปเถอะ หลังจากไปยืนรอรวมกับคนอื่นๆ เพื่อลงชื่อ จึงแสดงเจตจำนงของอาศัยในบ้านลุงหวู เพียงแต่อายุของทั้งคู่ค่อนข้างน้อย อี้หานอายุสิบสี่ เฟิ่งอิงอายุสิบห้า ไม่มีผู้ปกครองหรือญาติแต่อย่างใด “บ้านหลังนั้นเสียหายหนักมาก มันแทบไม่ใช่บ้านแล้ว แน่ใจหรือว่าจะอยู่ที่นั่นได้” เจ้าหน้าที่ต้องสอบถามเพิ่มเติม เขาต้องการพาทั้งสองคนไปที่ค่ายเพื่อจัดสรรหางานให้ทำมันจะเป็นการดีกว่า ซึ่งหลายคนได้ฟังต้องอิจฉา แต่เฟิ่งอิงยังหวาดกลัว เธอเกรงว่าหากมีสงครามอี้หานจะต้องถูกเกณฑ์ไปรบ เธอไม่อยากสูญเสียเขา “อยู่ได้ครับ พวกเราต้องการอยู่ที่นี่ ถึงจะพังแต่ยังสร้างขึ้นใหม่ได้” “น่าเสียดาย! หน่วยก้านนายดีมาก หากได้เข้ากองทัพคงมีอนาคตไกล เธอคนนี้ก็ดูมีความรู้ อาจได้เป็นผู้ช่วยในค่าย มีทั้งสวัสดิการและเงินเดือน ไม่คิดเปลี่ยนใจแน่รึ?” เฟิ่งอิงเขย่าแขนอี้หาน เธอไม่ต้องการไปจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะดีมากสำหรับเหตุการณ์หลังสงคราม ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารที่อยู่อาศัย ทว่าเธอไม่สบายใจ “ผมขอยืนยันคำเดิมครับ แต่ผมยินดีรับใช้ชาติหากต้องการเรา” “ดี! ฉันจำคำพูดนายไว้แล้ว เช่นนั้นตามใจ เธอจะได้รับการจัดสรรตามนโยบายเหมือนกับพลเรือนคนอื่น” “ขอบคุณครับ” สองคนรับถุงผ้าออกจากเต็นท์ ข้างในมีสิ่งเพื่อยังชีพให้อยู่รอดได้ในระยะหนึ่ง แต่หลังจากนี้ทุกคนต้องพึ่งตัวเอง ระหว่างทางมีหลายคนที่หัวเราะเยาะอี้หาน ต่างบอกว่าเขาโง่ที่ละทิ้งโอกาสดีไป “อี้หานฉันขอโทษนะ! เป็นฉันที่เห็นแก่ตัว นายสามารถเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตไกล กลับมีฉันเป็นตัวถ่วง” “บอกตามตรงว่าฉันแอบเสียดายเหมือนกัน การอยู่ข้างนอกมันลำบากมากจริงๆ ประเทศเราเผชิญสงครามมานาน ทั้งในและนอก ยังมีเรื่องภัยพิบัติทำให้ขาดแคลนอาหาร เศรษฐกิจก็พัง การดิ้นรนให้ผ่านไปแต่ละวันไม่ง่าย” อี้หานหยุดยืนมองกองผ้าขาวที่คลุมเป็นแถวเรียงรายยาว กำลังถูกหลายคนตรวจสอบ บางคนที่พบคนในครอบครัวแต่ไม่มีลมหายใจแล้ว พากันแผดเสียงร้องไห้ “แต่พอคิดดู ฉันอยากมีความสุขกับปัจจุบันมากกว่า” นั่นคือชีวิตที่ไม่ได้ไปต่อ ดังนั้นเขาจึงทำตามความต้องการของเฟิ่งอิง อยู่เป็นเพื่อนเธอ ต่อสู้ไปด้วยกัน! “อี้หาน” “หืมว่าไง” “ดูเศษไม้พวกนี้สิ ยังมีตะปูติดอยู่ ถ้าเราหาอะไรมาทุบน่าจะพอนำมาใช้ใหม่ ทั้งไม้ทั้งตะปู อ่าตรงนั้นมีท่อนเหล็ก นี่อาจใช้แทนค้อนได้นะ” “จริงด้วย! แบบนี้ไม่เลวเลย ถึงตอนนี้ฟ้าจะยังปลอดโปร่งแต่ถ้าฝนตกลงมาเราจะไม่มีที่อยู่” “ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยกัน นายดัดตะปู ฉันจะเดินเก็บไม้ที่พอใช้ได้ แล้วจะมาช่วยนายอีกแรง บางทีก่อนมืดเราจะพอมีหลังคาคุ้มหัว” “เดินระวังนะ! หากเหยียบตะปูเข้าอาจป่วยได้ พวกเขาจะไม่ฉีดยาบาดทะยักให้คนอย่างเรา” “นายด้วย” “วางใจ หนังฉันหนา” สองคนช่วยกันนำไม้ที่พอใช้ได้มากองไว้ หาเก็บตะปูมาดัดเพื่อใช้งานใหม่ ระหว่างที่เฟิ่งอิงเดินคุ้ยเขี่ยอยู่เธอได้พบกับสมุดเก่าๆ เล่มหนึ่ง ตอนแรกไม่คิดจะสนใจ แต่ไม่รู้ทำไมถึงวางลงไม่ได้ สุดท้ายจึงหยิบขึ้นมาเปิดดู ทว่าข้างในว่างเปล่า ไม่มีการเขียนบันทึก “ดูเหมือนจะยังไม่ได้ใช้ เช่นนั้นเก็บไว้ก่อน ในอนาคตฉันอาจต้องใช้แกจดบันทึกสิ่งต่างๆ” หลังจากเดินหาสิ่งที่พอจะใช้เพื่อการซ่อมแซม นำไปกองรวมคิดจะขนกลับไปก่อน ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายหลายคนที่มองเธอ สายตาของพวกเขาทำให้เธอไม่สบายใจนัก ไม่ได้มีแค่เธอที่ต้องซ่อมแซมที่พักอาศัย “นั่นได้อะไรมา เจอหรือ?” “อืมเป็นของที่ยังไม่ได้ใช้ ฉันเสียดายเลยเก็บมา” “สีหน้าเธอดูตกใจนะ มีอะไรรึเปล่า” “ฉันแค่กังวลเล็กน้อย เรารีบซ่อมบ้านเถอะ จะได้พอเข้าอยู่ก่อนมืด” “งั้นเธอดัดตะปู ฉันว่าจะไปตีปิดโครงสร้างตรงนั้น ถ้ามีฝนตกลงมาเราค่อยขุดดินมาอุดปิด” “ตกลง” เฟิ่งอิงยิ้มดูน่ารักเหลือเกิน ถึงจะผอมมากและมอมแมมแต่เธอเป็นคนสวยผิวพรรณดี นั่นทำให้อี้หานหน้าแดง เขาจึงหันหนีไปทางอื่น รีบทำงานแก้เขิน เธอไม่ได้รู้ตัวว่าได้ทำใครบางคนใจเต้นแรง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD