“ลืมไปว่าตอนเมาคุณจะพูดไม่เพราะ แบบนี้ต้องทำให้หายเมาก่อนสินะ”
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ฉันจะกลับแล้ว ปล่อย!” ปากว่าเขา มือก็ดันแผงอกแกร่งออก ทว่ามือเรียวจับตรงไหน หัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวตาม เขาเปลือยท่อนบน โดยมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวปิดบังช่วงล่างเอาไว้ กล้ามเนื้อบึกบึนที่เธอเห็นตอนนี้ เมื่อคืนเธอสัมผัสมาแล้วทุกสัดส่วน
“ค่อยกลับพร้อมกัน”
“ไม่!”
“อยู่บ้านเดียวกันก็ต้องกลับพร้อมกันสิ”
“...นี่นาย รู้เหรอ” ตางามเบิกกว้างเมื่อเขาพูดแบบนั้น คนที่คร่อมร่างอยู่ไม่ตอบ แต่รอยยิ้มของเขาทำให้เธอมั่นใจว่าเขารู้ “นายรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“คุณก็เป็นเมียผมไง”
“ใคร ใครเป็นเมียนาย อย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ” ปากน้อยเถียงกลับทันควัน แต่หัวใจสั่นรัวแทบบ้าคลั่ง เมื่อกี้เขาบอกว่าเธอเป็นเมียเขาโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“ไม่ได้พูดมั่ว ๆ แต่ผมมีหลักฐาน” ว่าพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหลุบตาไล่มองเรือนร่างที่นอนอยู่ใต้ร่างเขา พลันนั้นภาพความจำเมื่อคืนก็กรูเข้ามาในหัว ใบหน้าสวยค่อย ๆ เห่อร้อนขึ้นยามนึกถึงตอนที่กลีบปากเขาสัมผัสส่วนนั้นส่วนนี้ของเธอ ไอร้อนของริมฝีปากเขาที่ทาบลงมาทุกสัดส่วนชวนให้กายบางตอนนี้ร้อนผ่าวไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ผมจำได้ว่าฝากรอยไว้หลายที่เลย โดยเฉพาะตรงอุ๊บ!”
“อย่าพูดนะ!” เสียงแหลมรีบปรามทั้งยังปิดปากเขาด้วยมือเรียว วินาทีที่สบตากันภาพตอนที่เขาฝากฝังร่องรอยไว้ตามกายบางก็ลอยเต็มสองตา “ถ้ารู้แล้วว่าฉันเป็นใคร นายก็ปล่อยฉันไปสักทีสิ ฉันเป็นผีนะไม่กลัวหรือไง” มือเรียวละออกจากปากเขาเมื่อลิ้นสากดุนดันอุ้งมือเธอจนรู้สึกจักจี้
“เมื่อคืนก็ไม่น่ากลัวนี่ น่า…เอา” คำสุดท้ายของประโยคทำเจ้าที่สาวกัดฟันกรอดก่อนจะกระทุ้งหัวเข่ามนเข้าหาหว่างขาแกร่งแรง ๆ
ปึก!
“อึก!” คนบนร่างฟุบตกโซฟาพลางกุมหว่างขาตัวเองไว้
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เสียงแหลมแหวใส่เขาก่อนจะรีบวิ่งหนี ทว่าก้าวหนีจากเขาได้เพียงสองก้าวเท่านั้นก็ล้มฟุบลงกับพื้น ภาพในหัวพร่าเบลอ สองขาเรียวไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อ ๆ
“ทีนี้เชื่อผมหรือยังว่าคุณเมาแล้ว” คนที่หยัดกายลุกขึ้นยืนกุมเป้าตัวเองเดินเข้ามาหาคนที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น “เป็นผีบ้านแต่ไม่อยู่บ้าน ออกมากินเหล้าจนเมาแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เสียงทุ้มบ่นให้
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องไออุ่น”
“ฟ้องไออุ่นว่าคุณเป็นคนชวนผมเล่นจ้ำจี้น่ะเหรอ”
“อะ ไอ้!”
“พูดเพราะ ๆ” คนที่ย่อตัวลงเอ่ยเสียงดุก่อนจะดึงสองขาเรียวเข้าหาเขาที่อยู่ในท่าคลานเข่า
“อ๊ะ! ปะ ปล่อยนะ!”
“ไม่ปล่อย จะทำไม” คนกวนประสาทเลิกคิ้วใส่
“ทำแบบนี้ทำไม มายุ่งกับฉันทำไม”
“อยากได้เป็นเมีย”
“...” คำตอบของเขาทำใบหน้าหวานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาบึ้งตึงใส่เขาอีกครั้ง “ปล่อย”
“ทำไม? ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้เลยไม่อยากเริ่มต้นใหม่?” คำถามของอคินทำให้ตรีนุชนิ่งไป ถ้าเป็นก่อนที่จะได้พูดคุยกับเขาน่ะเธอไม่ปฏิเสธว่าลืมคนเก่าไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว เมื่อคืนตอนได้พูดคุยและระบายเรื่องเก่า ๆ ให้เขาฟัง หลายประโยคของเขาทำให้เธอคิดได้และสบายใจขึ้น
“ไม่เกี่ยวกับนาย” เสียงอ่อยบอกเขาแบบไม่มองหน้า
“ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย” มือหนารั้งท้ายทอยบางเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบข้างหู “ตัดใจจากมันซะ ถ้าไม่อยากให้มันตายทั้งเป็น”
“พูดอะไรของนาย…” เธอถามเสียงเรียบพร้อมย่นคิ้วใส่ด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำตัวดี ๆ ในตอนที่ผมรับบทเป็นคนดี เข้าใจไหม”
“...นายไม่มีสิทธิ์มาห้ามอะไรฉันทั้งนั้น เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว เรื่องของเราให้มันจบแค่เมื่อคืน” เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำขลับหมายจะทำให้เขากลัว แต่กลับเป็นเธอเองที่ขนลุกซู่และร้อนวาบไปทั้งตัวจนต้องถอยหนี
“ให้มันจบเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเคยมองว่ามันละมุนละไม ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน “รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณครางชื่อผมดังแค่ไหน” เขาพูดพลางดึงสองขาเธอให้เข้ามาใกล้ขึ้นโดยมีเขาอยู่ตรงกลาง
“ปล่อยนะ!”
“รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณขอให้ผมทำต่อกี่รอบ” เขาพูดเสียงเรียบ จ้องเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉยราวกับเป็นคนละคนยามที่อยู่ต่อหน้าแม่กับน้องสาว “รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณขอให้ผมช่วยทำให้ลืมมันยังไง” ไม่ว่าเปล่าแต่กระตุกผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบออก เผยให้เห็นของอันตรายที่ผงาดอยู่เบื้องหน้า
“ยะ อย่านะ ออกไปนะ” เจ้าที่สาวปรามเสียงสั่นก่อนจะพยายามถอยหนี ทว่าสองมือหนาที่กระตุกข้อเท้าเล็กแรง ๆ ก็ทำให้เธอถลากลับเข้ามาใกล้เขา “นายกำลังคุกคามฉันอยู่นะ”
“รู้แล้ว” เสียงเรียบตอบขณะกดไหล่มนสองข้างให้แนบกับพื้นเย็นเฉียบ
“อย่านะ! นี่นายทำผิดกฎหมายอยู่นะ นายกำลังคุกคามฉัน”
“แล้วยังไง? เรื่องของเรามันแฟนตาซี บอกไปแล้วใครจะเชื่อ”
“...”
“จะไปแจ้งตำรวจว่าคนข่มขืนผีเหรอ”
“...”
“ถ้าไม่อยากให้ผมยุ่งกับคุณ คุณก็ไม่ควรมายุ่งกับผมตั้งแต่แรกนะ” มือหนาดึงเกาะอกสีดำให้ร่นลง เผยให้เห็นสองดอกบัวงามเบ่งบานอยู่ตรงหน้า
“ยะ อย่านะ…”
>>> พี่อคินก็คือเล็งไว้ตั้งนานแล้ว ว่าแต่นานแค่ไหนนะ ><
__________
ติดต่อนักเขียน Face Book ใจดินสอ / เดือนสิบสอง