แผ่นหลังที่เศร้าหมองของลูอีสค่อยๆเดินจากเธอไป ดาฟเน่รู้ดีว่าเขาคงจะกำลังเจ็บปวด แต่เธอคิดว่าให้เขาเจ็บปวดตอนนี้ยังดีกว่าให้เขาจมอยู่กับความรักลมๆแล้งๆที่ไร้หนทางสมหวัง
เพราะว่าเธอมิได้รักเขา...
ความรักคือสิ่งจำเป็นน้อยที่สุดในความคิดของดาฟเน่ ตอนนี้มีแต่ต้องรีบหาผู้บงการจ้างคนมาสังหารเธอให้พบเจอโดยไว
เธอจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะ เพราะกว่าจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งมันช่างยากเย็น
"อยู่นี่เอง ข้าหาเจ้าซะทั่ว"
อีสเซเดินเข้ามาหาเธอ เขาล้มตัวลงนอนบนตักของเธอราวกับว่าเขากำลังเหนื่อยล้า
"มีเรื่องราวยุ่งยากงั้นหรือ?"
"...นิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าเป็นกังวลหรอกนะ กลับกันเถอะ เจ้าสัญญาแล้วว่าจะเป็นแบบวาดรูปให้ข้า!"
ขุนนางเฒ่าพวกนั้น มีแต่จะกดดันให้เขาคัดเลือกบุตรสาวของตัวเองเป็นจักรพรรดินี อีสเซเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานคำขอพวกนั้นได้อีกนานแค่ไหน
หากว่าพวกสภาอาวุโสลงชื่อถอดถอนเขาออกจากการเป็นองค์จักรพรรดิจะทำอย่างไรดีนะ...ทีนี้ใครจะคอยปกป้องดาฟเน่จากคำกล่าวนินทาว่าร้ายพวกนั้น
"เซส! ข้าน่ะเติบโตมาโดยไร้ครอบครัว วันหนึ่งในอนาคตข้าจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับขุนนางสักคนเป็นแน่!"
เด็กน้อยวันเก้าขวบนั่งลงเคียงข้างเขา เธอคือเพื่อนและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ดาฟเน่คือความจริงเพียงสิ่งเดียวในโลกใบนี้เพราะท่านแม่ของเขาเป็นเพียงสนมที่ต่ำต้อย ทำให้เขามิได้เติบโตมาในอ้อมกอดท่านแม่ จักรพรรดินีเป็นคนเลี้ยงเราทั้งสองมาด้วยกัน มันไม่ได้แย่เพียงแต่เด็กน้อยในตอนนั้นโหยหาอ้อมกอดของบิดาและมารดามากกว่าทรัพย์สมบัติมากมายที่ได้รับ
แต่โชคดีที่มีดาฟเน่ เขาและเธอจึงเป็นที่พึ่งพิงของกันและกัน
"ถึงเวลานั้น ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!"
อีสเซวัยสิบขวบกล่าวคำมั่นพร้อมทั้งเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอ
"สัญญาแล้วนะเซส ถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องปกป้องข้าจากผู้คนน่ารังเกียจพวกนั้น...."
ถึงจะกล่าวเช่นนั้นแต่พอถึงเวลาจริงๆ วันที่เธอสวมชุดแต่งงานเขากลับไม่มีอำนาจมากพอที่จะช่วยเหลือเธอ
"ไม่เป็นไรเซส ก็แค่การแต่งงาน ข้ายังคงเป็นของเจ้า และเจ้าก็ยังเป็นของข้า"
เขามิกล้าแม้แต่จะกล่าวคำใดออกไปเพราะคนที่ผิดคือเขา เขาสัญญาเอาไว้แต่กลับทำในสิ่งที่ให้คำมั่นเอาไว้มิได้
เขาสูญเสียเธอไปเพราะราชโองการของเสด็จพ่อ...
ความคิดของอีสเซเริ่มเปลี่ยนไป เขาต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดินี้ เพื่อที่จะได้ปกป้องดาฟเน่ ปกป้องเธอจากทุกอย่าง ทั้งสายตาที่น่ารังเกียจ คำกล่าวครหาที่ไม่สมควรพูดออกมา...
ต้องปกป้องเธอให้ได้!!
ดาฟเน่ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆอีสเซก็อุ้มเธอขึ้นมา แต่ทว่าเธอก็มิได้ขัดขืนและปฏิเสธ
"...หิมะแรกใกล้จะตกลงมาแล้ว"
เธอกล่าวพร้อมกับหลับตาลงในอ้อมกอดของเขา
"นั่นสินะ ฤดูหนาวที่แสนยาวนานใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว หวังอย่างยิ่งว่าข้าจะได้นอนกอดเจ้าในวันแรกที่หิมะโปรยปรายลงมา"
เขาวางเธอลงที่เตียงอย่างแผ่วเบา
"วันนี้เจ้าอยากจะให้ข้าวาดรูปเช่นไร?"
ดาฟเน่ส่งยิ้มแห้งๆให้อีสเซ
"รูปตอนยิ้มดีไหม ข้าอยากบันทึกเอาไว้ว่าข้ามีความสุขมากในวันนี้"
อีสเซส่งยิ้มให้เธอ เขาเขยิบเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อนของเขา เขาดึงเครื่องประดับที่ปักอยู่บนผมของเธอออก ทำให้ผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยสยายลงมา
"ข้า...อยากเห็น มากกว่านั้น ความสุขที่มากกว่ารอยยิ้ม..."
นิ้วของอีสเซไล้ไปตามใบหน้าของเธอตั้งแต่หน้าผากจรดริมฝีปาก เขาใช้นิ้วหยอกเย้าริมฝีปากของเธอเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือลงไปที่เชือกด้านหลัง
ดาฟเน่กลืนน้ำลายลงคออยากยากลำบาก เพราะหากว่าเขาดึงเชือกนี้ออกชุดของเธอจะหลุดลงมา และอีสเซไม่คิดรอคอยคำปฏิเสธหรือตอบรับจากริมฝีปากคู่สวย เขาดึงเชือกออกทันทีพร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง
ชุดสีขาวของดาฟเน่ร่วงหล่นลงไปกองที่พื้น ตอนนี้เธอมีเพียงเสื้อและกางเกงซับในเท่านั้น การกระทำที่รวดเร็วของอีสเซมันทำเธอมิทันได้กล่าวประท้วงออกไป เขาแกะเชือกชุดชั้นในของเธอออก พร้อมกับฉีกกางเกงซับในของเธอจนมันขาดออกจากกัน
การกระทำที่ทั้งรุนแรงและอ่อนโยนของเขามันทำให้เธอสับสน จนสมองมิอาจคิดหาทางหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าได้เลย!!
เขาวางเธอลงอย่างแผ่วบนโซฟา อีสเซเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างโซฟาออกมา มันคือตลับชาดสีชมพู เขาใช้มือบรรจงทามันที่แก้มและริมฝีปากของเธอ เมื่อเธองดงามได้ตามความต้องการของเขาแล้ว อีสเซก็จัดท่าทางการนอนของดาฟเน่
"วันนี้ข้าจะวาดเจ้าออกมาให้งดงามที่สุด กฎข้อเดียวคือเจ้าจะต้องมองสบตาข้าเอาไว้นะดาฟ ห้ามละสายตาจากใบหน้าของข้า เพราะนั่นจะทำให้ข้าเสียสมาธิและจะต้องมาเริ่มใหม่ จนคงไม่อยากจะหนาวตายหรอกใช่ไหม?"
"อีสเซ ข้าคิดว่า.."
"ดาฟ ข้าไม่คิดว่าครั้งนี้ข้าจะสามารถยินยอมเจ้าได้อีกแล้วเพราะข้ายอมเจ้ามาสองครั้ง ครั้งแรกตอนที่เราพบกันเจ้าปฏิเสธการร่วมรักกับข้าและครั้งที่สองคือเมื่อครู่ที่เราอยู่ด้วยกันในห้องนี้ เจ้ากล่าวเองว่าหลังจากงานเลี้ยงจบเจ้าจะมาเป็นแบบให้ข้า..."
ดาฟเน่กลืนความไม่พอใจลงคอ เธอเม้มปากแน่นด้วยอาการประหม่าเมื่ออีสเซเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน เขานั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าเธอก่อนจะเริ่มลงมือวาด
"เล่นกับตัวเองหน่อยสิดาฟ เช่นที่เคยทำ..."
ลมหายใจของเธอติดขัด ถึงแม้จะคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องไม่ใช่การวาดรูปธรรมดาแน่นอนแต่การเล่นกับตัวเองนี่มันคือต้องทำยังไงกันนะ!!
อีสเซเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่ประหม่าของดาฟเน่ เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาเธอ
"อ้าขาออกหน่อยสิ..."
เขาใช้นิ้วของเขาเริ่มนวดคลึงเบาๆที่จุดกึ่งกลางของเธอ
"รู้สึกดีใช่ไหม สัมผัสแต่ละจุดจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน หาจุดที่ตัวของเจ้ารู้สึกดีที่สุดให้เจอแล้วสัมผัสมันพร้อมกับมองมาที่ข้า..."
อีสเซจับมือของดาฟเน่ในเธอใช้นิ้วของตัวเองสัมผัสที่จุดกึ่งกลาง ใบหน้าที่งดงามนั่นเริ่มขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
"ขยับสิ..หากว่าเจ้าไม่ทำด้วยตัวเอง ข้าจะเป็นคนไปทำนะ..."
ดาฟเน่กลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง เธอยอมทำเองดีกว่าให้เขามาทำ เนื่องจากความอ่อนในประสบการณ์ ดาฟเน่ก็เลยลองใช้นิ้วตัวเองลูบไปทั่วๆ
"อึก!!"
เธอรู้สึกดีเมื่อสัมผัสที่ติ่งเสียวของตัวเอง ยิ่งนวดคลึงก็ยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และเธอไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา
อีสเซในตอนนี้หายใจหอบเหนื่อยเพราะดาฟเน่ดูร้อนแรงขึ้นมากกว่าเมื่อครู่ เขาใช้มือข้างหนึ่งวาดใบหน้าที่เย้ายวนของเธอส่วนมืออีกข้างชักรูดความเป็นชายที่กำลังแข็งขืนขึ้นมาพร้อมกับมองดูดาฟเน่กำลังเล่นกับตัวเอง
"เร็วกว่านั้นดาฟ ขยับมือของเจ้าในเร็วขึ้นอีก"
"อ๊ะ!! อื้อ!!"
สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือเหตุใดร่างกายจะต้องทำตามคำสั่งของเขาด้วยนะ!! ทว่าพอเธอเริ่มเร่งจังหวะนิ้วให้เร็วขึ้นมันก็รู้สึกดีมากกว่าเดิมจริงๆ
อีสเซวางพู่กันลง เขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับก้มหน้าลงไปดูดเลียน้ำสีขาวใสที่ไหลเยิ้มออกมา เธอตกใจจนผลักใบหน้าของอีสเซออก
เขาเปิดลิ้นชักล่างสุดออก ก่อนจะหยิบบางอย่างส่งให้เธอ มันคือหินอ่อนที่มีลักษณะกลมยาว ขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะว่าเธอสามารถกำมันได้สบายๆ
"ใส่มันเข้าไปสิดาฟ เมื่อก่อนเจ้าชอบมันที่สุดเลย เจ้าแฉะพอที่จะใส่มันเข้าไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว"
พอรู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไรสีหน้าของเธอถึงกลับเปลี่ยน เธอตกใจแถมยังหวาดกลัว เมื่อเขาเห็นสีหน้าตกใจของเธอ อีสเซจึงอ้าขาของเธอออก เขาหยิบแท่งหินอ่อนนั้นมาวนเบาๆที่ปากทางเข้า
"อีสเซ...มะ ไม่ อึก!"
เขาดันมันเข้าไปช้าๆจนมันเข้าไปได้ครึ่งด้าม อีสเซจับมือของเธอมาจับที่ปลายด้ามที่เหลือแล้วสอนให้เธอรู้จักการขยับมันเข้าออก...
เธอมองสบตาเขาด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาจนเขาที่ตั้งใจจะลุกขึ้นไปวาดรูปต่อถึงกับใจอ่อนยวบ
ดาฟเน่ที่ไร้เดียงสานี่ อันตรายต่อหัวใจกว่าที่คิด ความทรงจำของเธอถูกลบลืมไปหมดไม่เว้นแม้แต่ประสบการณ์ที่แสนจะช่ำชองในเรื่องอย่างว่า
ราวกับมีขนนกปัดผ่านหัวใจของเขา ให้ตายเถอะเขาตกหลุมรักเธออีกแล้ว!!
"ขยับมันสิดาฟ ขยับในจังหวะที่เจ้ารู้สึกดี"
เธอลองทำตามที่เขากล่าว เริ่มขยับมันด้วยมือของเธอเอง
"ใช่ แบบนั้นแหละ ดีไหม?"
เธอไม่กล้าตอบออกไป ดาฟเน่ทำได้เพียงร้องครางออกมาอย่างแผ่วเบา
เขาก้มลงไปโอบกอดเธอเอาไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากนั้นอย่างรุนแรงพอๆกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาในใจตอนนี้
อีสเซลุกขึ้นพร้อมกับชักรูดตัวตนของเขา สายตาของเขาและเธอสอดประสานกัน เราทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างมันเขี้ยว เธอยังคงใช้มันขยับเจ้าแท่งหินอ่อนนั่นเข้าออกช้าๆ
เขาดึงให้ดาฟเน่ลุกขึ้นนั่ง อีสเซจับที่ตัวตนของเขาและใช้ส่วนปลายถูเบาๆที่ติ่งเสียวของเธอ
"อ๊ะ!! อ๊า!!"
เขาดึงแท่งหินอ่อนออกอย่างรวดเร็วก่อนจะใส่ตัวตนของเขาเข้าไปแทน!! โดยไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
มันต่างกัน! ในตอนที่เขาใส่เข้ามามันอุ่นร้อน อีกทั้งขนาดที่ใหญ่กว่านั้นทำให้เธอแทบจะเสร็จสมออกมาเพียงเพราะเขาขยับเบาๆ
"ดีกว่าเดิมใช่ไหม? อึก!"
อีสเซเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาของเธออย่างอ่อนโยนและรักใคร่ เขาโอบกอดเธอเอาไว้และทุกการกระทำของเขามันอ่อนโยน น่าแปลกที่วันนี้เขาไม่อยากทำรุนแรง อาจจะเป็นเพราะท่าทีที่ไร้เดียงสาของเธอด้วย เขาสัมผัสได้ถึงด้านในของเธอที่มีแรงดันเบาๆพร้อมกับตัวของดาฟเน่ที่แอ่นกระตุก
"เสร็จได้มากเท่าที่เจ้าต้องการเลยนะดาฟ คืนนี้ข้าจะโอบกอดเจ้าเอาไว้เอง...."