วินมองเจ้านายอย่างสงสัย ท่าทางเจ้านายและรอยยิ้มมุมปากที่นาน ๆ จะเห็นสักที ครานี้เห็นทีเจ้านายน่าจะได้เปลี่ยนสเปคผู้หญิงก็คราวนี้
ไฟแทบทุกดวงในบ้านพิพักษ์บรมถูกปิดมืดในช่วงเวลาตีสอง นอกจากกล้องวงจรปิดที่ทำงาน ก็คงมีแต่ปทุมพรที่ชะเง้อชะแง้ที่หน้าต่างชั้นล่างด้วยความกระวนกระวาย สามีเธอหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวและไม่รู้เลยสักนิดว่าเมื่อหัวค่ำเธอส่งตัวลูกสาวหัวเน่าไปประเคนคุณเหวินเทียนถึงที่
แกร๊ก!!
ริสาปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ปทุมพรแอบมุมเสาลอบมองดูริสาที่วิ่งขึ้นห้องด้วยความโล่งใจ
“หึหึ...ทีนี้ลูกมีนก็กลับมาได้แล้วสินะ” ปทุมพรมองภาพครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีเพียงสามี เธอ และลูกสาวคนเดียวอย่างเป็นสุข
กริ๊ก!!
แก้วกาแฟหอมกรุ่นถูกวางลงบนโต๊ะหินอ่อนก่อนที่เจ้าของจะเริ่มบทสนทนา
“พ่อแค่อยากลองใจไอ้ทรงศักดิ์มัน” เหวินเทียนมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาบ้านด้วยเรื่องนี้
“เพื่ออะไรครับ” เฟิงหยางหรี่ตามองบิดาด้วยความสงสัย ทำไมพ่อของเขาต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แถมยังเกือบทำบ้านแตก ดีไม่ดีหัวอาจจะแตกด้วยถ้าเกิดเขาไม่เข้าไปช่วยไว้
“ทรงศักดิ์มันเป็นคนมีความสามารถ เป็นนักบริหารงานการเมืองที่เก่งคนหนึ่ง คนดี ๆ อย่างมันถึงพ่อไม่หนุนหลัง มันก็ได้ตำแหน่งอย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแค่พ่อเอ่ยถึงชื่อมันให้กับท่านรัฐมนตรีก็แค่นั้น มันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าพ่อเป็นคนซื้อตำแหน่งให้”
“มันมีอะไรมากกว่านั้นสินะครับ”
เหวินเทียนหัวเราะลั่นเมื่อเห็นลูกชายรู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง อย่างนี้สินะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแท้จริง
...
งานเลี้ยงภายในพรรคของทรงศักดิ์จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการเพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาคะแนนจากประชาชนเทให้อย่างถล่มทลาย คนมากหน้าหลายตาทั้งตำแหน่งเล็กตำแหน่งใหญ่มารวมตัวในฮอลล์กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
งานเลี้ยงที่ไม่พ้นมีแต่ผู้ใหญ่แก่ ๆ และเหล่าลูกเต้าภรรยาที่มาอวดบารมีกัน ลูกบ้านเล็กอย่างริสาต้องหลีกทางให้บ้านใหญ่นั่งโต๊ะคุยโวอย่างเลี่ยงไม่ได้ โชคยังดีที่พี่สาวแสนเพอร์เฟกต์อนุญาตให้เธอนั่งข้าง ๆ ในฐานะคนถือของ เธอจึงถูกกำชับนักกำชับหนาไม่ให้สนทนากับใครมากนัก
แม้ว่าหลังจากคืนนั้นที่แม่ส่งเธอไปที่คลับจะปฏิบัติกับเธอดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงคืนนั้น รวมถึงเธอเองด้วยเธอเองก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอได้ทดแทนบุญคุณกับคนผู้นั้นไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มรูปงามหน้าตาหล่อเหลาน่าค้นหาใส่สูทสีดำราคาแพง ดูดีมีภูมิฐานบ่งบอกถึงฐานะชาติตระกูลและรสนิยม เพียงแค่เขาเดินเข้ามาในงาน สายตาทั้งสาวใหญ่สาวน้อยต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
การมาของหนุ่มหล่อทำให้งานน่าเบื่อที่มีแต่นักการเมืองเชย ๆ แก่ๆ ดูมีสีสันขึ้นมาทันตา
“ถ้าไม่รังเกียจผมขออนุญาตนั่งร่วมโต๊ะกับคุณหญิงสักครู่ได้ไหมครับ”
“เชิญค่ะ” คุณหญิงปทุมพรเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร มีนลูกสาวคนสวยนั่งหลังตรงเป็นนางพญามองชายหนุ่มตรงข้ามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ภายในใจกลับเต้นระรัว เธอพ่ายแพ้ผู้ชายมาดผู้ดีแต่ดูร้ายนิด ๆ แบบนี้เป็นที่สุด ส่วนริสาจับจ้องผู้มาใหม่ตาไม่กะพริบเช่นกัน
“ขออนุญาตเสียมารยาทนะคะ คุณ...คือ?”
“ผมเฟิงหยางครับ เฟิงหยาง เวศสุวรรณไพศาล” คุณหญิงปทุมพรยิ้มแห้งในใจ กระวนกระวายแปลก ๆ เวศสุวรรณไพศาลที่เธอรู้จักก็ไม่พ้นคุณเหวินเทียนกับคุณหญิงจินดา แถมล่าสุดเพิ่งส่งลูกนอกสมรสไปให้คุณเหวินเทียนเชือดถึงที่ แล้วนี่ยังมีคนนามสกุลเดียวกันโผล่มาอีก
“คุณเป็น...”
“ผมเป็นลูกชายของคุณเหวินเทียน กับคุณหญิงจินดา เวศสุวรรณไพศาลครับ”
“อ่า... จริงสินะคะได้ข่าวว่าลูกชายคุณหญิงไม่ค่อยออกงานสังคม ได้เจอคุณเฟิงหยางตัวจริงถือว่าเป็นเกียรติมาก ๆ เลยค่ะ...ใช่มั้ยจ๊ะลูกมีน” ปทุมพรเสียวสันหลังวาบเมื่อรู้ว่าคนมาใหม่เป็นลูกชายคนเดียวของคุณเหวินเทียน แต่พอเห็นหูตาที่แพรวพราวของเฟิงหยางที่จ้องมองลูกสาวของเธอ เธอจึงคลายความกังวลพูดชงให้ลูกสาวสุดที่รักเสียหน่อย
“คุณหญิงจะว่าอะไรมั้ยครับหากผมจะขออนุญาตทำความรู้จักกับลูกสาวคุณหญิงมากขึ้น” เฟิงหยางเอ่ยถามคุณหญิงแต่สายตากลับจ้องมองลูกสาวคนโตไม่วางตา
“มีนค่ะ...ลูกคุณแม่กับคุณพ่อทรงศักดิ์เพิ่งกลับจากอังกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเฟิงหยาง” มีนยื่นมือออกไปเพื่อแสดงความทักทาย เฟิงหยางจับมือมีนพลางยิ้มอ่อน ๆ เลิกคิ้วน้อย ๆ บ่งบอกว่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้คุยกัน
“ผมคิดไว้แล้วเชียวว่าทำไมผมถึงรู้สึกอยากทำความรู้จักกับคุณมาก คงเพราะนี่เป็นการเจอกันครั้งแรกของผม...กับคุณมีน”
ปทุมพรลอบมองทั้งคู่ก่อนจะมองไปทางลูกเลี้ยงที่กำลังก้มหน้างุด
“คุณหญิงครับผมขอไม่อ้อมค้อม...เวลาของผมค่อนข้างจะมีน้อย พอดีผมมาทำธุระให้คุณพ่อ ท่านให้ผมมารับตัวลูกสาวคุณหญิง ไม่ทราบว่าผมสามารถพาลูกสาวคุณปทุมพรไปได้เลยใช่มั้ยครับ” เฟิงหยางกล่าวเสียงเรียบเป็นปกติแต่สายตากลับมองมีนไม่กะพริบ
ปทุมพรใบหน้าซีดเผือด คุณเหวินเทียนต้องการลูกสาวคนไหนกัน หากเป็นมีน…เธอขอตายตรงนี้ดีกว่า มีนเริ่มยิ้มเจื่อนมองผู้เป็นแม่อย่างสงสัย
“คุณเฟิงหยางคงหมายถึงริสาลูกสาวคนเล็กสินะคะ ลุกสิริสา!...ไปกับคุณเขาได้แล้ว”
ริสาตกใจเงยหน้ามองคนที่เรียกว่าแม่ แค่สบตาเพียงแวบเดียวก็รู้ซึ้งแก่ใจได้ทันที ในเวลาแบบนี้สินะแม่ถึงได้เรียกเธอว่าลูกสาวได้อย่างเต็มปาก เฟิงหยางลุกขึ้นโค้งกายน้อย ๆ อย่างสุภาพขัดกับรอยสักที่โผล่พ้นขอบเสื้อผ้าของเขา
“ผมลานะครับคุณหญิง...เอาไว้โอกาสหน้าเราคงได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้นะครับคุณมีน...ขอตัว” พูดจบเฟิงหยางก็ปรายตามองริสาเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ส่วนริสาไม่มีอะไรให้โต้แย้งเพราะคนของเขาผายมือเชื้อเชิญเธอขนาดนั้น เธอจึงจำใจเดินตามเขาไปเงียบ ๆ
สองแม่ลูกมองตามหลังเฟิงหยางและริสาที่เดินจากไปเงียบ ๆ ปทุมพรอธิบายเรื่องราวเพียงสั้น ๆ ให้ลูกคนโปรดฟังจนจบ
“ยัยริสาน่ะของคนพ่อ ส่วนลูกชายมีนขอนะคะแม่” มีนบอกคนเป็นแม่ยิ้ม ๆ