ทางด้านริสาเธอนั่งรถมากับคนเงียบขรึมท่าทางเย็นชา เธอนั่งเกร็งจนเมื่อยทั้งยังไม่กล้าหายใจแรง เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะพาเธอไปไหนด้วยสภาพของเธอตอนนี้ไม่มีทางที่จะหนีไปไหนได้
ไม่นานรถก็เข้ามาจอดสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นคลับหรู หลังจากประตูรถเปิดด้วยฝีมือของคนที่น่าจะเป็นบอดี้การ์ด เธอจำต้องรีบออกและตามแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน ระหว่างทางเดินเธอเห็นพนักงานแอบลอบมองเธอตลอดทาง ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ใจก็เต้นตุ๊ม ๆ ต่อมๆ ในสมองก็คอยคิดแต่ว่าวันนี้เธอคงต้องนอนกับชายแก่คราวพ่อจริง ๆ น่ะเหรอ
เขาพามาที่ห้องอะไรสักอย่าง บรรยากาศมืดสลัว มีเพียงโคมไฟบนโต๊ะทำงานที่สว่างส่องกองเอกสารและโน้ตบุค แท็บเลตอีกสองสามตัวที่เปิดหน้าจอสว่างค้างไว้ โต๊ะพูลที่มีฉากหลังเป็นภาพงานศิลปะ ภาพถ่ายสลัมและสถานที่ต่าง ๆ กับผู้คนหลายเชื้อชาติ
ริสากวาดสายตามองรอบตัวอย่างสนอกสนใจ ดวงตากลมแป๋วของเธอสะดุดสบตากับเจ้าของห้องที่มองเธออยู่นานตั้งแต่ก้าวเข้ามามองเธอที่มองรอบ ๆ ห้องด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ราวกับลูกแมวน้อยขี้สงสัย
ตอนนี้เขายังสับสนอยู่เลยว่าเขาพาเธอมาทำไมกัน เพียงแค่เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน พอเจอกลับพาเธอมาด้วยเสียอย่างนั้น
“คุณพ่อคุณล่ะคะ” ริสาเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยเอ่ยถามอย่างรู้หน้าที่ แหงล่ะ…ในเมื่อคุณเหวินเทียนให้ลูกชายไปรับถึงที่ มีหรือถ้าไม่ใช่เรื่องอย่างว่า
“เคยเตือนแล้วว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เฟิงหยางสาวเท้าเข้ามาชิดร่างเล็กเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงเธอ ริสาถอยหลังกรูด้วยความตกใจ ก่อนจะคิดถึงสิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่ว่าเธอนั่งอยู่ของเธอเฉย ๆ หรอกเหรอ
“ฮะ!!...แต่ที่นั่นคุณเป็นคนเดินมาเองนะคะ” เธอตอบกลับด้วยใบหน้าใสซื่อก็ใครจะไปรู้ว่าจะไปเจอกับเขาที่นั่น หากรู้ก่อนสักนิดเธอไม่ไปเหยียบแน่
“ที่นั่นฉันเป็นเจ้าของ” ริสาถึงกับออกอาการหมั่นไส้ เธอไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวตรงไหนกับเรื่องที่เขาพาเธอมาที่นี่
“งั้น...ที่ไหนที่คุณเป็นเจ้าของอีกคะ กรุณาบอกฉันหน่อยฉันจะได้ไม่ไป”
“ไม่มีประโยชน์...พ่อยกเธอให้ฉันแล้ว” เฟิงหยางเสียงเย็น สายตาก็มองไปที่คนตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่วางตา คอยดูปฏิกิริยาของลูกกวางน้อยอยู่ตลอด ตอนนี้เขายังเห็นดวงตากลมโตของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
“....”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ทุกคนทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!
ริสาสูดหายใจเข้าลึก คางเธอสั่นขณะพยายามกลั้นน้ำตา หากทุกคนในครอบครัวของเธอต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เธอต้องทำใจสินะ!
“ได้..แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง” ริสาโพล่งถามแต่ถึงยังงั้นในใจเธอก็หวาดกลัวไม่น้อย
“ก็แล้วแต่ฉันจะสั่ง”
แทนที่คำตอบของเฟิงหยางจะทำให้เธอเข้าใจอะไรมากขึ้น กลับทำให้เกิดคำถามอีกมากมายร้อยแปด
“นานแค่ไหน”
“จนกว่าพ่อเธอจะพ้นจากตำแหน่ง”
“นั่นมันนานเกินไป!”
“งั้น...เปลี่ยนเป็นพี่สาวเธอดีมั้ยล่ะ!”
“ไม่! อย่าไปยุ่งกับพี่มีน หากคุณต้องการพี่มีนจริง ๆ คุณต้องจริงจังกับเธอ แต่งงานกับเธอ ไม่ใช่ทำแบบเดียวกับฉัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงขื่นขม
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไร” เฟยหยางตอบเสียงเรียบแต่สายตายังไม่ละจากใบหน้าสวยที่หม่นหมองดวงตากลมโตใสซื่อดูเลื่อนลอยราวกับกำลังทำใจยอมรับมัน
ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ในสมองกลวง ๆ ของเธอว่างเปล่ามากในตอนนี้
นั่นสิ...ทำอะไรล่ะ เขาจะทำอะไรกันแน่?
“กฎของฉัน ห้ามมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ...แค่นี้ล่ะหน้าที่เธอ” เฟิงหยางใช้สองมือค้ำคร่อมร่างริสาที่พนักโซฟา ใบหน้าชายหนุ่มเข้าใกล้ใบหน้าหญิงสาวจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น เธอหลับตาปี๋ ริมฝีปากบางเม้มแน่นกลั้นลมหายใจโดยอัตโนมัติ
ครืด~ ครืด~~
เสียงสมาร์ทโฟนสั่นรัวก่อนที่เจ้าของจะหยิบขึ้นมากดรับ จากนั้นก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ริสานั่งตัวแข็งทื่อประมวลเหตุการณ์และคำสั่งของชายหนุ่มเมื่อครู่
“สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำเหรอ พ่อขาพ้นจากตำแหน่งเร็ว ๆ นะคะ หนูขอล่ะ” ริสายกมือไหว้ท่วมหัวหวังว่าคำอธิษฐานของเธอจะเป็นจริง
หลังจากเขาเดินออกไปเธอก็ยังคงนั่งสำรวจไปรอบห้องอย่างคนไม่มีอะไรทำ แต่พอเวลาผ่านไปนานร่างเล็กก็เริ่มหาวอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็เริ่มสัปหงก เธอเพ่งมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้ปาเข้าไปจะตีหนึ่ง
คงไม่มาแล้วมั้ง…สามชั่วโมงแล้วตั้งแต่เขาเดินออกไปพอคิดได้ดังนั้นเธอก็นึกอะไรออก...
โถงทางเดินที่เงียบสงัดมีชายชุดดำนั่งหลับอยู่สองสามคน ร่างเล็กย่องเงียบ ๆ จนไปหยุดที่ประตูหนีไฟ ทางนี้คงเป็นทางเดียวที่เธอจะกลับออกไปได้อย่างปลอดภัย ไม่มีพนักงานคนไหนมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ อีก เธอไม่อยากอับอายและเสียศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“เฮ้ย!! น้องจะไปไหนน่ะ” เสียงชายชุดดำที่ตะโกนขึ้นทำริสาตกใจ เธอรีบวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ชายชุดดำอีกสามคนเปิดประตูดักหน้าเธอที่ชั้นล่าง เธอโดนดักทุกทางเหมือนหนูติดจั่น ริสาออกแรงเหวี่ยงกระเป๋าอย่างสุดแรงดิ้นหนีการจับกุมเธอหวาดกลัวจนแต่ก็ไม่ยอมให้ตนเองถูกจับและนั่นก็ทำเอาชายชุดดำหมดความอดทน เขากระชากแขนเธอและตบอย่างแรงจนเธอล้มทั้งยืน และในตอนที่เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้นผู้ชายคนนั้นยังเข้ามาชกท้องเธอซ้ำทำให้เธอลุกไม่ขึ้น
เพี๊ยะ!!
ตุบ!!
“โอ๊ย” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แก้มนวลของหญิงสาวช้ำเป็นรอยมือ ลำตัวริสางอโค้งด้วยความเจ็บจุกจนหมดเรี่ยวแรง เธอโดนอุ้มพาดบ่าหัว ห้อยลงมาจนอาเจียนแทบพุ่งทั้งที่สติยังครบถ้วน
“พวกมึงทำเหี้ยอะไร!!” วินรีบพุ่งเข้าหาหญิงสาวประคองเธอลงมาจากบ่าลูกน้องด้วยร้อนรน ในใจคิดว่าไอ้ฉิบหายหาเรื่องตายกลุ่มแล้ว
“เธอกำลังจะหนีครับ...พวกเราเลยช่วยกันตามจับ”
เฟิงหยางที่เพิ่งเข้ามามองปราดไปที่ริสาที่มีใบหน้าแดงเป็นรอยนิ้วมือแล้วไหนจะยังยืนด้วยท่าทางไม่มั่นคงฝ่ามือบางกดไปที่ท้องของตัวเองทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเธอโดนอะไรมา
ความโกรธของเขาลุกโชนภายในใจร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เขาปรี่เข้าหาลูกน้องส่งหมัดตรงจนลูกน้องฟันกระเด็นและล้มทั้งยืน แต่เหมือนยังไม่สาแก่ใจ เขาหยิบปืนที่เหน็บเอวของวินจ่อที่ลูกน้องเตรียมลั่นไก