EP.6 เดินหน้าด่า

3689 Words
บทที่ 6 "ขอบคุณที่ทำแผลให้นะคะ" เพลงขิมเอ่ยขอบคุณก้องภพด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงของหญิงสาวทำเอาชายร่างสูงที่กำลังยืนเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่เข้าตู้ถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มหน่อย ๆ "เสร็จจากที่นี่แล้ว คุณขิมจะไปไหนต่อครับ" ก้องภพถามด้วยความสงสัย "ไปห้างค่ะ อยากซื้อของเข้าบ้าน" "ข้อมือคุณจะระบมเอานะ" ก้องภพบอกกับเพลงขิมพลันเหลือบมองไปที่ข้อมือของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ "ไม่เป็นไรค่ะ ขิมตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" "ยังไงคุณก็จะไปสินะ" เพลงขิมรีบพยักหน้ารับในทันที เธอไม่อยากกลับบ้านมือเปล่าเพราะไหน ๆ ก็ตั้งใจออกมาแล้ว เมื่อก้องภพเห็นดังนั้นเขาก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วเก็บแฟ้มประวัติคนไข้ลงในลิ้นชักและแน่นอนว่าการกระทำของเขาในตอนนี้มันสร้างความประหลาดใจให้แก่เพลงขิมเป็นอย่างมาก "คุณจะกลับแล้วเหรอคะ" หญิงสาวขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย "เปล่าครับ ผมจะไปกับคุณ" ก้องภพหันมาตอบด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้ายังไง "คุณจะไปกับขิมทำไมคะ คุณต้องทำงานนะ อีกอย่างขิมก็แค่จะไปซื้อของใช้นิด ๆ หน่อย ๆ เอง" เพลงขิมพูดขึ้นอย่างจริงจังบ้าง มันไม่ใช่เรื่องเลยที่เขาจะต้องหนีงานไปเดินห้างกับเธอ "แผลของคุณยังใหม่อยู่ ถ้าหิวอะไรหนัก ๆ ก็อาจจะอักเสบได้ ผมเลยจะไปช่วยถือของให้ไง" "ไม่ต้องเลยค่ะ อยู่ที่นี่ทำงานต่อไป ไม่ต้องตามไปเลย" หญิงสาวบอกชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่แทนที่อีกฝ่ายจะหยุดการเก็บของ กลับยิ่งเก็บเร็วขึ้นจนเพลงขิมถึงกับแสดงสีหน้ามุ้ยออกมาเล็กน้อย "คุณจะไม่ฟังขิมใช่ไหมคะ" ทันทีที่ได้ยินคำถามจากปากเพลงขิม ก้องภพจึงหยุดการกระทำทั้งหมดลงก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย "ในเมื่อคนไข้ดื้อกับหมอ หมอก็ต้องจัดการให้เด็ดขาดสิครับ" "ขิมไปเป็นคนไข้ของคุณก้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" "ก็ตอนที่ผมทำแผลให้คุณไง" "อะไรนะคะ" หญิงสาวถามทวนอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะเล่นมุกนี้เป็นด้วย เหลือเชื่อเลยจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ "ผมทำแผลให้คุณแล้ว ก็เท่ากับว่าตอนนี้คุณเป็นคนไข้ของผม เพราะฉะนั้นผมต้องดูแลคนไข้ให้ดีสิครับ" ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้งหนึ่ง "อื้ม! งั้นถ้าคนไข้อย่างขิมจะไปเดินซื้อของที่ห้าง คุณหมอก็จะตามไปให้ได้ใช่ไหมคะ" เพลงขิมเอ่ยถามเขาอย่างหมดความอดทน "ถูกครับ" "ขิมไม่มีทางเลือกสินะ" "ไม่มีครับ" ก้องภพตอบกลับด้วยความรวดเร็วพลางยกยิ้มให้อย่างท้าทายหน่อย ๆ เพราะต่อให้หญิงสาวร้องห้ามแค่ไหนถ้าเขาจะไปด้วยเธอก็ห้ามไม่ได้หรอก เพลงขิมถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเอือมๆเมื่อเห็นความดื้อดึงของคนตรงหน้า เธอนั่งนิ่งเพื่อใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพักก่อนจะจ้องมองไปยังก้องภพที่ยังคงนั่งส่งยิ้มให้เธออยู่ "ถ้าขิมกลับบ้าน คุณยังจะตามขิมไปไหมคะ" "แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณขิมกลับบ้านจริง ๆ " "คุณไม่เชื่อขิมเหรอ" "ผมแค่ถามเพราะอยากมั่นใจ" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็เป็นการถอนหายใจที่ค่อนข้างยาวเหยียดเสียด้วย เธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับความเซ้าซี้ของผู้ชายคนนี้แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีที่เขาเป็นห่วงเธอ "ว่าไงครับ" ก้องภพเอ่ยถามเพลงขิมด้วยสีหน้าจริงจัง "ขิมกลับบ้านแน่ ๆ ค่ะ คุณหมอไม่ต้องห่วงว่าขิมจะหนีไปห้างหรอก" "ในเมื่อคุณขิมรับปากแบบนี้ผมก็โอเคครับ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกผมด้วยนะ" หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเบะปากใส่ด้วยท่าทีน่ารักและดูเหมือนว่าการกระทำของเธอนั้นจะเป็นที่ถูกใจของก้องภพเพราะเขาจ้องมองอีกฝ่ายไม่ละสายตาเลย "มองอะไรคะคุณหมอ" "คนน่ารักครับ" เพลงขิมขมวดคิ้วเข้าหากันเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่กำลังแล่นเข้ามาแทนที่ความหงุดหงิด แต่อีกฝ่ายก็ดันรู้ทันก่อน "เขินเหรอครับ" "โดนหยอดขนาดนี้ ไม่เขินก็ไม่ใช่แล้วไหมคะ ขิมกลับบ้านดีกว่า ขอตัวนะคะ" หญิงสาวไม่พูดเปล่า รีบเอื้อมมือบางไปคว้ากระเป๋าสะพายและสมุดฝากครรภ์ขึ้นมาแนบไว้ที่หน้าอกพลันดวงตาคู่กลมสวยก็จ้องมองไปยังคนตรงหน้าอย่างเขิน ๆ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกมาจากห้องโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร ทันทีที่เพลงขิมเดินออกไปจากห้อง ก้องภพก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทีเคร่งเครียดเพราะนึกเป็นห่วงหญิงสาว เขาเป็นหมอจิตเวชเขาย่อมรู้ดีว่าคนไข้ที่ทำร้ายตัวเองรู้สึกนึกคิดยังไง กับเพลงขิมเองแค่เขามองตาเขาก็รู้แล้ว แม้ว่าภายนอกของเธอจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในใจลึก ๆ แล้วเธอแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ว่าแล้วก็นึกสงสาร ผู้หญิงตัวคนเดียวแถมยังมีลูกน้อยอยู่ในท้องต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่เจ็บปวดที่ไม่สามารถระบายออกมาเป็นคำพูดกับใครได้นอกจากทำร้ายตัวเอง "ผมจะช่วยคุณยังไงดีนะคุณขิม" @ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า "เฮ้! ขวัญ ฉันอยู่นี่" เหมือนแพรส่งเสียงเรียกเพื่อนสาวคนสนิทเมื่อเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายยืนอยู่หน้าร้านแล้ว ด้านขวัญดาวที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก็รีบหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นและพบว่าเป็นเหมือนแพรที่นั่งอยู่ในร้าน หญิงสาวไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว "ขอโทษนะที่มาช้า พวกแกมานานยัง" ขวัญดาวเอ่ยถามเหมือนแพร "ฉันพึ่งมาถึงเมื่อกี้แหล่ะ" "อ้าว แล้วไอ้ภูอะ" ขวัญดาวเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าไม่มีภูผานั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนแพร "ภูกำลังมาน่ะ" "อ้าว! แล้วไม่มาด้วยกันอะ ทะเลาะกันเหรอ" ขวัญดาวยังคงถามต่อด้วยความสงสัย เพราะสองคนนี้มันตัวติดกันตลอด ใครไปไหนคนนั้นจะต้องตามไปด้วย จะมีก็วันนี้แหละที่เธอเห็นแยกกันมา "จะมาด้วยกันยังไงอะ เมื่อคืนนี้ภูไปกินเหล้าที่ร้านของไอ้พิแล้วก็เมามากฉันเลยให้เขานอนที่นั่นเลย เพิ่งจะโทรคุยกันก็ตอนที่โทรนัดกับแกเสร็จเนี่ย" "แล้วทำไมไม่ขับรถไปรับมันล่ะ" "ไม่เอาอะ ฉันขี้เกียจตาม ตามเยอะเดี๋ยวหงุดหงิดใส่ฉัน พาลทะเลาะกันอีก" เหมือนแพรบอกเพื่อนด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ เธอรู้จักนิสัยของภูผาดีกว่าใคร ฝ่ายนั้นนะเวลาไปดื่มเหล้าหรือไปไหน เขาไม่ชอบให้โทรจิกโทรตามหรอก เขาเคยบอกเธอว่ามันน่ารำคาญและคนทุกคนย่อมต้องมีเวลาส่วนตัวกันทั้งนั้น เพราะเขาบอกแบบนี้แหล่ะ เธอถึงพยายามไม่ไปตามเวลาเขาออกไปข้างนอก "ดีจังที่แกทำได้ เป็นฉันนะไม่นั่งเฝ้าก็นอนเฝ้า ไปไหนไปด้วย" "แกไม่มีผัวไม่ใช่เหรอ" คำถามของเหมือนแพรทำขวัญดาวแอบจุกอยู่ในใจลึก ๆ หญิงสาวขบกัดปากตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนความไม่พอใจที่ถูกถามแบบนั้น เห็นว่าเธอไม่มีผู้ชายอยู่ข้าง ๆ ด้วยตลอดก็เลยนึกว่าเธอไม่มีใครอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ "ฉันล้อเล่นนะขวัญ อย่าโกรธสิ" "ไม่โกรธหรอก จะมีหรือไม่มีฉันก็อยู่ได้สบาย" เหมือนแพรส่งยิ้มให้ขวัญดาวก่อนดวงตาคู่สวยจะเหลือบไปเห็นคนรักของตนกำลังเดินตรงปรี่มายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ "มานานหรือยังอะ" ภูผาเอ่ยถามหญิงสาวทั้งสองด้วยรอยยิ้มพลางหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ แฟนสาว "พวกเราเพิ่งมาถึงค่ะภู" เป็นเหมือนแพรที่ทำหน้าที่ตอบคำถามเอง "แล้วสั่งอะไรกันยังอะ" "ยังไม่มีใครสั่งหรอก" ขวัญดาวตอบด้วยท่าทีนิ่งๆ "งั้นรีบสั่งเหอะ ฉันหิวว่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนข้าวยังไม่ตกถึงท้องเลย" ภูผาพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมมือหนาไปคว้าเอาแฟ้มเมนูที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ตัวแฟนสาวมาหาดูรายการอาหารที่ถูกใจ "แพรอยากกินอะไรครับ" "แพรอยากกินอันนี้ค่ะ อันนี้ด้วย" หญิงสาวชี้นิ้วไปที่เมนูบนหน้าแฟ้มสองถึงสามอย่าง "กินเยอะนะเราอะ" "สั่งมาให้ภูกินด้วยนั่นแหละ" "ภูอยากกินอันนี้มากกว่าอะ" "ภูก็สั่งสิคะ แพรจะได้กินด้วย" ด้านขวัญดาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกสมุดเมนูอาหารขึ้นมาบังหน้าตัวเองก่อนจะเบะปากและล้อเลียนท่าทางต่างๆของทั้งสองด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้จะนัดเธอออกมาทำไมถ้าจะมานั่งคุยกันสองคนแบบนี้ คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด "ขวัญ แกจะกินอะไรอะ" เหมือนแพรเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเลือกอาหารไม่ได้สักที "ฉันเอาอันนี้แหละ" ขวัญดาววางแฟ้มเมนูลงบนโต๊ะแล้วชี้อาหารที่ต้องการให้เพื่อนดู ความจริงเธอไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอกเพราะก่อนที่จะออกมาจากบ้าน เธอก็นั่งกินกับคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้ว "โอเค~" เหมือนแพรตอบตกลงก่อนจะหันไปเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ด้านหลังเบา ๆ "สั่งอาหารหน่อยค่ะ" "ได้ค่ะ รับอะไรดีคะ" "อื้ม เอาเป็นสเต๊กปลาแซลมอน ลาซานญ่าผักโขมอบชีส สเต๊กปลาทอดกับซอสทาร์ทาร์ ซุปข้าวโพด ซุปครีมเห็ด แล้วก็มันบดค่ะ" "รับน้ำอะไรเพิ่มไหมคะ" "น้ำส้มคั้นสองแก้ว น้ำเปล่าหนึ่งแก้วค่ะ" "รับออเดอร์แล้วค่ะ อาหารจะมาเสิร์ฟคุณลูกค้าภายใน20-30นาทีนะคะ" "ขอบคุณค่ะ" เหมือนแพรเอ่ยขอบคุณพนักงานด้วยรอยยิ้มและหันกลับมามองคนรักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน "วันนี้มีประชุมที่โรงแรมเหรอ แพรเห็นภูแต่งตัวมาซะเต็มยศเลยอะ" "ใช่ครับ ตอนบ่ายภูมีประชุม" "ทำงานหนักจัง" เหมือนแพรพูดไปลูบหัวชายหนุ่มไป จนขวัญดาวที่นั่งฟังอยู่ก็ทำท่าพะอืดพะอมใส่อย่างหมั่นไส้ "ทำไมยะ ขวัญ" "รำคาญคนมีความรัก" "อิจฉาก็บอก" "ไม่ได้อิจฉาจ้า" ขวัญดาวรีบตอบกลับในทันที อย่างเธอเนี้ยนะจะรู้สึกอิจฉาสองคนนี้ จริง ๆ ตอนนี้ความรักของเหมือนแพรและภูผามันไม่ได้มีอะไรให้น่าอิจฉาเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นสมัยที่มันสองคนเปิดตัวคบกันแรกๆอะ อันนั้นก็น่าอิจฉาอยู่หรอก "เอ้อ ขวัญ" "อะไร" "ทำไมเดี๋ยวนี้ฉันไม่ค่อยเห็นแกอยู่ร้านเลยอะ" คำถามของเหมือนแพรทำเอาขวัญดาวถึงกับนั่งนิ่งไปในทันที แต่มันก็จริงอย่างที่เหมือนแพรพูดนั่นแหล่ะเพราะตั้งแต่ที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เธอมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากเข้าไปที่ร้านเลย แถมช่วงนี้ยังต้องดูแลคุณแม่อีก ท่านไม่ค่อยสบาย ไม่ยอมลุกไปไหนเอาแต่นอนโทษตัวเองเรื่องที่เพลงขิมออกจากบ้านไป "ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างน่ะ ต้องดูแลคุณแม่" "เออ! แล้วคุณอาทั้งสองเป็นยังไงบ้างวะ" ภูผาเอ่ยถามขวัญดาวถึงความเป็นอยู่ของท่านทั้งสองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงและรู้สึกผิด "ก็เหมือนเดิมแหละ แม่ฉันเอาแต่โทษตัวเองเรื่องที่ขิมย้ายออกจากบ้านไป ส่วนคุณพ่อก็พยายามทำงานหนักเพราะไม่อยากคิดมากกับเรื่องนี้" "ฉันไม่ได้ข่าวขิมเลยอะ" เหมือนแพรพูดขึ้น "ฉันเป็นพี่มันแท้ ๆ ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ขิมมันไปอยู่ไหน มันคงอยากตัดขาดจากครอบครัวจริง ๆ ล่ะมั้ง" "แกอย่าคิดอย่างนั้นเลย เดี๋ยวน้องทำใจได้น้องก็กลับมาเองแหละ" เหมือนแพรพูดปลอบใจเพื่อนรักเมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดตัดพ้อออกมาเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง ด้านภูผาที่ได้ฟังเรื่องของเพลงขิมก็เอาแต่นั่งเงียบ เพราะเองก็เขาไม่รู้จะพูดอะไร ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนสร้างความเครียดให้ขวัญดาวหนักเข้าไปอีก "ฉันก็...." "อ้าว~ นัดกันมาคุยเรื่องชั่วอะไรกันเหรอครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังขวัญดาว จนทั้งสามที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ต้องหยุดคุยแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น ขวัญดาวเบิกตากว้างขึ้นมาในทันทีเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ'เขตทัพ'น้องชายของเธอ "แกมาทำอะไรที่นี่" ขวัญดาวเอ่ยถามน้องด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย "ไม่ได้ตามมาหรอก แค่บังเอิญเดินผ่านมาเจอเลยแวะมาทักทาย" เขตทัพตอบกลับอย่างกวน ๆ "จะไปไหนก็ไป ฉันไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับแกนะ" "คุยกับน้องดี ๆ หน่อยขวัญ" เหมือนแพรสะกิดบอกขวัญดาวเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย แต่ก็กลับโดนขวัญดาวจิกสายตาไม่พอใจใส่จนเธอต้องหยุดพูดไปในทันที "ไปสิ ยืนอยู่ทำไม" ขวัญดาวเอ่ยปากไล่น้องชายอีกรอบ แต่แทนที่เขตทัพจะไป เขากลับนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่แล้วส่งยิ้มให้พี่สาวตัวเองด้วยความกวน... "ร้านพี่เหรอ" "ไอ้เขต!" หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อน้องชายอย่างดังจนคนในร้านหันมามองเต็มไปหมด "พี่จะพูดเสียงดังทำไมเนี่ย ดูสิคนมองเต็มเลย" เขตทัพเอ่ยขึ้นพลันกวาดสายตามองในร้านแล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ "ทำไมแกถึงชอบกวนตีนฉันจังวะ" ขวัญดาวถามเขตทัพด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง "แล้วทำไมพี่ถึงชอบเห็นแก่ตัวอะ" คำถามของเขตทัพทำเอาหญิงสาวถึงกลับกลืนน้ำลายลงไม่ทันและแถมตอนนี้ไฟร้อนในตัวของเธอก็กำลังลุกโชนขึ้น "แกจะพูดถึงเรื่องนั้นอีกทำไมวะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ" "พี่ไม่ได้สนิทกับผม พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ผมหยุดพูดนะ แล้วอีกอย่างทำไมผมจะพูดไม่ได้ ถ้าอยากให้ผมหยุดพูดก็ไปตายดิ" เขาเริ่มตอบโต้พี่สาวตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แรงขึ้น จนภูผากับเหมือนแพรต้องเอาสมุดขึ้นมาปิดบังหน้าไว้เพื่อหนีความอาย "ปิดทำไม อายเป็นด้วยเหรอ" "อย่าพาลคนอื่นได้ไหมวะไอ้เขต" ขวัญดาวร้องห้ามปรามน้องชายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพูดหาเรื่องเพื่อนของเธอ "พี่แม่งก็ดีแต่ปกป้องคนอื่น ดีแต่เห็นแก่ตัวนั่นแหละ ถามจริงเหอะพี่ขวัญ พี่ไม่สงสารพี่ขิมบ้างเหรอ ไม่สิ ผมไม่ควรถามคำถามนี้ ผมควรจะถามพี่ว่าพี่กล้าทำร้ายน้องตัวเองได้ยังไง พวกพี่ทุกคนเห็นพี่ขิมเป็นอะไรวะ ทำไมถึงกล้ารวมหัวกันหลอกเขาทั้งๆที่เขาแม่งโครตจะดีกับพวกพี่เลย ทำไมพวกพี่ถึงเหี้ยได้ขนาดนี้วะ" เขตทัพสบถด่าทั้งสามคนด้วยความโกรธสุดขีด มันเหมือนเขาได้ปลดปล่อยความในใจออกมาเลยก็ว่าได้ สิ่งที่เขาอัดอั้นตันใจและอยากพูดแต่ก็ไม่มีโอกาส ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้พูดออกมาจนหมด "ภู ขวัญ แพรว่าเราไปกันเถอะ แพรไม่อยากกินแล้วอะ" เหมือนแพรพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดและเธอก็อายมาก เพราะตอนนี้คนที่นั่งอยู่ในร้านนั่งมองเต็มไปหมดเลย "ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนเหี้ยได้เท่าพี่อีกแล้ว ผมพูดจริง ๆ นะ" เขตทัพหันไปพูดกับเหมือนแพรด้วยสีหน้าจริงจัง และแน่นอน..คำพูดของเขตทัพทำเอาไฟร้อนในตัวของเหมือนแพรลุกโชนขึ้นในทันที หญิงสาวจิกสายตามองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาสาดใส่อีกฝ่ายท่ามกลางความตกใจของทุกคนโดยเฉพาะขวัญดาวกับภูผา "กล้าดียังไงมาต่อว่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้ ขวัญดูน้องเธอสิ" "ทำไมจะพูดไม่ได้ ก็เห็นอยู่โต้ง ๆ " เขตทัพยังคงต่อปากต่อคำไม่หยุด เพราะตอนนี้อารมณ์ของเขาก็ร้อนเป็นไฟพอ ๆ กัน ปกติเขาไม่เคยต่อว่าผู้หญิงเสีย ๆ หาย ๆ นะ แต่พอเป็นยัยนี่เขาล่ะอยากจะด่าแรงกว่านี้เสียอีก "ฉันมะ..." "ไปกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว" ยังไม่ทันที่เหมือนแพรจะพูดจบ ขวัญดาวก็พูดแทรกขึ้นก่อนและเอื้อมมือไปหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าประมาณสองพัน ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอาหารแล้วเดินออกไปจากร้านด้วยความโมโห ด้านภูผากับเหมือนแพรเห็นดังนั้นจึงเดินตามออกไปเช่นกัน ทิ้งให้เขตทัพนั่งยิ้มอย่างสะใจอยู่ตรงนั้นคนเดียว หลังจากที่ทั้งสามออกไปจากร้านจนพ้นสายตาแล้ว เขตทัพจึงหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบรูปของเขาที่ถ่ายคู่กับพี่เพลงขิมตอนเด็ก ๆ ขึ้นมาดู ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างเช็ดฝุ่นที่เปื้อนรูปออก ก่อนจะเก็บรูปใบนั้นลงกระเป๋าเงินเช่นเดิม ตกกลางคืน..@บ้านเพลงขิม ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่า ๆ แล้ว เพลงขิมที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมายังด้านล่างของตัวบ้านเพื่อหาอะไรทาน ดีที่วันนี้ตอนขากลับมาจากโรงพยาบาลเธอได้แวะซื้อผลไม้และอาหารตามสั่ง เลยทำให้เธอไม่ต้องขับรถออกไปซื้ออีกรอบ หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าวันนี้ทั้งวันเธอแทบไม่ได้กินข้าวเลยเพราะมัวแต่ทำความสะอาดบ้าน จัดห้องนอนต่าง ๆ ให้เข้าที่ และกว่าข้าวของเครื่องใช้ที่เธอสั่งผ่านแอปเดลิเวอร์รี่จะมาส่งก็ปาไปเกือบเย็นแล้ว พอของมาส่งเธอก็ยังต้องมานั่งจัดต่อ เสร็จจริง ๆ ก็เมื่อตอนหนึ่งทุ่มนิด ๆ นั่นแหละ "หื้ม~ อร่อยจัง" เพลงขิมพูดไปพลันตักข้าวเข้าปากไป เธอใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็กินอาหารตรงหน้าหมดเกลี้ยงไม่รู้ว่าอาหารอร่อยหรือเธอหิวกันแน่ ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินถือจานข้าวเข้าไปเก็บในครัว เสียงกริ่งจากหน้าบ้านก็ดังขึ้นจนเธอขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนจะรีบเดินเอาจานเข้าไปเก็บแล้วออกไปดูว่าใครมากดกริ่งเล่นในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ และทันทีที่เดินไปถึงหน้าบ้าน เธอก็พบเข้ากับก้องภพที่กำลังยืนหันหลังให้อยู่ หญิงสาวยกยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ประตูเหล็ก "มาหาใครคะ" "ผมมาหาคุณเพลงขิมครับ เธออยู่หรือเปล่า" ก้องภพหันกลับมาถามคืนด้วยรอยยิ้มหวาน "บ้านหลังนี้มีแต่นางฟ้านะคะ" "งั้นผมมาหาคุณนางฟ้าก็ได้ครับ" คำตอบของก้องภพทำเอาเพลงขิมถึงกับหลุดขำให้กับความขี้เล่นของเขา ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นถุงผลไม้ที่เขาถืออยู่แถมยังมีกล่องอะไรก็ไม่รู้อยู่ในมืออีกข้าง "มีอะไรคะ ทำไมถึงมาดึกขนาดนี้" "ผมเพิ่งลงเวร เลยแวะซื้อผลไม้มาฝากแล้วก็เอาชุดทำความสะอาดแผลมาให้ด้วย" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชูถุงผลไม้หลากหลายชนิดพร้อมกับกล่องยาให้อีกฝ่ายดู "ไม่เห็นต้องลำบากเลย" "ก็ไม่ลำบากนะ แค่จอดรถแล้วซื้อ" เขาตอบกลับอย่างกวน ๆ "ก็ไม่เห็นต้องซื้อ" "ซื้อให้ตัวเล็กกิน ไม่ได้ให้แม่ตัวเล็กกินนี่" "ยังไงก็ต้องเข้าปากแม่มันก่อนแหล่ะนะ" "ชิ...แล้วนี่แผลเป็นไงบ้างครับ" เขาเอ่ยถามพลางเหลือบมองข้อมือของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเอาผ้าก๊อตออกแล้ว คงเอาออกตอนอาบน้ำนั่นแหล่ะ "ปวดนิดหน่อยค่ะ" "เป็นธรรมดาของแผลใหม่ครับ ระวังอย่าให้โดนน้ำมากนะเดี๋ยวมันจะหายช้า" "รับทราบครับผมมมมมมม" ท่าทางของเพลงขิมมันทะเล้นเสียจนก้องภพอดยิ้มไม่ได้ เขาเริ่มคิดว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อหญิงสาวมันรุนแรงเกินต้านมากเลย อยากรุกจีบอย่างจริงจังแต่ก็กลัวอีกฝ่ายยังไม่พร้อมเพราะเธอพึ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้ไม่นานนัก ตอนนี้ก็ทำได้แค่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปก่อน แต่เขาก็คาดหวังนะว่ามันคงจะต้องมีสักวันนั่นแหละที่เธอยอมเปิดใจรับเขาเข้ามาในชีวิตของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD