”จำไว้ชีวิตนายเป็นของฉันไม่ใช่ไอ้บ้านี่ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันนายไม่มีสิทธิตาย หัดดูแลตัวเองซะมังสิยืนบื้อเป็นเป้านิ่งให้มันมายิงหรือไง” หญิงสาวพูดยาวเหยียด (ไม่ได้ห่วงเลยสักนิดนะ. ไม่เล้ย) พร้อมกับยัดปืนใส่มือเขาก่อนจะชี้นิ้วไปยังชายอีกคนที่เธอจำมันได้แม่นยำ
“หมายความว่าไง” คาร์โล่กระชากเสียงใส่เธอพร้อมกับทำท่าคุกคามแต่มีหรือที่เกดกนกหรือจะกลัว
“ก็หมายความอยากที่พูด และคนบงการก็คือนาย” เขาสะดุ้งแต่ทำเป็นโมโหกลบกลื่อน
“เธอว่าใครจะฆ่าแกลรี่เหรอ ไอ้เลวนี่ใช่ไหม งั้นแกก็อย่าอยู่เลยไปตายซะ ปัง” ไม่มีใครคาดคิดคาร์โล่ลั่นกระสุนใส่ชายคนนั้นทันทีร่างใหญ่กระตุกก่อนจะหมดสติไปในที่สุด เกดกนกตกตะลึงหันไปมองคาร์โล่
“แกฆ่าเขาทำไมแกเป็นคนสั่งเขานะ” ทุกคนในที่นั้นต่างก็หันไปมองหน้าคาร์โล่
“ เฮ้ อย่ามองผมแบบนั้นนะครับ เชื่ออะไรกับผู้หญิงเอเซีย คงมาหากินแถวนี้ล่ะสิ อยากได้เงินเท่าไหร่ล่ะ” คาร์โล่มองเกดนกด้วยสายตาดูแคลนแต่
“ผัวะ” ร่างสูงใหญ่ของคาร์โล่ ล้มกระแทกพื้นทันทีด้วยหมัดหนักๆของแกลรี่ เขาลุกขึ้นพร้อมที่จะกระโจนใส่แกลรี่ทันทีด้วยความโมโห
“หยุด ทั้งสองคน” เสียงเข้มจากประมุขของกาสเตอร์ส่งผลให้สองหนุ่มหยุดการกระทำ
“แกลรี่ แกปกป้องคนอื่นเชื่อนั่งนี้มากกว่าฉันงั้นเหรอห๊ะ” คาร์โล่จ้องญาติผู้พี่ด้วยสายตาวาวโรจน์
“แล้วแกจะทำไม หุบปากเก็บสมองกลวงๆ ของแกไว้ดักว่านะน้องชาย”
“แกไอ้แกลรี่ แก” สองคนจ้องตากันอย่างไม่ยอมกัน
“หยุด แล้วก็หุบปากทั้งสองคน แล้วตามเข้ามาในนี้ พอลสั่งนักข่าวปิดปากให้สนิท พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลด้วย ดูแลให้ดี” เพนิเป้สั่งทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามายังห้องหนึ่งซึ่งมีตำรวจนั่งรออยู่แล้ว ทุกคนได้แต่งงตำรวจมาได้ยังไง ส่วนคาร์โล่ใบหน้าซีดเผือดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามขมับทั้งๆที่อากาศภายในห้องสุดแสนจะเย็น
“เอ่อ ฉันเชิญคุณตำรวจมาเองแหล่ะค่ะ” ท่านประธานหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาคืนเดียวพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามแต่เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างหน้าหมั่นไส้แต่ก็ยังน่ารักในสายตาเขาอยู่ดี
“ เอาล่ะๆ เธอเป็นใครกันสาวน้อยเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” เพนิเป้ เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เกดกนก หันไปมองแกลรี่ ส่งสายตาทำนองว่า ตอบสิ
“มิส เกดกนก กาสเตอร์ บีท ไรท์ ครับคุณปู่” แกลรี่เป็นฝ่ายตอบทำเอาทุกคนอึ้งตะลึงกันไปหมด
“หมายความว่าไงแกลรี่” เพนิเป้หันมาถามหลานชายด้วยความมึนงง พลางหันไปมองสะใภ้ใหญ่ของกาสเตอร์ด้วยสายตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก
“ ภรรยาผมครับคุณปู่” เมื่อหลานรักเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นท่านได้แต่พยักหน้ายอมรับ
ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจในตัวเกดกนกคาร์โล่ถือโอกาสขยับไปที่ประตูแต่ก็ไม่ทันได้ออกไป
“ นี่ นายน่ะ จะไปไหน” เกดกนก กระโจนดึงคาร์โล่แล้วผลักเขาลงไปที่เก้าอี้
“นี่ เธอ...ผม... แค่เมื่อยน่ะ ตกลงนี่จะเอาไงครับผมมีธุระนะครับคุณปู่” ชายหนุ่มทำท่าเบื่อหน่าย สายตาจ้องมองแม่สาวเอเซียตัวแสบด้วยความไม่พอใจ
“สั้นๆ ได้ใจความ” หญิงสาว เปิดเสียงที่เธอได้อัดไว้ให้ทุกคนฟัง เสียงของคาร์โล่ที่สั่งให้ทอมฆ่าแกลรี่ชัดเจนทุกๆคำพูด ชายหนุ่มถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นใบหน้าซีดเผือดเขาคลานเข้าไปหาเพนิเป้กอดขาชายชราเอาไว้แน่นพลางเอ่ยออกมาเสียงสั่น
“คุณปู่ ผม ขอโทษนะครับ ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมนะครับ ผมแค่อยากได้โรงแรมนี้ ผมสร้างมันมากับมือของผม จะให้แกลรี่มาแย่งไปได้ยังไง” เขายังคงคร่ำครวญ
“แกลรี่ปู่ให้แกจัดการนะ” เพนิเป้แกะมือของคาร์โล่ออกหันหน้าไปมองทางอื่นเขารู้สึกผิดหวังในตัวของหลานชายเขาคนนี้จริงๆ
“ช่างเถอะครับ” เสียงเหนื่อยๆ ของแกลรี่ทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน
“ นี่นาย จะบ้าเหรอ เขาจะฆ่านายนะ นาย...” เกดกนกเตรียมโวยวายแต่ก็ต้องหุบปากกระทันหัน
“ หยุด เกดกนกผมไม่ต้องการความเห็นจากคุณ กรุณานั่งอยู่เฉยๆคุณภรรยา” เขาสั่งเธอเสียงเข้ม มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกาทำให้เธอไม่กล้าเถียงเขาแม้แต่คำเดียว เกดกนกนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่อย่างหงอยๆแต่ก็แอบถลึงตาใส่เขาย่นจมูกเขาบ้างแลบลิ้นบ้างแต่พอเขาหันมาเธอก็ก้มหน้าหลบ
“ถ้านายอยากได้โรงแรมนี้นายก็เอาไปเถอะ” คำพูดของแกลรี่ทำให้คาร์โล่มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ได้ คาร์โล่ไม่ถนัดเรื่องโรงแรมไม่อย่างนั้นจะมีวันนี้หรือไง” ท่านเพนิเป้ขัดขึ้นแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ
“เอ่อขอโทษนะครับตกลงว่าจะให้พวกเราอยู่ต่อไหมครับ” ตำรวจสามนายที่ยืนอยู่นานแล้วพูดขึ้น ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพราะผู้หญิงเอเซียคนนี้บอกว่าถูกหลอกให้แต่งงานให้มาจับผู้ต้องหาก็เลยตามมา
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนเถอะครับ ขอบคุณมาก โรปส่งคุณตำรวจด้วยนะ” แกลรี่หันไปบอกบอดี่การ์ดอีกคนของเขา
“ แต่ว่า เธอ.. อ้าว..งั้นลานะครับ”
ตำรวจสามนายหันไปหาเกดกนก ก็เห็นว่าเธอนอนหลับไปแล้วและพวกเขาก็ได้ยินว่าเธอเป็นภรรยาของเจ้าของโรงแรมคงไม่มีอันตรายเกิดขึ้นจึงยอมกลับไปแต่โดยดี แกลรี่มองตามสายตาของนายตำรวจ ก่อนที่เขาจะยกยิ้มออกมา ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โซฟาจับภรรยาตัวน้อยให้นอนหนุนตักพร้อมกับลูบผมนุ่มนั่นด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องตากับผู้ที่ได้ชื่อว่าน้องชาย
“เอาเป็นว่าฉันให้นายดูแลบริษัทรถนำเข้ากับโรงงานผลิตไวน์ฉันรู้ว่านายชอบรถและทำไวน์ได้ดีกว่าบริหารโรงแรม ว่าไงคาร์โล่แล้วเลิกแล้วต่อกัน” คาร์โล่นิ่งคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกมา
”ตกลงตามนั้นแต่ไหนๆก็ให้โรงงานทำไวน์แล้วฉันขอไร่องุ่นด้วยแล้วกันนะได้รึเปล่า” คาร์โล่ยังคงต่อรอง
“ไม่มีปัญหา ส่วนที่อู่ต่อเรืออีกสองที่นายเลือกมาแล้วกันว่าจะเอายังไงสำหรับฉันคงไม่มีเวลาเข้าไปดูหรอกถ้าจะขายก็แล้วแต่นาย” คาร์โล่นิ่งคิดเขาไม่คิดว่าแกลรี่จะให้เขามากขนาดนี้ เขาแค่แกล้งเรียกร้องไร่องุ่นเท่านั้นเอง
“ฉันไม่ชอบอู่ต่อเรือนายจัดการเองแล้วกัน”
“ ไม่ล่ะเอาเป็นว่าอู่ต่อเรื่อนายก็ให้พ่อตานายดูแลก็แล้วกันพี่เมียนายก็ทำงานอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือไง” พูดจบแกลรี่ก็อุ้มเกดกนกเดินออกไปทันที ไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมามองด้านหลังอีก
“ คุณปู่ผมขอโทษ ฮื่อๆ “ คาร์โล่ร้องให้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร เพนิเป้เข้าไปกอดปลอบหลานชายเอาไว้
“ อย่าคิดว่าปู่ลำเอียงนะคาร์โล่เจ้าไม่มีความสามารถด้านการโรงแรมจริงๆ”
“ผมรู้ครับปู่ ผมขอโทษครับ ผมสัญญานะครับว่าผมจะดูแลทุกอย่างให้ดีเหมือนอย่างที่แกลรี่ดูแลและจะไม่อิจฉาแกลรี่อีกผมสัญญาครับ”
“ไปบอกมารีญาด้วยล่ะเขาจะได้ดีใจ” เพนิเป้พูดถึงหลานสะใภ้ที่ตอนนี้กำลังตั้งท้องได้ห้าเดือนกว่าแล้ว
“ครับปู่เธอจะต้องดีใจเหมือนกับผม” สองคนปู่หลานกอกกันร้องให้เบาๆ
“พามารีญามาหาปู่บ้างนะคาร์โล่”
“ครับปู่ ผมฝากขอโทษพี่สะใภ้ด้วยนะครับวันหน้าผมจะไปขอโทษด้วยตัวผมเอง”
“อื่ม แล้วจะบอกให้”
“แล้วเรื่อง.....” คาร์โล่ยังคงกังวลใจเกี่ยวกับทอม เขารู้ว่าแม้เขาจะยิงทอมให้ตายไปจริงๆ ทอมก็ไม่มีทางโกรธเขาเพราะชีวิตของทอมเป็นของเขาตั้งแต่ที่เขาได้ช่วยเหลือครอบครัวของทอมแล้ว
“ไปคุยกันเอาเอง จำไว้นะคาร์โล่ทอมน่ะจงรักภัคดีขนาดไหนอย่าทำแบบนี้อีก”
“ครับคุณปู่ผมจะไปขอโทษทอม และจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น และเมื่อใดที่แกลรี่พร้อมผมจะเข้าไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง”
“เอาล่ะๆ ปู่หวังว่าหลานจะทำได้อย่างที่พูดนะ. กลับกันเถอะ”
“ครับคุณปู่” ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินตามปู่เขาออกไปด้วยหัวใจและสมองที่ปลอดโปร่งโล่งไร้ความกังวลใดๆ อีก