ห้องนอนของปุณณ์ที่ถูกใช้เป็นห้องหอยามนี้ถูกตกแต่งใหม่จนเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาว มีเพียงบนเตียงนอนเท่านั้นที่มีกลีบดอกกุหลายสีแดงสดโรยเป็นรูปหัวใจสองดวงเกี่ยวกันไว้ อัญชรีย์กับปณตนั่งเคียงคู่กันอยู่ที่ปลายเตียง ปุณณ์นั่งพับเพียบเคียงข้างเจ้าสาวของตนบนพื้นที่เยื้องออกไป มือหนายังคงเกาะกุมมือเล็กของหญิงสาวที่เผลอแสดงอาการกระสับกระส่ายในบางครั้ง แม้จะพยายามคิดว่านี่เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญเป็นพิเศษอะไร แต่ใจดวงน้อยก็คอยแต่จะเต้นแรงมากไปกว่าปกติทุกที
“ตื่นเต้นที่จะได้เข้าหอกับผมหรือหวา”
ร่างสูงเอ่ยถามพลางส่งยิ้มกริ่ม คนตัวเล็กจึงอดไม่ได้ที่จะส่งค้อนวงใหญ่ให้กับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเขา จนทำให้คนมองหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู
“เชิญค่ะแม่อุ๊ย” เสียงปัณณรีย์ดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะปรากฏตัวพร้อมกับหญิงชราคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของที่นี่ อัญชรีย์ลุกขึ้นเดินไปช่วยบุตรสาวของตนประคองหญิงสูงวัยคนนั้นมานั่งแทนตน ขณะที่ปณตลุกขึ้นไปยืนรอที่ด้านข้างแทน
“แม่อุ๊ยเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ พวกเรามักจะเชิญท่านมาเป็นตัวแทนเพื่ออวยพรในงานสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะงานแต่งงาน”
ปุณณ์กระซิบอธิบายข้างหูหญิงสาวที่มองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ ดวงยิหวาพยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆ คลานเข้าไปตรงหน้าของแม่อุ๊ยตามที่ปัณณรีย์ที่มานั่งประกบเธอเอ่ยบอก เมื่อนั่งประจำที่ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ก้มลงกราบแม่อุ๊ย ก่อนจะยืดตัวขึ้นเมื่อหญิงชรากล่าวคำอวยพรจบลง
“คะ” ดวงยิหวาถามอย่างแปลกใจเมื่อแม่อุ๊ยยื่นตุ๊กตาชายหญิงคู่หนึ่งมาให้ คนในห้องพากันยิ้มกริ่ม คงมีแค่เพียงเจ้าสาวเท่านั้นที่ยังคงสงสัย
“รับมาสิหวา”
มือบางเอื้อมไปรับตามคำของชายหนุ่มข้างกาย ก่อนจะก้มลงไหว้เพื่อขอบคุณอีกครั้งแล้วส่งตุ๊กตาคู่นั้นให้ อัญชรีย์ที่คอยอยู่ อัญชรีย์นำตุ๊กตาคู่นั้นไปวางใต้หมอน ในขณะที่แม่อุ๊ยนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อหลีกทางให้โดยความช่วยเหลือของปัณณรีย์
“เอาล่ะ ทีนี้หวากับปุณณ์ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกันได้แล้วจ้ะ”
เจ้าสาวหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำของแม่สามี แต่ก็จำต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มหญิงสาวพากันขึ้นไปนอนเคียงข้างกันบนเตียง โดยที่ฝ่ายชายนั้นหาหน้าเข้าหาอีกฝ่ายที่นอนหันหลังให้เขา
“นอนหันหน้าเข้าหากันจ้ะหวา” อัญชรีย์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกเดาถึงความประหม่าของเด็กสาวบนเตียงได้ เจ้าสาวกลั้นใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาโดยไม่ยอมสบตาคมกล้าที่กำลังจับจ้องใบหน้าของเธอเอง
อัญชรีย์กับปณตจับปลายผ้าห่มคนละด้านแล้วช่วยกันยกห่มให้คู่บ่าวสาว ดวงยิหวาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผ้าห่มคลุมร่างของเธอจนถึงบริเวณอกร่วมกับชายหนุ่มร่างสูง เสียงปิดไฟดังขึ้นพร้อมกับความมืดที่คืบคลานเข้ามา เสียงประตูห้องที่ปิดลงเป็นเหมือนสัญญาณให้ร่างน้อยได้รับรู้ว่ายามนี้เธอกับเขานั้นอยู่กันเพียงลำพัง
“จะไปไหนหวา”
ปุณณ์รีบคว้าเอวบางเอาไว้ทันทีเมื่อหญิงสาวทำท่าจะผุดลุกจากเตียง ร่างบางเกร็งตัวรับกับสัมผัสของเขาพร้อมกับหัวใจที่พากันเต้นโครมคราม ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงบางเบา
“กะ...ก็ลงจากเตียงไง”
“ยังลงไม่ได้ ต้องนอนสักพัก”
มือหนากดไล่บางให้นอนลงอย่างเดิมด้วยความนุ่มนวล หญิงสาวในอ้อมแขนนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับสบสายตา
“ปุณณ์ก็รู้นี่ว่าเรื่องของเรามันมีที่มาที่ไปยังไง และสุดท้ายมันจะจบลงตรงไหน ปุณณ์ไม่จำเป็นจะต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้”
“หวา...สำหรับผมแล้ว ทุกเรื่องระหว่างเราผมจริงจังเสมอ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าสุดท้ายแล้วเรื่องระหว่างเรามันจะจบยังไง ผมรู้แค่ว่าจากนี้ไปผมจะทำให้ทุกช่วงเวลาของเรามีค่ามากที่สุดสำหรับเราสองคน”
อดีตพระเอกหนุ่มตอบกับด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมสบสายตาอย่างไม่หวั่นไหว ริมฝีปากบางของคนฟังได้แต่ครางชื่อของเขาออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนจะต้องเกร็งตัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมือหนาของชายหนุ่มช่วยเกลี่ยปอยผมของเธอให้พ้นจากใบหน้านวลอย่างอ่อนโยน
“วันนี้หวาสวยมากเลยรู้ไหม”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ตากลมโตเบิกกว้างขึ้น ใบหน้านวลก้มต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาพราวระยับของอีกฝ่ายอีกต่อไป ความหวั่นไหวสับสนประดังเข้ามาจนดวงยิหวาตั้งรับอารมณ์ของตัวเองไม่ถูก จึงทำได้เพียงแค่นอนนิ่งๆ ในอ้อมแขนอบอุ่นของชายหนุ่ม และพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไม่ให้เตลิดไปในทางที่ไม่ควรสำหรับเธอไปมากกว่านี้
เมื่อครบตามกำหนดเวลา เจ้าบ่าวจึงยอมผละออกเพื่อให้เจ้าสาวได้ทำธุระส่วนตัว ดวงยิหวาที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วพบว่าช่วงเวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมาสามีของเธอได้เก็บรวบรวมกลีบกุหลาบเอาไว้ในโถแก้วใบใหญ่ไว้อย่างเรียบร้อย หญิงสาวยืนคว้างไม่กล้าหันมองไปทางเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหยิบเสื้อผ้าของตน เธอตัดสินใจเดินไปใช้ดรายร์เป่าผมของตนให้หมาด ในขณะที่ปุณณ์เองก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อคลายความอึดอัดให้แก่หญิงสาวที่ยังคงไม่สนิทใจในตัวเขา
หลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จสิ้น ดวงยิหวาก็เดินไปรวบผ้าห่มส่วนหนึ่งขึ้นมาไว้ในวงแขนแล้วสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้องนอนอย่างครุ่นคิด เตียงนอนสีขาวที่ตอนนี้ไม่มีกลีบกุหลาบหลงเหลืออยู่แล้วนั้นกว้างขวางพอให้นอนได้ถึงสองคนก็จริง แต่เธอก็อดที่จะไม่สบายใจไม่ได้ถ้าหากมันจะเป็นเช่นนั้น ที่ว่างหน้าเตียงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าพื้นที่ตรงนั้นจะไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่มันก็กว้างพอที่จะช่วยให้เธอผ่านพ้นแต่ละคืนไปได้
ดวงยิหวาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงของหล่นมาจากภายในห้องน้ำที่มีร่างสูงอยู่ภายใน เสียงอุทานที่ดังออกมาทำให้ร่างบางรีบวางกองผ้าในวงแขนแล้วเดินตรงไปทางประตูห้องน้ำด้วยความเร่งรีบ หญิงสาวลังเลอยู่อึดใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตูแล้วสอบถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ปุณณ์ ปุณณ์...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นอะไรหวา” เสียงทุ้มที่ฟังออกว่ากำลังข่มความเจ็บบางอย่างตอบกลับมา จึงทำให้คนฟังยังไม่คลายความห่วงใย
“แต่เมื่อกี้เราได้ยินเสียงปุณณ์ร้องนะ มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ หวา หวานอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมออกไป”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
ปุณณ์ตอบกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนขึ้น ร่างบางจึงตัดสินใจไม่ซักไซ้ต่อ แต่เลือกที่จะไปนั่งรอชายหนุ่มที่บริเวณปลายเตียงแทน
อีกเพียงห้านาทีถัดมา อดีตพระเอกหนุ่มก็ปรากฏตัว...