เมื่อก้าวเข้าไปข้างในแล้ว ดวงยิหวาจึงได้เห็นว่าภายในตัวบ้านยังคงถูกจัดไว้ในโทนสีอบอุ่นไม่ต่างจากภายนอกของบ้าน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเรียบง่าย แม้จะถูกใช้งานมานาน แต่ก็ยังคงดูใหม่เพราะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม ห้องรับแขกของบ้านแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถูกตกแต่งไว้อย่างลงตัว โซฟาสีเบจตัวยาวถูกจัดให้อยู่เคียงกับโต๊ะไม้สักขนาดกลางสีเข้มที่มีแจกันดอกไม้วางอยู่ด้านบนไว้อย่างน่ารัก ตรงมุมห้องมีตู้โชว์ไม้สักขนาดย่อมที่มีรูปครอบครัวอันอบอุ่นของบุคคลในบ้านหลังนี้ตั้งเรียงรายอยู่ในทุกๆ ชั้น คนในรูปต่างพากันยิ้มกว้าง ดวงตาสดใสที่เต็มไปด้วยความสุขของคนในภาพเหล่านั้นเด่นชัดจนทำให้ในใจของคนมองรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไปกันเถอะหวา เดี๋ยวผมพาไปดูชั้นบน” อดีตพระเอกหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดแจงวางกระเป๋าไปไว้ในมุมหนึ่งของห้องรับแขก มือหนาเอื้อมมาคว้ามือบางก่อนจะออกแรงเดินนำอีกฝ่าย ดวงยิหวาสะดุ้งเบาๆ กับการกระทำของเขา จึงมองไปยังมือของทั้งสองที่กำลังผสานก่อนจะเงยขึ้นมองด้านข้างของใบหน้าคมคาย แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าผิดปกติอะไร เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมา
“ห้องทางฝั่งนี้จะเป็นห้องของคุณแม่ พี่ปัณและเปี่ยมรักนะ”
ปุณณ์ผายมือไปทางฝั่งซ้ายมือเมื่อทั้งสองเดินขึ้นมาถึงชั้นสองของตัวบ้าน ดวงยิหวามองตาม จึงได้เห็นว่ามีห้องนอนเพียงสองห้องที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกันเท่านั้น
“เปี่ยมรักเหรอ”
ร่างเล็กทวนซ้ำ ร่างสูงจึงหันมามองพลางส่งยิ้มพราย
“หลานชายของผมน่ะ ลูกชายของพี่ปัณ กำลังซนได้ที่เลยล่ะ”
คนฟังพยักหน้าหงึกๆ คนตัวโตจึงพาเดินไปอีกด้านแล้วผายมือไปยังห้องแรกที่ได้พบ
“ห้องนี้เป็นห้องพระ...” ชายหนุ่มพูดแล้วชี้ไปยังห้องตรงกันข้าม
“ส่วนนี่ห้องทำงาน”
คนฟังพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งสองจะไปยืนหยุดที่ห้องด้านในสุด ชายหนุ่มใช้มือข้างที่ว่างเปิดประตูห้องแล้วเดินนำหญิงสาวเข้าไป
“ส่วนห้องนี้...” ร่างสูงเว้นเสียง หันมาสบตากับร่างบางที่เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาพอดี
“ห้องหอของเรานะหวา”
“ระ...เราต้องนอนด้วยกันเหรอ” ดวงตาของร่างเล็กเบิกกว้างพร้อมกับถามกลับอย่างร้อนรน ร่างสูงพยักหน้ารับทำให้ดวงยิหวายิ่งมีท่าทีตกใจมากกว่าเดิม
“มะ...ไม่มีห้องอื่นแล้วเหรอ”
“ไม่มีหรอก อย่างที่ผมบอกว่าบ้านผมไม่ได้กว้างมาก และหวาก็ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็...ก็...”ดวงยิหวาก้มหน้างุดพร้อมพยายามหาคำโต้แย้ง ร่างสูงมองอีกฝ่ายพร้อมกับกลั้นยิ้มเมื่อเห็นปากเล็กๆ ของเธอขยับไปมาเหมือนพยายามหาคำมาตอบโต้เขาอยู่ ก่อนที่จะถูกเม้มแน่นเมื่อเจ้าตัวไม่สามารถหาคำพูดอะไรได้
“เราไปดูตรงนั้นกันดีกว่าหวา” ปุณณ์จับจูงร่างบางไปทางประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของภรรยา มือหนาปลดล็อคประตูแล้วเปิดออก จากนั้นจึงพาหญิงสาวเดินออกไปยืนรับสายลมเย็นบางๆ ที่โชยอ่อนผ่านมาเป็นระยะ
“ห้องนี้จะต่างจากห้องอื่นตรงที่มีระเบียงเล็กๆ ยื่นออกมา ถ้ามองจากตรงนี้เราจะสามารถมองเห็นน้ำตกที่อยู่ในป่าท้ายหมู่บ้านได้ด้วย ตรงนั้นไงเห็นไหม”
คนตัวเล็กมองตามมือของไกด์ชั่วคราวที่ชี้ไปทางซ้ายมือ สีหน้าของเธอเริ่มดีขึ้นเมื่อได้เห็นความสวยงามของน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นดังต้นน้ำของแม่น้ำสายหลักในหมู่บ้านแห่งนี้
“ส่วนทางนั้น...” ชายหนุ่มชี้ไปอีกด้าน ”เป็นไร่สตรอว์เบอร์รี่ของที่บ้านผมเอง”
“ปุณณ์มีไร่สตรอว์เบอร์รี่ด้วยเหรอ” ดวงยิหวาถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมากกว่าเดิม พร้อมกับมองตามจนได้เห็นทิวแถวของผลไม้สุดโปรดของเธอ ที่หากคะเนดูแล้วเหมือนว่าจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้เท่าไหร่นัก
“ใช่แล้วล่ะ เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวน่ะ เดี๋ยววันหลังผมจะพาหวาไปนะ เพราะว่าวันนี้เรามีงานอื่นรออยู่แล้ว”
“งานอะไรเหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ มือหนาเอื้อมไปคว้ามืออีกข้างของหญิงสาวมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้ม
“งานเลี้ยงน่ะหวา งานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของเรา”
“ปะ...ปุณณ์ว่าอะไรนะ”คนฟังหน้าเสีย น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“เย็นนี้จะมีงานเลี้ยงแต่งงานของเราสองคนนะหวา คนที่นี่เขาอยากจัดให้ เพื่อเป็นการต้อนรับหวาด้วย” ร่างสูงตอบกลับอย่างใจเย็นพลางจับมืออีกฝ่ายแน่น
“แต่ว่า...”
“หวา...ผมรับรอง อยู่ที่นี่...หวาไม่จำเป็นต้องกลัวสายตาใคร คนที่นี่อยู่ด้วยกันแบบครอบครัว ทุกคนต่างรู้จักและนับถือกันเหมือนญาติพี่น้องกันจริงๆ พอผมแต่งงานพวกเขาเลยอยากแสดงความยินดีกับเรา ทำความคุ้นเคยกับหวา เพื่อให้หวาจะได้อยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจไง”
แม้จะเริ่มเข้าใจถึงความหวังดีของชายหนุ่ม แต่ใบหน้าของหญิงสาวยังมีรอยกังวลปรากฏชัด คำยืนยันหนักแน่นของชายหนุ่มซึมซับเข้าไปในใจของหญิงสาวได้เพียงเบาบางเท่านั้น เมื่อเรื่องระหว่างเขากับเธอมันร้ายแรงเกินกว่าที่เธอจะมั่นใจได้ว่าคนที่นี่จะให้การต้อนรับเธออย่างที่เขากล่าวอ้างไว้
“ถึงยังไงเราก็กลัวอยู่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่นี่ แต่ว่า...”
ภาพความทรงจำบางอย่างที่ผุดเข้ามาในห้วงความคิดสร้างความหวาดหวั่นให้ดวงยิหวามากกว่าเดิม แววตาของเธอเต็มไปด้วยความประหม่า สับสนและปวดร้าวจนคนมองสัมผัสได้ มือหนาจึงค่อยๆ ยกขึ้นเพื่อประคองใบหน้าเล็กให้สบตากับเขาโดยไม่สามารถหลบเลี่ยงไปไหน
“ไว้ใจผมนะหวา เชื่อผม...ผมจะพาหวาก้าวผ่านทุกอย่างไปเอง”