ดวงยิหวาโน้มตัวลงกอดนวลฉวีด้วยท่าทีเศร้าสร้อยอีกครั้งเมื่อวินาทีแห่งการจากลาใกล้เข้ามาทุกที หญิงสูงวัยกอดตอบพลางลูบหลังอีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ แม้ลึกๆ แล้วเธอเองก็ใจหาย แต่ก็ต้องทำใจเป็นเข้มแข็งไว้ กอดกันอยู่นานทั้งสองจึงยอมผละออกแล้วจับมือกันแน่น สายตาของหญิงต่างวัยต่างสอดประสานเพื่อส่งผ่านความรักและความผูกพันภายในใจที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน ก่อนที่ฝ่ายสูงวัยกว่าจะลูบศีรษะของเด็กสาวเพื่ออวยพร
“เดินทางปลอดภัยนะลูก”
“คุณป้าก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ” ดวงยิหวาตอบกลับพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะไอ้หวา เดี๋ยวฉันดูแลป้านวลเอง ส่วนแกก็ทำใจให้สบายๆ เถอะ แหม...แค่จะได้นั่งเครื่องบินครั้งแรก กลัวจนร้องไห้เลยนะ”
คนถูกแซวหัวเราะเบาๆ กับคำพูดปลอบโยนตามแบบฉบับของกิดาการ ดวงยิหวาย่นจมูกพลางส่งค้อนไปให้เพื่อนเล็กน้อย
“ใครว่าฉันร้องไห้เพราะเรื่องนั้นกันเล่า”
“อ้าว ฉันจะไปรู้เหรอ” เหยี่ยวข่าวสาวตอบกลับแล้วหัวเราะตบท้ายอย่างยียวน ทุกคนจึงหัวเราะตามในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น
ตาคมของอดีตพระเอกหนุ่มหันไปจับจ้องภรรยาของตนที่กำลังหัวเราะแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจเพื่อนของตนอีกครั้ง ผู้จัดการหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนของตนอย่างจับสังเกตอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเรื่องสำคัญกับอีกฝ่ายที่กำลังคุยค้างกันเอาไว้
“เดี๋ยวเคลียร์งานเสร็จฉันจะรีบตามไป รับรองว่าฉันไม่พลาดงานเย็นนี้แน่”
“ขอบใจแกมากนะสำหรับทุกอย่าง ช่วงนี้แกคงต้องเหนื่อยหน่อยเพราะฉัน”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่ดิษเองก็คอยช่วยอยู่ งานแกก็เคลียร์ไปมากแล้ว อีกอย่าง...ไอ้เมฆเองก็ช่วยรับงานต่อจากแกไปเยอะ มีเด็กกำลังมาแรงอยู่ในมือก็ดีอย่างนี้แหละ เอเจนซี่กับผู้จัดหลายคนเลยไม่มีปัญหา จะติดอยู่เจ้าเดียวเท่านั้น เฮ้อ...แต่พูดถึงก็น่าเสียดายแทนแกจริงๆ ว่ะปุณณ์”
“ช่างมันเถอะณัฐ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ยังไงฉันก็ขอฝากทุกอย่างให้แกช่วยจัดการด้วย และก็ฝากขอบใจพี่ดิษกับไอ้เมฆให้ด้วยนะ” ณัฐพลพยักหน้าตอบรับ เมื่อเห็นว่าธุระที่จะมาบอกกับเพื่อนจบลง ชายหนุ่มก็หันไปกอด อัญชรีย์ที่เขารักและผูกพันไม่ต่างจากแม่แท้ๆ ของตนด้วยท่าทางประจบประแจง
“เดินทางดีๆ นะครับแม่ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะครับ” ร่างสูงกล่าวด้วยเสียงอ้อนๆ ก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีเหล่านี้ชายหนุ่มจะแสดงออกเฉพาะกับหญิงสูงวัยตรงหน้าเท่านั้น
“จ้ะๆ แหม...เรานี่ช่างประจบตลอด”
“ไม่ได้หรอกครับ ไอ้ปุณณ์มันกลับไปทำคะแนนแล้ว เดี๋ยวแม่ลืมผมขึ้นมา ผมต้องแย่แน่ๆ” ไม่เพียงพูดเปล่า ณัฐพลยังส่งสายตาหาเรื่องไปทางเพื่อนของตนด้วย
“เรานี่ก็...”อัญชรีย์ส่ายหัวเบาๆ ให้กับท่าทางราวกับเด็กโข่งของชายหนุ่มที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็ก
“ใกล้เวลาแล้ว เราไปกันเถอะครับแม่ ปล่อยไอ้ณัฐมันไว้ที่นี่แหละ”
อดีตพระเอกหนุ่มเอ่ยพลางส่งยิ้มกวนๆ ไปให้เพื่อนที่มองกลับด้วยสายตาไม่ต่างกัน ชายหนุ่มผละออกมาแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวที่ต้องร่วมเดินทางไปกับเขาในเวลาอันใกล้นี้
“ได้เวลาเดินทางแล้วนะหวา ผมลาก่อนนะครับคุณป้า” ร่างสูงทำความเคารพหญิงมากวัย ดวงยิหวาทำท่าจะสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็อดกลั้นเอาไว้แล้ว ตรงเข้าไปกอดป้าและเพื่อนสนิทของตนแทนคำลา ก่อนจะผละออกมายืนเคียงข้างชายหนุ่มและอัญชรีย์ที่เดินตามมาสมทบ
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณนวล ฉันจะดูแลหนูหวาอย่างดีค่ะ” อัญชรีย์เอ่ยขึ้นและยิ้มให้อีกฝ่ายที่ตอบรับอย่างวางใจ ทั้งสองฝ่ายต่างพากันเอ่ยล่ำลากันอีกครั้ง ก่อนที่คณะเดินทางจะพากันออกเดินเข้าประตูผู้โดยสารขาออกจนลับสายตาของกลุ่มคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตู
“เรากลับกันเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” ณัฐพลอาสาพลางหันไปพูดกับสองสาวต่างวัย นวลฉวีพยักหน้ารับ ชายหนุ่มจึงช่วยกิดาการพยุงอีกฝ่ายให้เดินไปตามทางเดินช้าๆ
ตลอดการเดินทาง ณัฐพลชวนนวลฉวีพูดคุยเป็นระยะ แต่หากมีเรื่องใดที่เฉียดใกล้กับดวงยิหวามากจนเกินไป กิดาการก็จะคอยขัดขึ้นอย่างแนบเนียน แต่ก็ไม่พ้นการสังเกตของฝ่ายชายไปได้ ทั้งสองจึงสบตากันผ่านกระจกมองหลังอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ชอบมองอย่างยียวน ส่วนนวลฉวีนั้น แม้จะพอรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างแต่ก็ไม่อยากเก็บมาใส่ใจเมื่อคิดว่าเรื่องทุกอย่างลงเอยไปด้วยดีแล้ว
ไม่นานรถของผู้จัดการหนุ่มก็พาทั้งหมดมาถึงที่หมาย กิดาการรีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปช่วยประคองนวลฉวีเข้าไปภายในบ้าน โดยมีณัฐพลที่เพิ่งจอดรถเรียบร้อยรีบตามเข้ามาช่วยจนถึงบริเวณห้องรับแขกด้านใน
“ขอบใจมากนะจ๊ะ ถ้ายังไงนั่งพักก่อนได้นะ ขับรถมาเหนื่อยๆ”
นวลฉวีหันไปกล่าวกับชายหนุ่มซึ่งยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงต้องขอตัวไปเคลียร์งานก่อน แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
“จ้ะ ป้าขอบใจณัฐมากนะที่ช่วยจัดการเรื่องวุ่นๆ พวกนี้ให้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวป้าให้กิดาเดินไปส่งนะ”
“ครับคุณป้า ผมลาก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ณัฐพลยกมือไหว้นวลฉวีก่อนจะหมุนตัวเดินจากมา โดยมีร่างบางของเหยี่ยวข่าวสาวเดินตามมาติดๆ
“กลับดีๆ ล่ะคุณ” กิดาการเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งสองเดินมาถึงรถของณัฐพลพร้อมกับหมุนตัวกลับ แต่ถูกอีกฝ่ายเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวครับคุณกิดา”
“มีอะไรคะคุณผู้จัดการ”
“ผมขอเบอร์คุณหน่อยสิ” ชายหนุ่มตอบพลางยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หญิงสาวมองเขากลับอย่างระแวง จนทำให้เขาต้องหยิบกระดาษใบเล็กจากกระเป๋าสตางค์และยื่นให้เธอ
“นี่นามบัตรผม รับไว้เถอะ เพราะบางทีเราอาจจะได้ทำงานร่วมกัน”
คนฟังหรี่ตามองสบตากับอีกฝ่ายที่สื่อความนัยบางอย่าง ตากลมซุกซนมีประกายเจิดจ้าเมื่อเริ่มเข้าใจถึงงานของเขา มือเรียวจึงยื่นไปรับกระดาษใบเล็กแล้วยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะจัดการตามคำขอของผู้จัดการหนุ่มทันที