บทนำ

1377 Words
“ไหนคะ เด็กอยู่ไหน มีใครไปเตรียมเรือแล้วหรือยัง” เสียงนายหญิงเจ้าของบังกะโลถามขึ้นขณะสาวก้าวตรงเข้ามายังจุดที่คนงานยืนออกันอยู่ “ลุงน้อยกำลังไปค่ะคุณผู้หญิง เมื่อกี้ช้อยโทรบอกคนขับรถนอกเกาะให้เตรียมรถรอแล้วค่ะ” “เจอเด็กนานหรือยังคะ” น้ำเสียงนุ่มปนกังวลของนายหญิงเอ่ยถามสาวใช้ “ตายแล้ว ทำไมตัวร้อนแบบนี้” เธอประคองร่างเล็กของเด็กหญิงวัยห้าขวบไว้ในอ้อมแขน ทาบหลังมือลงบนแก้มป่องสีแดงและหน้าผากมนแล้วก็ร้อนใจ “คนสวนบอกว่าเจอตั้งแต่เช้ามืดค่ะ เห็นนอนสลบอยู่ข้างถังขยะหน้าประตูใหญ่ก็เลยพาเข้ามา เพราะจำได้ว่าเป็นลูกคนงานในไซซ์ก่อสร้างของเรา” สาวใช้คนสนิทรีบอธิบายด้วยท่าทีกังวล “ดูจากรอยยุงกัดแล้วน่าจะอยู่ที่นี่นานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะหลายชั่วโมงหรือทั้งคืนค่ะ เพราะคนสวนมารดน้ำต้นไม้ตอนตีห้าสี่สิบ ช้อยเข้ามาเตรียมอาหารเช้าก็หกโมงครึ่ง” “แล้วพ่อแม่เด็กล่ะคะ ติดต่อได้ไหม เมื่อวานถ้ามีคนอยู่บ้าน เด็กคงไม่ต้องมานอนหนาวอยู่ตรงนี้” “ไม่มีใครติดต่อได้เลยค่ะ เพื่อนคนงานด้วยกันบอกว่าสองสามวันก่อนได้ยินพ่อแม่เด็กพูดเรื่องหนี้จากที่ทำงานเก่า แล้วก็เรื่องเจ้าหนี้ที่เคยหนีมาตั้งแต่บ้านเก่าด้วยค่ะ หัวหน้าเองก็บอกว่าวันก่อนขอเบิกค่าแรงล่วงหน้า แต่เพราะเคยเบิกไปก่อนแล้วยังทำงานใช้คืนไม่หมด เขากลัวจะหนีงานเลยไม่ให้เบิกอีก เท่าที่ช้อยให้พี่นายไปถามเพื่อนคนงานด้วยกันก็รู้มาเท่านี้ค่ะ” “ไม่ใช่ว่าพ่อแม่เด็กหนีหนี้ไปแล้วเหรอครับคุณผู้หญิง” นาย สามีของช้อยพูดขึ้นบ้าง เขาทำงานเป็นผู้ช่วยหัวหน้าในไซซ์งานก่อสร้างที่พ่อแม่เด็กทำอยู่ “ทิ้งลูกตัวเองเหรอคะ…” หัวใจคนลูกสามกระตุกวูบก่อนจะก้มมองเด็กน้อยในอ้อมแขน พลันนั้นเปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ค่อย ๆ ปรือขึ้น “อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยครับ เขาลือกันทั้งไซซ์งานว่าพ่อแม่เด็กหนีหนี้ไปเรื่อย พอมาอยู่ที่นี่คงเห็นว่าคุณผู้หญิงเอ็นดูเด็กคนนี้มากเลยทิ้งไว้ก็ได้นะครับ อย่างน้อยคงคิดว่าคุณผู้หญิงอาจจะส่งเด็กไปบ้านสงเคราะห์ดี ๆ สักแห่ง” “เกี๊ยว! เด็กอยู่ไหน” “พี่เจ้าทัพ ทางนี้ค่ะ เด็กเริ่มรู้สึกตัวแล้ว” เสียงสามีอันเป็นที่รักดังมาไกล ๆ หลังรับสายจากภรรยาเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างใหญ่รีบวางงานทุกอย่างแล้วสั่งคนขับเรือให้ตรงมาที่บังกะโล พอมาถึงก็เข้ามาอุ้มเด็กน้อยแล้วรีบวิ่งตรงไปยังเรือที่ติดเครื่องรออยู่ โดยมีภรรยากับสาวใช้คนสนิทวิ่งตามไปติด ๆ คุณผู้หญิงบ้านนี้พอว่างจากงานต่าง ๆ จะตามสามีออกไปตรวจงานที่ไซซ์ก่อสร้างซึ่งอยู่เกาะข้าง ๆ ที่นั่นมีคนงานที่มีลูกเล็กติดสอยห้อยมาด้วยหลายคน เธอมักซื้อขนมและของเล่นไปแจกเด็ก ๆ อยู่เสมอ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้รู้จักกับเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง ยิ่งไปเจอบ่อยก็ยิ่งถูกชะตา ยิ่งที่บ้านมีแต่ลูกชายก็ยิ่งอยากได้ลูกสาว   สองวันต่อมา… เมื่อหาทางติดต่อพ่อแม่ของเด็กไม่ได้ทั้งคู่จึงรับอุปการะเด็กไว้เอง โดยให้เด็กน้อยอาศัยอยู่ด้วยจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับมารับ หรือหากภายหน้าไม่มีใครมารับเด็กไป ก็จะขอรับไว้เป็นลูกสาวอีกคน “หนูน้องเข้ามาสิลูก มาทำความรู้จักกับพี่ ๆ เร็วเข้า” เสียงหวานปนอบอุ่นเรียกลูกสาวบุญธรรม มือเรียวกวักเรียกคนที่ยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่หลังสาวใช้ “มาลูก มาหาแม่สิจ๊ะ” ตอนนี้เด็กน้อยอาการดีขึ้นมากแล้วหลังจากได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พอวันนี้หมอให้กลับบ้าน คนที่กำลังจะมีลูกสาวก็เรียกลูกชายมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ “ไปสิคะคุณหนู ต่อไปนี้คุณหนูต้องอยู่ที่นี่นะคะ จากนี้ไปคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายคือพ่อกับแม่ของคุณหนูค่ะ ส่วนช้อยจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของคุณหนู” สาวใช้คนสวยเอ่ยกับคนตัวเล็ก เธอจูงมือน้อยเข้าไปหาเจ้านายสาวที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟา ข้างกายนั้นมีลูกชายฝาแฝดวัยแปดขวบทั้งสามกำลังนั่งมองคนมาใหม่ “น้องชื่อน้องเหรอครับแม่” หนึ่งในสามของลูกชายเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยความสนใจ “ใช่จ้ะ” ผู้เป็นแม่ยิ้มรับก่อนจะแนะนำคนที่เดินเข้ามาให้รู้จักกับลูกชายตน “คนนี้พี่พระพายนะลูก เป็นพี่ชายคนโตจ้ะ” แนะนำแล้วก็ดึงเด็กหญิงตัวน้อยไปนั่งบนตัก “ส่วนคนนั้นพี่พระเพลิง เป็นพี่ชายคนที่สอง” แม่แนะนำต่อพลางบุ้ยปากไปยังคนที่นั่งกอดลูกฟุตบอลอยู่บนโซฟา ใบหน้าทะเล้นแกมเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายทำให้เด็กหญิงตัวน้อยหลุบตาลงไม่กล้ามองเขา “ไง?” คนถูกแนะนำเลิกคิ้วสองทีให้สมาชิกใหม่ “เพลิงไปเล่นได้แล้วใช่ไหมครับ” ถามแม่แล้วก็รีบลุกออกไปโดยไม่รอฟังคำแม่ “ความจริงแล้วพี่พระเพลิงเขาใจดีนะ แต่พี่เขาไม่เคยมีน้องสาวเลยไม่รู้จะพูดยังไงกับหนู” แม่ก้มลงบอกคนบนตักก่อนจะหันไปหาลูกชายอีกคนที่นั่งกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ “ส่วนคนนั้นพี่พยัคฆ์นะลูก” “ยักเป็นลูกคนสุดท้อง ไม่มีน้องสักหน่อย” เสียงแจ๋วเอ่ยขึ้นทำผู้เป็นแม่ถลึงตาใส่ “อย่าเรียกฉันว่าพี่ ต่อไปนี้ให้เรียกฉันว่าคุณพยัคฆ์เหมือนพี่เลี้ยงกับคนงานคนอื่น” “ตายัก!” แม่ตบโซฟาเสียงดังผัวะจนสาวน้อยสะดุ้งโหยง ส่วนคนโดนดุนั้นเดินออกไปโดยไม่สนอะไร คำพูดคำจากับท่าทีหยิ่งผยองเกินกว่าวัยของลูกชายคนเล็กทำผู้เป็นแม่เหนื่อยใจ พยัคฆ์เป็นคนไม่เอาเพื่อนฝูง ไม่ผูกมิตรกับใคร และไม่สนด้วยว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไง ผู้เป็นแม่เห็นแล้วก็เหนื่อยใจเพราะเปลี่ยนนิสัยลูกชายคนเล็กไม่ได้สักที “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่พายจะเล่นกับน้องน้องเอง” ความร้อนที่กำลังสุมอกแม่ถูกลมเย็น ๆ พัดผ่านให้ทุเลาลงสมกับชื่อพระพาย เขาเป็นลูกชายคนโตและคนเดียวที่ไม่เคยทำให้ผู้เป็นแม่เหนื่อยใจ “งั้นแม่ฝากพายดูแลน้องด้วยนะลูก น้องเป็นผู้หญิงต้องเล่นกับน้องเบา ๆ แล้วก็ไม่พูดคำหยาบกับน้อง ต้องคุยกันดี ๆ” “ครับ” “เก่งมาก ลูกชายของแม่” แม่เอ่ยชมพร้อมกดจูบลงบนกระหม่อมบางของลูกชาย ก่อนจะมองลูกสาวคนใหม่กับลูกชายเดินออกไปพร้อมกัน __________ >>> คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายบ้านนี้ (เกี๊ยว+เจ้าทัพ) มาจากเรื่องร้ายแลกรักนะคะ แต่ขอแจ้งก่อนว่าตอนนั้นยังไม่รู้จักนักพิสูจน์อักษร ไม่รู้จักบรรณาธิการ เพราะฉะนั้นคำผิดอาจยังมีอยู่ และเนื้อหา การผูกปม หรือจังหวะของตัวละคร รวมถึงคาเร็กเตอร์ต่าง ๆ อาจไม่คงที่ อาจมีหลุด ง่าย ๆ คือยังไม่ละเอียดมาก หรืออาจไม่สนุกเลย แต่หากสนใจแวะไปอ่านตัวอย่างกันก่อนได้นะคะ ลงรายตอนไว้ใน Readawrite / Tunwalai / Fictionlog และลงอีบุ๊กใน MEB ค่ะ // ขอบคุณมากค่ะ คำโปรย : หลายคนเชื่อสนิทใจว่าเสือนั้นดุร้าย จนลืมคิดไปว่าหมาก็กัดคนตายได้เหมือนกัน "ถ้ากฎของเสือคืออย่าหลงรักเหยื่อตัวเอง งั้นกฎของการเป็นผู้ชายครื้นเครงก็อย่าหลงรักผู้หญิงที่ตัวเองเห็นเป็นของเล่นก็แล้วกัน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD