เสียงฝีเท้าหนักๆ ของผู้ชายที่รูปร่างสูงสง่าเดินเปิดประตูเข้ามาด้านในจนถึงห้องครัว แต่คนที่กำลังเหม่อลอยเพราะคิดไปเรื่อยเปื่อยกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด
" เหมย " เสียงชายตัวโตที่เอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยความคิดถึงไม่เจอกันตั้งหนึ่งคืนเลยนะ
" อุ้ย พี่ตงหยาง " เธอสะดุ้งเพราะใจลอยอยู่น่ะสิ
" นี่แก้มเหมย อีกแล้ว "
พอเธอหันมาเขาจึงเห็นหน้าเธอได้อย่างชัดเจน ตงหยางมองหน้าหญิงสาวที่ตนเองรักด้วยความเจ็บปวด เห็นเธอเจ็บก็พาให้ใจของเขาเจ็บไปด้วยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย ในยามที่เธอลำบาก
" เอ่อมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ เหมยไม่เป็นอะไรหรอก " เธอเห็นเขาจ้องหน้าตาไม่กระพริบจึงพูดออกไปแบบนั้น
" นี่เรียกว่าไม่เป็นอะไรหรอเหมย กี่ครั้งแล้วพี่ถามว่ากี่ครั้ง " เขาถามขึ้นเสียงดังด้วยความโมโหจนลืมตัวเพราะเป็นห่วงคนรักและโมโหตัวเองที่ไม่สารถปกป้องคนที่ตนรักได้
" พี่ตงหยาง " เธอเรียกเขาด้วยเสียงสั่นๆ และน้ำตาคลอเพราะทุกครั้งเขาไม่เคยถามเธอด้วยน้ำเสียง และท่าทีที่เกรี้ยวกราดแบบนี้เลย
" เอ่อเหมยพี่ขอโทษ "
พอตงหยางตั้งสติได้และรู้ตัวว่าโมโหมากเกินไปก็ดึงเธอเข้ามากอดทันที เพราะสีหน้าเธอตอนนี้ดูตกใจไม่น้อยเลย
" พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจพี่รักเหมยมากนะ "
" เหมยรู้ เหมยก็รักพี่เหมือนกันค่ะรักมานานแล้ว "
สาวน้อยกอดตอบด้วยความรักเช่นกันทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาห่วงเธอขนาดไหน
" อะไรนะ เหมยพี่ไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ยเหมยบอกรักพี่หรอ "
ที่เขาต้องถามย้ำกับเธอ เพราะเธอไม่เคยบอกรักเขาเลยน่ะสิ มีแต่เขาที่บอกรักเธออยู่ทุกวัน แล้วก็เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาดไป
" ใช่เหมยรักพี่นะ รัก รัก รัก รัก รัก "
ไหนๆ ก็หลุดปากไปแล้วเลยตามเลยแล้วกันนะเหมยเอ้ย ฉันได้แต่คิดในใจเพราะความรู้สึกนี้ฉันเก็บไว้ในใจมาตลอดแต่ไม่เคยได้พูดออกไป
" พอแล้วเหมยไม่งั้นพี่คง ไม่ทำแค่กอด " ผมร้องบอกน้องด้วยความดีใจสุดๆ อย่างน้อยๆ การเจ็บตัวของเหมยในครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ผมตื่นเต้นและดีใจอย่างมากเพราะผมรอฟังคำนี้มานานถึง 5 ปีเลยนะ
" พี่ตงหยาง " ฉันเรียกเขาด้วยความตื่นตกใจในคำพูดของเขาเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้และไม่เคยล่วงเกินฉันเลย
" มาๆ พี่ช่วยเหมยไปนั่งพักก่อนนะ "
" แต่ "
" ไม่มีแต่ค่ะ "
แล้วเธอก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเธอไม่มีแรงที่จะต่อต้านขัดขืนเขาอีกแล้ว ร่างกายอ่อนล้าแทบหมดแรงเต็มที
เมื่อตงหยางทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหันมาอีกทีสาวน้อยของเขาก็นั่งคอพับหลับไปกับโซฟาตัวยาวตัวเก่าๆเสียแล้ว
เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ แล้วย่อตัวลงเพื่อก้มมองแก้มที่ยังคงแดงบวมและเป็นรอยนิ้วมืออยู่ ทำให้เขาสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เขาเกิดมาพ่อแม่ไม่เคยตีเขาเลยสักครั้ง เลี้ยงเขามาด้วยความรักและความเข้าใจ
แต่กับสาวน้อยตรงหน้าเธอไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อเลย เขานั้นรู้ดีและเห็นทุกวันตลอดระยะ ห้าปีที่ผ่านมา
ตงหยางเดินวนหายารอบบ้านก็ไม่เห็นวี่แววของยาเลย เขาจึงเอาผ้าชุบน้ำแข็งแล้วมาเอาประคบแก้มของเธอเบาๆ เขาจับหัวเธอให้เอนลงที่ตักของเขาโดยที่เจ้าตัวยังคงหลับสนิทแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
" อื้อม๊าจ๋า เหมยเจ็บเตี่ยทำเหมยอีกแล้ว " เสียงเล็กๆที่เหมือนกับคนละเมอเมื่อผ้าชุบน้ำแข็งแตะไปที่แก้มของเธอด้วยความเย็นเธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วพูดออกมาเบาๆ
แต่ประโยคนี้มันทำให้คนได้ยินรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เธอต้องเข้มแข็งขนาดไหนเขารู้ดีที่สุด ทั้งที่ภายในใจหลากสลายไม่มีชิ้นดีก็ตาม
" พี่สัญญานะคะ ต่อไปพี่จะปกป้องเหมยเองพี่จะไม่ปล่อยให้เหมยต้องเดียวดายอีกแล้ว "
ตงหยางดึงมือน้อยๆ ที่มีร่องรอยของการทำงานหนักขึ้นมาจูบโดยไม่รังเกียจ มือที่ทำทุกอย่างเพื่อนคนทั้งบ้าน แต่ไม่มีใครเคยเห็นใจเธอเลยสักคน เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วยาม
" อืมม..อะ..ซีด "
สาวน้อยเริ่มรู้สึกตัวจึงส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บแล้วลูบตรงแก้มเบาๆ ทั้งที่ตายังไม่ลืม
" ตื่นแล้วหรอคะคนสวยของพี่ " เขาพูดไปยิ้มไปด้วยความสุขใจที่ได้อยู่กับเธอแบบนี้
" พี่ตงหยางทำไมเหมยมาอยู่บนตักพี่แบบนี้ล่ะคะ เหมยต้องไปทำงานป่านนี้เถ้าแก่รอเหมยแย่แล้ว "
เสียงเล็กๆ ที่บ่นพึมพำเพราะห่วงงานยิ่งกว่าอะไรดี เอ่ยปากทันทีที่รู้สึกตัวตื่น ก็ว่าอยู่ทำไมหลับสบายจัง
" นอนไปเถอะค่ะ นอนนิ่งๆ เลย "
" แต่ว่าเหมยต้องไปทำงาน "
" ไม่ต้องแล้วค่ะพี่จัดการเรียบร้อยแล้ว "
" แต่ว่าเหมย "
" ตัวเองเจ็บขนาดนี้ยังไปทำไม่ได้แน่ค่ะ พี่ลางานกับเถ้าแก่ไว้แล้ว อย่าดื้อ " เสียงที่บ่นแบบไม่จริงจังนักเพราะความเป็นห่วง เอ่ยบอกหญิงสาวจนเธอนั้นต้องทำตาม อย่างว่าง่าย แล้วทั้งสองก็หลับไปพร้อมกัน หลายชั่วยามจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบพลบค่ำก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
" ตายแล้วนี่อะไรกันเนี่ย บ้านฉันไม่ใช่โรงโรมให้แกสองคนมาพลอดรักกันนะ ถ้าชาวบ้านแถวนี้รู้ว่าชายหญิงนอนกอดกันทั้งที่ยังไม่ได้ตบได้แต่ง จะทำยังไงกัน ฉันกับเตี่ยแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันห๊ะ "
เสียงเล็กแหลมที่ดังเอะอะปานไฟไหม้บ้าน ทำให้สองคนที่ตกอยู่ในคำครหานั้นรู้สึกตัวตื่นทันที วันนี้ไม่ต้องแอบเสียงเลยเพราะเธอกลับมาก่อนสามี
" อ่ะ เอ่อ ม๊าา เอ้ยน้าอันฉี มันไม่ใช่แบบที่น้าคิดนะคะ " คนที่กำลังงัวเงียเพราะพึ่งตื่นนอนเปลี่ยนคำเรียกเกือบไม่ทัน
" แล้วมันเป็นยังไง ฉันเห็นอยู่กับตาแกอย่ามาแก้ต้วหน่อยเลยดีนะแค่นอนกอดกัน งานการก็ไม่ไปทำรอเตี่ยแกกลับมาก่อนเถอะ เจอดีแน่ " พูดจบเธอก็เดินขึ้นบ้านไปเพราะรับไม่ได้กับภาพที่เห็น ทำไมต้องเป็นนังเหมยด้วยนะที่มันได้ตงหยางไปก็ได้คิดริษยาแทนลูกสาวของตนอยู่ภายในใจนั่นแหละ
" ไม่เป็นไรเหมยไม่ต้องกังวล พี่เปฺ็ลูกผู้ชายพอ พี่จะไม่ทำให้เหมยเสียชื่อเด็ดขาด " เขารับคำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วกำลังจะกอดสาวน้อยแต่ก็
" อ้าวเห้ยแกสองคนกำลังจะทำอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ"
คำพูดที่เปล่งออกมาเสียงดัง และน้ำเสียงนั้นก็แสนจะเกรี้ยวกราดเพราะเสียไพ่มาจนหมดตัวเอ่ยบอกคนทั้งสอง
แล้วเดินเข้าไปกระชากพวกเขาแยกออกจากกัน ส่วนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัว ก็เซไปคนละทางแต่เหมยโชคร้ายหน่อยที่หัวเซไปกระแทกกับขอบหน้าต่างทันที
" โอ้ย "
" เหมย " ผู้ชายตัวโตรีบวิ่งตรงเข้าไปโอบประคองสาวน้อยของเขาทันที ภาพที่เห็นคือเหมยหัวแตกและมีเลือดออก
" มันจะมากไปแล้วนะครับคุณน้า " เสียงของชายหนุ่มที่เปล่งออกไปด้วยความโมโหแบบสุดเสียง
" แล้วเอ็งจะทำไม นังเหมยมันเป็นลูกสาวของข้า ชาวบ้านแถวนี้เขาก็รู้กันหมด ข้าจะตีลูกแล้วมันผิดตรงไหน " ชายวัยกลางคนพูดด้วยความไม่แยแสไม่ใยดีลูกสาวเลยสักนิด
" ผมรู้ครับว่าคุณน้าเป็นเตี่ยของเหมย แต่เท่าที่ผมเห็นตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาเหมยไม่เคยได้รับความรักจากคนที่พร่ำบอกว่าเป็นเตี่ยของเธอลยสักครั้ง มีแต่ทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด " ฟังคำพูดดูก็รู้ว่าตงหยางหมดความอดทนแล้วจริงๆ
" วะไอ้นี่ เอ็งก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มาติดพันนังเหมย เอ็งอย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าข้าไม่รักมัน ถ้าข้าไม่รักมัน ข้าจะเลี้ยงมันมาโตขนาดนี้หรอ " เถียงไปแบบส่งๆ เพราะที่ชายหนุ่มพูดมามันแทงใจดำน่ะสิ
" แน่ใจนะครับว่าเลี้ยงเหมย ไม่ใช่ว่าให้เหมยเลี้ยงหรอกหรอ " เป็นความในใจที่เขายากจะพูดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเตี่ยของคนรัก
" มึงนี่มันวอน อย่าคิดนะว่าเป็นลูกคนรวยแล้วกูจะกลัวมึง " พูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจของชายวัยกลางคนก็หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยเลย
" ผมรู้ตัวครับว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลักฐานก็เห็นคาตาอยู่นี่ไม่ได้เรียกว่าการตีลูก แต่เป็นการทำร้ายร่างกายกันชัดๆ เห็นมั๊ยครับคุณน้ามองหน้าเหมยสิ "
เมื่อชายหนุ่มพูดจบเขาก็หันไปมองหน้าคนที่ตนเองเรียกว่าลูกสาว อย่างชั่งใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันเกินไปเหมือนที่ตงหยางพูดจริงหรือเปล่าสำหรับลูกสาวคนหนึ่ง แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
" มันไม่เกินไปหรอกสำหรับลูกสาวชั่วๆ ที่ทำตัวต่ำๆในบ้านแบบนี้ "
ยังไม่ทันที่คนเป็นพ่อจะได้พูดอะไร ก็มีเสียงแหลมๆ ลอยลงมาจากชั้นบน
" นั่นสิแค่นี้มันยังน้อยไป มึงอย่ามายุ่งกับลูกกูอีกนะ กูขอสั่งห้ามตั้งแต่นี้ต่อไปมึงอย่ามาเจอกับลูกสาวกูอีก " เป็นคำขู่ของคนที่เห็นดีเห็นงามกับเมียไปหมดทุกอย่าง
" ไม่มีทางครับ ผมจะพาเหมยออกจากบ้านนี้วันนี้ ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้เลยครับ " ผมอดทนมานานแล้วครับได้เวลาที่ผมจะปกป้องคนที่ผมรักแล้ว
" หยุดเดี๋ยวนี้ลูกกูไม่ใช่สิ่งของที่มึงจะเอาไปได้ง่ายๆนะ " คนที่ชื่อว่าเตี่ยคัดค้านสุดกำลังแต่เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาชะงักไป
" ปล่อยมันสองคนไปเถอะค่ะ พี่หนิงเฉิง เรารอรับค่าสินสอดก็พอคิดดูดีๆ สิคะยิ่งพากันไปแบบนี้เรายิ่งเรียกได้มากโข "
เมื่อเขาคิดตามที่ภรรยาสุดที่รักพูดมันก็จริง ไหนๆก็ไหนๆ แล้วการไปของลูกในครั้งนี้เขาอาจจะรวยไปเลยก็ได้ ทีนี้จะใช้ยังไงก็ไม่หมด
" ก็ได้ ข้าจะปล่อยเอ็งสองคนไป " คล้อยตามเมียไป
" ผมจะพาห่าวหรานไปด้วยครับ " ตงหยางตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าวันไหนเขาพาเหมยออกจากบ้านนี้ไปเขาก็จะพาน้องชายเพียงคนเดียวของเหมยไปด้วยทันที
" จะพาใครไปก็ไปเถอะ แต่อย่าลืมค่าสินสอดก็พอ "
เป็นเสียงของแม่เลี้ยงที่ตอนนี้นั่งคิดคำนวนตัวเลขอย่างสบายอกสบายใจอยู่
ส่วนน้องชายของเหมยที่พึ่งกลับมาจากการซ้อมกีฬาของรร.ก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อมองไปทางตงหยางแล้วเห็นศรีษะของพี่สาวนั้น มีเลือดออก
" พี่เหมยใครทำอะไรพี่ครับ "
" ห่าวหรานไปเก็บของนะเราจะไปจากที่นี่กัน " เป็นเสียงของชายหนุ่มที่ยืนโอบกอดเหมยลี่เอาไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ห่าวหรานจะงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ทำตามที่ตงหยางบอกทุกอย่าง
" พี่จะพาพี่เหมยไปหาหมอก่อน แล้วพี่จะส่งคนมารับเราและข้าวของของเรากับพี่เหมยรีบเก็บละ
" ครับพี่ตงหยาง "
เมื่อบอกน้องชายของสาวน้อยจนเสร็จสรรพตงหยางก็พาเหมยไปโรงพยาบาลทันที
**บางครั้งชีวิตคนเราก็เลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ จริงไหมคะ**