ตอนที่ 2 ตัวแทน

3201 Words
 หลินช่ายได้มอบอัฐและของฝากให้กับบิดา แต่ทรัพย์สินเหล่านั้นก็ไม่อาจนำไปใช้ชดใช้กลุ่มกองโจรได้ ทำให้หลินช่ายแอบนึกเสียดาย และในระหว่างที่แม่เลี้ยงกำลังดูแลหลินเอ๋อในห้องนอนของนางอยู่นั้น หลินช่ายจึงสอบถามความเป็นมากับบิดาบังเกิดเกล้า “ท่านพ่อเจ้าคะ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดท่านถึงติดหนี้พวกเขาได้” หลินช่ายสอบถาม “พ่อเป็นพ่อค้าขายเกลือ และได้ทำการขนส่งเกลือให้ลูกค้าที่ชายแดน แต่ระหว่างทาง พ่อถูกโจรปล้นสินค้าเกลือจนหมด” พ่อเล่า “พวกเขาปล้นใช่มั้ยเจ้าคะ” หลินช่ายตกใจเพราะคิดว่าตนกำลังจะได้เป็นภรรยาของมหาโจร “ไม่ใช่หรอกลูก พ่อไปเจอพวกเขาที่บ่อนพนัน” พ่อรีบแย้ง “ท่านพ่อเข้าบ่อนทำไมเจ้าคะ” หลินช่ายสงสัย “พ่อตั้งใจว่าจะนำอัฐที่ได้จากการพนันไปซื้อเกลือและขนส่งเกลือให้ลูกค้าใหม่อีกครั้ง แต่พ่อก็เล่นเสียจนหมดตัว ตอนนั้นพ่อหน้ามืดตามัวไปกู้อัฐกับเจ้าของบ่อน พอเล่นเสียมากๆ เข้า พวกลูกน้องในบ่อนก็เข้ามารุมทำร้ายพ่อ โชคดีที่พ่อเจอกับพรรคพวกของจ้าวหาน เขาช่วยเหลือพ่อ และยอมไกล่เกลี่ยโดยการใช้หนี้ให้พ่อ แต่มีข้อแม้” พ่อเล่าต่อ “ข้อแม้นั้นคืออะไรเจ้าคะ” หลินช่ายถาม “พ่อต้องยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาเป็นการใช้หนี้” พ่อกล่าว “แล้วเขารู้ได้ยังไงเจ้าคะว่าท่านพ่อมีลูกสาว” หลินช่ายสงสัย “ดูจากทรัพย์สินที่พ่อเอาไปให้เจ้าของบ่อนน่ะสิ มันมีเสื้อผ้าสำหรับหญิงสาวด้วย ระหว่างเดินทางพ่อได้ซื้อชุดให้กับหลินเอ๋อ จ้าวหานยอมไถ่ทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้ ทำให้พอเดาออกว่าพ่อซื้อเสื้อผ้าให้บุตรสาว” พ่ออธิบาย “เขาไม่เคยเห็นหน้าตาของหลินเอ๋อเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงอยากแต่งงานกับหลินเอ๋อล่ะเจ้าคะ” หลินช่ายสงสัย “คือว่า พ่อพกภาพวาดของฮูหยินและหลินเอ๋อไว้ติดตัว แต่พ่อก็ต้องนำไปให้เจ้าของบ่อนจนหมด โชคดีที่จ้าวหานยอมไถ่คืนมาให้” “น่าแปลก ที่เขาถูกใจหลินเอ๋อ เหตุใดถึงยอมให้ข้าแต่งงานแทนน้องสาวล่ะเจ้าคะ” หลินช่ายสงสัย “พวกเขาเข้าไปเยี่ยมหลินเอ๋อถึงในห้อง และนางป่วยหนักมากถึงขั้นไอเป็นเลือด พวกเขาสงสาร จึงยอมให้เปลี่ยนตัวว่าที่เจ้าสาวได้” พ่ออธิบาย “งั้นลูกจะไปทำอาหารเพื่อสุขภาพ เผื่ออาการของหลินเอ๋อจะดีขึ้น” หลินช่ายนึกห่วงอาการของน้องสาว หลินช่ายยอมรับในชะตากรรม นางเข้าครัวเพื่อไปต้มข้าวต้มให้กับน้องสาวที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่นาน แม่เลี้ยงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงหลินเอ๋อไม่ห่าง ในขณะที่หลินช่ายได้เคาะประตู พร้อมกับเปิดเข้าไป แล้วยกสำรับอาหารให้น้องสาว “ข้าวต้มร้อนๆ เจ้าค่ะ” หลินช่ายนำมาวางที่โต๊ะ “ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ แต่ข้า เอ่อ คงทานอะไรไม่ลง” หลินเอ๋อพูดอย่างเหนื่อยๆ “ทานสักสองสามคำเถิดลูก มันเสียน้ำใจ” แม่ของหลินเอ๋อกล่าวเตือน “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ อย่าฝืนใจหลินเอ๋อเลย” หลินช่ายกล่าว “ก็ได้เจ้าค่ะ” หลินเอ๋อจึงยอมให้ท่านแม่ป้อนให้ทาน อาหารคำที่หนึ่ง หลินเอ๋อทานอย่างเชื่องช้า อาหารคำที่สอง ก็เคี้ยวอย่างอ้อยอิ่ง จนกระทั่งหลินช่ายขอตัวออกนอกห้องเท่านั้นแหละ หลินเอ๋อรีบรับถ้วยจากมือแม่มาทานเองอย่างหิวโหย “ค่อยๆ กินสิลูก เดี๋ยวหลินช่ายก็จับได้หรอก” แม่กล่าวเตือน “นางไปแล้วนี่เจ้าคะ ข้าหิวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านางจะทำข้าวต้มได้อร่อยมากขนาดนี้” หลินเอ๋อตักกินอย่างรัวๆ “แม่ได้ข่าวว่า นางเป็นถึงแม่ครัวชื่อดังในหานโจว” แม่เล่า “นางเหมาะแล้วที่จะได้เป็นแม่ศรีเรือนของชายหน้ามหาโจรนั่น” หลินเอ๋อกล่าว “อย่าว่าพวกเขาอย่างนั้นสิลูก ยังไงพวกเขาก็มีพระคุณกับพ่อของลูกมากนะ” แม่กล่าวเตือนอีก สักพักก็มีเสียงเคาะประตู สองแม่ลูกจึงต้องรีบจัดท่าทางให้สมจริงเพราะกลัวว่าคนที่เข้ามาในห้องจะเป็นหลินช่าย “ข้าเองเจ้าค่ะ ฮูหยิน” สาวใช้รายงาน “หว่านชิงนี่เอง มีอะไร” ฮูหยินรีบถาม “คนที่รับจ้างปลอมตัวเป็นหมอมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” หว่านชิงรายงาน “ไปเชิญเขามา ข้าจะต้องรีบเตี๊ยมกับเขา เพื่อให้แสดงสมจริง” ฮูหยินกล่าว “รับทราบเจ้าค่ะ ฮูหยิน” หว่านชิงคารวะ แล้วรีบไปเชิญชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเหมือนหมอเข้ามาในห้องของหลินเอ๋อ ท่านหมอกำมะลอจึงเข้ามาในห้อง พอเถ้าแก่หรือพ่อของหลินเอ๋อเข้ามาดูอาการ ท่านหมอก็รีบแสร้งทำเป็นตรวจอาการของหลินเอ๋อ “ลูกข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ มีโอกาสหายมั้ย” เถ้าแก่รีบถาม “มีขอรับท่าน แต่คงต้องใช้เวลาสักสองสามปี” ท่านหมอรายงาน “นานขนาดนั้นเลยหรือ” เถ้าแก่นึกไม่ถึงว่าบุตรสาวจะมีอาการหนักมาก “ขอข้าลองรักษานางก่อน บางทีนางอาจหายในเร็ววันก็เป็นได้” ท่านหมอกล่าวใหม่ เถ้าแก่รู้สึกสงสารบุตรสาวที่อายุยังน้อย แต่กลับต้องมาเป็นโรคร้าย ตลอดสามวัน หลินช่ายได้ปรนนิบัติดูแลพ่อ แม่เลี้ยงและหลินเอ๋ออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการทำอาหาร แม่เลี้ยงแสร้งทำดีต่อลูกเลี้ยงเพียงเพื่อให้นางแต่งงานแทนหลินเอ๋อ นางคาดหวังจะให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนมีฐานะและมีชาติตระกูล หาใช่ชายป่าเถื่อนอย่างจ้าวหานไม่ ******************************************** และแล้วก็มาถึงวันที่จ้าวหานมารับตัวว่าที่เจ้าสาว ซึ่งวันนี้เขาจะมาช่วงบ่าย ทำให้ช่วงเช้าหลินช่ายต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของให้พร้อมออกเดินทาง ช่วงเช้าสองสามีภรรยานั่งคุยกันภายในห้องโถง “เอ่อ ท่านพี่เจ้าคะ เหตุใดจ้าวหานถึงไม่จัดพิธีแต่งงานที่นี่ล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินสงสัย “ตามที่ตกลงกัน เขาจะจัดงานแต่งที่บ้านเกิดของเขาน่ะฮูหยิน พวกเราคงต้องเตรียมอวยพรให้กับหลินช่ายและจ้าวหานก่อนออกเดินทาง” เถ้าแก่กล่าว “เรียนเถ้าแก่ แม่นางท่านนึงมาขอพบคุณหนูหลินช่ายขอรับ” เด็กรับใช้รายงาน “ให้เขาเข้ามาสิ และเจ้าก็ให้สาวใช้ไปเชิญตัวหลินช่ายมาที่นี่” เถ้าแก่สั่ง “ขอรับ เถ้าแก่” เด็กรับใช้รับคำ หลินช่ายยกสำรับน้ำชามาให้ท่านพ่อกับท่านแม่พอดี “นั่นไงเจ้าคะท่านพี่ หลินช่ายมานั่นแล้ว” ฮูหยินกล่าว “เอ้อ เห็นว่ามีแม่นางมาขอพบลูก” เถ้าแก่กล่าวกับบุตรสาวคนโต “ใครเจ้าคะ” หลินช่ายสงสัย “ข้าเอง หลินช่าย” หมอสาวเดินเข้ามาพอดี “จางผิง เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ หรือว่าเกิดเรื่องที่ร้าน” หลินช่ายตกใจที่เห็นเพื่อนสาว “ใช่แล้วล่ะหลินช่าย เจ้าของร้านอาหารตรงข้ามร้านเจ้าได้ซื้อตัวลูกน้องเจ้าไปทำงานด้วยทั้งหมด ทั้งนี้เพราะเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าเจ้าไม่อยู่ที่ร้าน ก็เลยเปลี่ยนไปทานร้านอื่นหมดน่ะสิ ทำให้ร้านเจ้าขาดรายได้ เพื่อเอาตัวรอดลูกน้องเจ้าจำต้องยอมรับข้อเสนอของคู่แข่งเจ้า ส่วนข้าเองก็จะพเนจรต่อ และบังเอิญผ่านมาทางนี้ เลยถือโอกาสมาแจ้งข่าวให้เจ้ารับทราบด้วย” จางผิงเล่า “แม่นางท่านนี้คือ” เถ้าแก่สงสัย “อ้อใช่ นางคือจางผิง เป็นเพื่อนของข้าเองเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่” หลินช่ายแนะนำ “ข้าขอคารวะท่านทั้งสอง” จางผิงทำท่าคารวะอย่างนอบน้อม “ตามสบายอย่าได้เกรงใจ” เถ้าแก่กล่าว “งั้นลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านแม่” หลินช่ายจึงพาจางผิงเดินออกไปนอกห้องโถง ******************************************** สองสาวจึงออกไปคุยกันต่อที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ทำไมถึงยังไม่กลับหานโจวล่ะ” จางผิงถาม “ข้า เอ่อ ข้าจะต้องเดินทางไปแต่งงานน่ะสิ” หลินช่ายกล่าวเสียงเศร้า “ห๊า ว่าไงนะ แต่งงาน นี่เจ้ามีคนรักแล้วงั้นหรือ” จางผิงนึกไม่ถึง “เปล่า ข้าแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ให้พ่อน่ะ ความจริงก็คือข้าต้องแต่งงานแทนน้องสาวที่ป่วยหนักมาก” หลินช่ายเล่าอย่างไม่ปกปิด “นางเป็นอะไรหรอ” จางผิงถามเผื่อตนช่วยรักษาได้ “หมอบอกเพียงแต่ว่า นางเป็นโรคร้ายแรง สักสองสามปีถึงจะหายอะไรนี่แหละ” หลินช่ายกล่าวโดยไม่รู้รายละเอียด “อืม แล้วนั่นเจ้าจะไปไหนต่อ” จางผิงถามเมื่อหลินช่ายกำลังจะเข้าไปในบ้าน “ข้าลืมไป ข้าได้ทำอาหารอ่อนๆ ให้น้องข้าทาน และข้าจะต้องรีบไปดูแลนาง” หลินช่ายกล่าว “งั้นข้าไปช่วย” จางผิงเดินตามเพื่อนไป สองสาวจึงช่วยกันยกสำรับอาหารเข้าไปในห้องของหลินเอ๋อ “หลินเอ๋อ ฝืนลุกขึ้นมาทานอาหารหน่อยนะ เดี๋ยวข้าป้อน” หลินช่ายประคองน้องสาวให้ลุกขึ้นมานั่งเพื่อเตรียมทานอาหาร “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่” หลินเอ๋อกล่าว พอหลินเอ๋อพยายามฝืนทานจนหมด จางผิงก็ยกถ้วยน้ำยื่นให้กับนาง แต่ด้วยอุบัติเหตุ หลินเอ๋อรับถ้วยมาถืออย่างคนไม่มีแรง ทำให้ถ้วยน้ำหลุดมือ และเปียกเต็มตัวนาง “ว้าย เปียกหมดเลย” หลินเอ๋อตกใจที่น้ำหกใส่ตัวเอง “มา ข้าช่วยเช็ดให้” จางผิงจึงนำผ้ามาเช็ดตามไม้ตามมือของหลินเอ๋อ จนแห้งสนิท แม่เลี้ยงเข้ามาในห้องนอนหลินเอ๋อพอดี จึงกล่าวว่า “เดี๋ยวแม่ดูแลหลินเอ๋อต่อให้ เจ้าไปเตรียมตัวเถิดหลินช่าย ตอนนี้พรรคพวกของจ้าวหานมารออยู่ที่ห้องโถงแล้ว” “งั้น ข้าขอตัวไปยกสัมภาระก่อนนะเจ้าคะ” หลินช่ายกล่าว “ให้ข้าช่วยมั้ย” จางผิงกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าวของของข้าไม่ได้เยอะขนาดนั้น เจ้าไปรอข้าที่ห้องโถงเถิด” หลินช่ายกล่าวกับเพื่อนสาว พอสองสาวเดินออกจากห้องของหลินเอ๋อเรียบร้อย หลินเอ๋อก็ผ่อนคลาย และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ “ระวังตัวหน่อยสิหลินเอ๋อ ตอนนี้พี่สาวเจ้ายังอยู่บ้านหลังนี้นะ” แม่กล่าวเตือน “โธ่ ท่านแม่ ข้าเมื่อยจะแย่อยู่แล้ว เมื่อไหร่ นางจะไปเสียที พวกโจรนั่นอีก ทำไมมารับพี่ข้าช้าเสียจริง” หลินเอ๋อบ่นเพราะทำให้ตนต้องลำบาก “บ่นเบาๆ หน่อยจะได้มั้ยลูก เดี๋ยวใครมาได้ยินหรอก” แม่กล่าวเตือนอีก “ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่” หลินเอ๋อยอมพูดเบากว่าเดิม “แต่เจ้าแสร้งพยายามฝืนไปส่งพี่เจ้าด้วยนะ นางจะได้สงสารเจ้าไง” แม่นัดแนะแผนการ “ก็ได้เจ้าค่ะ เพื่อให้นางยอมแต่งงานแทนข้า ข้ายอมทั้งนั้น” หลินเอ๋อกล่าว จางผิงที่แอบฟังได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด นางสงสัยตั้งแต่ที่เห็นสีหน้าของหลินเอ๋อแล้ว ดูลักษณะของหลินเอ๋อนั้นเป็นคนแข็งแรงมาก ไม่น่าจะป่วยเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ จางผิงจึงแสร้งส่งถ้วยน้ำอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้หลินเอ๋อรับไม่ถนัด และจางผิงก็ถือโอกาสจับชีพจรของหลินเอ๋อในระหว่างที่เช็ดไม้เช็ดมือให้กับคนแกล้งป่วย เมื่อรู้ว่าหลินเอ๋อแสร้งป่วย จึงถือโอกาสแอบฟังสองแม่ลูก ทำให้ล่วงรู้แผนการ ******************************************** ณ ห้องโถง หลินช่ายและจ้าวหานทำการคารวะผู้ใหญ่ทั้งสอง และครานั้นท่านทั้งสองก็กล่าวคำอวยพร “แม่ขอให้พ่อเขาเป็นตัวแทนอวยพรลูกทั้งสองนะ” “พ่อต้องขอโทษที่ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีแต่งงานของพวกลูกได้ งั้นพ่อก็ขออวยพรให้ลูกทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่จนเฒ่า มีอะไรก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน อย่าได้ทิ้งกันไปไหน และขอให้ชีวิตพบกับความเจริญรุ่งเรืองนะลูกนะ” เถ้าแก่กล่าวพร้อมกับจับมือทั้งจ้าวหานและหลินช่าย “หลินเอ๋อ นั่นเจ้าออกมาทำไม เจ้ายังป่วยอยู่นะลูก” แม่แสร้งตกใจ “นั่นสิหลินเอ๋อ เจ้าควรรีบเข้าไปพักผ่อนนะลูก” เถ้าแก่ตกใจมากที่เห็นบุตรสาวเดินมาหาอย่างอ่อนแรง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าอยากมาส่งพี่สาวเจ้าค่ะ” หลินเอ๋อที่กำลังให้สาวใช้ช่วยประคองและพาเดินเข้ามา กล่าวอย่างอ่อนล้า “โธ่ หลินเอ๋อ ให้พี่เข้าไปลาเจ้าก็ได้” หลินช่ายลุกขึ้นไปช่วยประคองน้องและรู้สึกซึ้งใจที่เห็นน้องยอมฝืนตัวเองมาส่ง “ฝากท่านดูแลพี่ของข้าด้วยนะเจ้าคะ” หลินเอ๋อมองไปทางอนาคตพี่เขย “อย่าห่วงไปเลย แม่นางหลินเอ๋อ ข้าจะดูแลว่าที่ฮูหยินของข้าเป็นอย่างดี” จ้าวหานรับคำด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สาวใช้กำลังจะประคองตัวหลินเอ๋อกลับ แต่ทว่า “ว๊าย แมลงสาบ มาจากไหนเนี่ย เอามันออกไป ข้ากลัว” หลินเอ๋อหลุด นางวิ่งหนีแมลงสาบสามตัวที่กำลังจะวิ่งเข้าไปเกาะขานาง และแล้วนางก็วิ่งไปหาแม่ด้วยความลืมตัว ทุกคนพากันอึ้งกับกิริยาของหลินเอ๋อ ที่ดูจะแข็งแรง หาใช่หญิงอ่อนแอเช่นเคยไม่ “นี่เจ้าหายแล้วงั้นหรือ หลินเอ๋อ” เถ้าแก่ทัก “เปล่าหรอกเจ้าค่ะ นางไม่ได้ป่วยเลยต่างหาก” จางผิงเผย “เอาอะไรมาพูด ลูกข้าป่วยชัดๆ ท่านหมอก็มารักษาให้เกือบทุกวี่ทุกวัน” ฮูหยินรีบแย้งช่วยลูกสาว “ข้าเป็นหมอ ข้ารู้ นางมีร่างกายแข็งแรงมาก แถมยาที่อยู่ภายในห้องก็เป็นเพียงซุปบำรุงเท่านั้น ตบตาข้าไม่ได้หรอก” จางผิงกล่าว “หลินช่าย นี่เจ้าไม่อยากแต่งงานมากถึงขนาดเอาเพื่อนตัวเองมาปรักปรำน้องงั้นหรือ” ฮูหยินรีบกล่าวโทษหลินช่าย “เปล่านะเจ้าคะ ท่านแม่ แต่จากเหตุการณ์สักครู่ หลินเอ๋อสามารถวิ่งคล่องแคล่วว่องไว เห็นทีข้าไม่จำเป็นต้องแต่งงานแทนนางแล้ว” หลินช่ายกล่าวตามตรง “ไม่ได้นะ ข้าไม่อยากแต่งงานกับชายป่าเถื่อนเหล่านี้ อื้อ…” หลินเอ๋อพูดต่อไปไม่ได้เพราะฮูหยินรีบปิดปากบุตรสาว “หมายความว่าอย่างไรกัน นี่เจ้าแกล้งป่วยงั้นหรือหลินเอ๋อ” เถ้าแก่กล่าวเสียงดุ หลินเอ๋อผลักมือแม่ออก พร้อมกับร้องไห้อย่างกับเด็กๆ “ฮือ ฮือ ก็ข้าไม่อยากแต่งงานนี่ท่านพ่อ ข้ากลัวพวกเขา ข้าทำใจไม่ได้จริงๆ” “ในเมื่อบุตรสาวคนเล็กของท่านก็หายดีแล้ว งั้นข้าก็สามารถพาตัวนางไปได้แล้วสินะ” จ้าวหานยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่นะ อย่าแตะต้องตัวข้า สกปรก” หลินเอ๋อแสดงทีท่ารังเกียจ “อภัยให้ลูกสาวของข้าด้วย นางยังเด็กนัก นางพูดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วข้าจะกล่อมนางเอง” เถ้าแก่กล่าวขอโทษกับเหล่าชายฉกรรจ์ “ไม่ ฮือ ฮือ ท่านพ่ออย่าบังคับข้าเลย ข้า ข้ามีคนรักอยู่แล้ว เขาเป็นถึงบุตรชายท่านผู้ว่าเมืองเป่ยฮั่น ให้พี่หลินช่ายรับหน้าที่นี้เถิด” หลินเอ๋อทั้งร้องไห้และพูดอย่างคนเอาแต่ใจตัวเอง “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ใจเช่นนี้ อีกอย่างเจ้าหนี้ของพ่อถูกใจเจ้าต่างหาก” หลินช่ายแย้ง “ท่านพี่ บุตรสาวของเรากำลังจะได้เป็นสะใภ้ของท่านผู้ว่าเชียวนะ ท่านอย่าหักหาญน้ำใจลูกเลย อีกหน่อยพวกเราจะได้มีญาติเป็นถึงขุนน้ำขุนนาง” ฮูหยินพูดกล่อม “ท่านพ่อ ข้าขอร้องอย่าส่งข้าไปแต่งงานกับชายอื่นเลยนะเจ้าคะ” หลินเอ๋อเข้าไปจับแขนพ่อและกล่าวขอร้องอย่างกับเด็กๆ “เอาล่ะเจ้าค่ะ ในเมื่อข้ารับปากท่านพ่อแล้ว ข้าขอรับหน้าที่นี้เอง” หลินช่ายถอนหายใจ นางทนดูไม่ได้อีกต่อไป เลยพูดเพื่อยุติทุกอย่าง “ได้ยังไงน่ะ หลินช่าย เจ้าเองก็เห็น ว่าน้องเจ้าจงใจให้เจ้าแต่งงานแทน ถึงขั้นหลอกลวงทุกคน เพียงเพื่อไม่ให้ตนตกระกำลำบาก และได้ใช้ชีวิตสุขสบายกับครอบครัวขุนนางอย่างผู้ว่า” จางผิงไม่เห็นด้วย “ไม่เป็นไรหรอก จางผิง ข้าขอบคุณเจ้ามาก ที่ช่วยเหลือข้า แต่ข้าเป็นคนรักษาคำพูด และอีกอย่าง ข้าจะได้ทดแทนบุญคุณของพ่อ ข้าเองก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ปรนนิบัติดูแลท่านเลย” หลินช่ายจับมือเพื่อนรักอย่างซึ้งใจ แต่นางจำต้องรักษาคำพูด “ขอบใจนะ หลินช่าย ที่เจ้าช่วยครอบครัวของข้า และขอโทษที่พ่อไม่เคยให้อะไรเจ้าเลยเหมือนกัน” พ่อดึงลูกสาวคนโตเข้าไปกอดอย่างรู้สึกผิด “ท่านพ่อให้ชีวิตแก่ข้า นั่นก็ถือว่าท่านมีพระคุณอันใหญ่หลวงแล้วเจ้าค่ะ” หลินช่ายกล่าว “เอาล่ะ ในเมื่อท่านตกลงกันด้วยดีแล้ว ข้าขอพาหลินช่ายออกเดินทางเลยก็แล้วกัน หนทางยังอีกยาวไกล” จ้าวหานตัดบทเพราะมันเสียเวลามามากแล้ว “ในเมื่อหลินช่ายตัดสินใจเช่นนั้น งั้นข้าขอติดตามหลินช่ายไปด้วย” จางผิงตัดสินใจตามเพื่อนไป “แต่เจ้าต้อง…” หลินช่ายไม่อยากให้เพื่อนลำบาก “อย่ากังวลเลยหลินช่าย ข้าเองก็ยังไม่มีจุดหมายปลายทางใดๆ ทั้งสิ้น อย่างน้อยเจ้าจะได้มีเพื่อนผู้หญิงเดินทางไปด้วยกันไง จริงมั้ย” จางผิงยิ้มให้ “ขอบคุณมาก จางผิง ข้าดีใจที่มีเจ้าเป็นเพื่อน” หลินช่ายรู้สึกดีใจที่ตนมีเพื่อนแท้ “ข้าก็เช่นกัน” จางผิงกอดปลอบเพื่อน เพราะรู้ดีว่านางถูกบังคับให้แต่งงาน และแล้วสองสาวเพื่อนรักก็ต้องออกเดินทางไปพร้อมกับพรรคพวกของจ้าวหานโดยการขี่ม้า สองสาวคิดสงสัยเมื่อพวกตนติดตามชายฉกรรจ์ทั้งห้าไปถึงวัดแห่งหนึ่งแล้ว ก็พบว่า จ้าวหานมีกำลังพลจำนวนมากนับห้าสิบคน แต่ละคนมีอาวุธพร้อมสรรพ ทำให้เหล่าสาวๆ ต่างยำเกรง และยอมร่วมทางแต่โดยดีโดยไม่กล้าเรียกร้องอะไรมาก ระหว่างที่สองสาวขี่ม้าตามหลังจ้าวหานอยู่นั้น จางผิงก็กระซิบคุยกับเพื่อน “จะว่าไปว่าที่สามีของเจ้าก็ดูสง่าผ่าเผยเหมือนกันนะ” “แต่เขากลับดูเคร่งขรึมจนน่ากลัว ดูท่าทางจะเย็นชา ไม่น่าคบหาเอาเสียเลย” หลินช่ายวิจารณ์ “น่า อยู่ด้วยกันไป เดี๋ยวก็ปรับตัวได้” จางผิงปลอบเพื่อน “นี่แม่นาง รีบขี่ม้าเถิด พวกเราเสียเวลามามากแล้ว” จ้าวหานดุหญิงทั้งสอง  “เจ้าค่ะ ท่านจ้าวหาน” สองสาวเลยรีบขี่ม้าติดตามหัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังขี่ม้านำหน้าลูกน้องเกือบห้าสิบคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD