ตอนที่ 3 บททดสอบ

2597 Words
สองสาวต้องนั่งกลางดินกินกลางทรายตลอดระยะเวลาสามวัน แต่ละวันได้ทานเพียงผลไม้ ปลาย่าง ไก่ย่าง หรือไม่ก็ขอหมั่นโถจากโรงทานที่อยู่ภายในวัด “ข้าอยากทานอาหารอร่อยๆ ของเจ้ามากเลย หลินช่าย” จางผิงรู้สึกเบื่ออาหาร “งั้นหากเดินทางไปพักแรมที่วัด ข้าจะเข้าครัวทำอาหารให้” หลินช่ายกล่าวเพราะตนก็อยากทานอาหารอร่อยๆ เหมือนกัน “เจ้ามีวัตถุดิบงั้นหรือ เดี๋ยวจ้าวหานก็นำพรรคพวกไปปล้นสะดมชาวบ้านหรอก” จางผิงกลัวชาวบ้านเดือดร้อน “ท่านพ่อมอบอัฐให้ข้าเพื่อใช้ในการเดินทาง ข้าจะนำอัฐส่วนนี้ไปซื้อส่วนประกอบอาหารก็แล้วกัน” หลินช่ายควักถุงอัฐให้เพื่อนดู “แล้วเจ้าไม่เก็บไว้ใช้เองงั้นหรอ” จางผิงสงสัย “ข้าคิดว่า หากลงหลักปักฐานได้เมื่อไหร่ ข้าคงขอจ้าวหานเปิดร้านอาหาร ยังไงข้าก็คงไม่อับจนหรอก” หลินช่ายกล่าวแผน “ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นก็แล้วกัน” จางผิงกังวล ******************************************** พอพรรคพวกของจ้าวหานเดินทางมาถึงที่วัด หลินช่ายจึงขอคุยกับจ้าวหานเป็นการส่วนตัว “เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ” จ้าวหานสงสัย “ข้าอยากทำอาหารเลี้ยงท่านและลูกน้อง พรุ่งนี้เช้า ข้าขอไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารที่ตลาดได้หรือไม่” หลินช่ายกล่าว “แล้วเจ้ามีอัฐอย่างนั้นหรือ” จ้าวหานถาม “ข้าพอมีอัฐติดตัวอยู่บ้าง” หลินช่ายกล่าวโดยไม่ปกปิด “อะนี่ถุงอัฐ เจ้านำไปซื้อซะสิ” จ้าวหานควักถุงอัฐให้ “แต่ว่า ข้ามี….” หลินช่ายกล่าวไม่จบเพราะจ้าวหานพูดแทรก “ต่อไปเจ้าจะต้องเป็นฮูหยินของข้าอยู่แล้ว อัฐข้าก็เหมือนอัฐเจ้านั่นแหละ” จ้าวหานกล่าวอย่างเย็นชา “งั้นข้าขอตัวก่อน” หลินช่ายอยากจะรู้สึกดีกับคำพูดนั้น แต่สีหน้าแววตาของจ้าวหานกลับเฉยชา ไม่ยินดียินร้ายใดๆ ทั้งสิ้น นางจึงรีบเดินจากไป “เอ้อ ช้าก่อน หลินช่าย ข้าจะให้ลูกน้องข้าสักห้าคนไปช่วยเจ้าถือข้าวของก็แล้วกัน” จ้าวหานระแวง “ท่านกลัวข้าหนีงั้นหรือ” หลินช่ายพอเดาออก “หากเจ้าคิดหนี เจ้าคงหนีนานแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้าเป็นคนกตัญญู คงจะไม่ทำอะไรให้พ่อเจ้าต้องเดือดร้อนหรอกนะ” จ้าวหานกล่าวแกมขู่ “ท่านกำลังขู่ข้าอยู่นะ” หลินช่ายไม่พอใจ “เอาเถอะ อย่าคิดมากเลยหลินช่าย หากเจ้าคิดทำอาหารเลี้ยงข้าและลูกน้องทุกคน ก็จำเป็นต้องซื้อของสดจำนวนมาก เจ้ากับแม่นางจางผิงถือไม่ไหวหรอก” จ้าวหานบอกเหตุผล “ขอบคุณท่านมาก งั้นข้าขอตัวก่อน” หลินช่ายเห็นด้วยจึงยอมให้มีผู้ติดตามเพื่อไปช่วยถือของ ******************************************** ตกกลางคืน สองสาวได้เข้าไปพำนักอยู่ในที่พักของแม่ชี ในขณะที่ฝ่ายชายออกไปนอนในกระโจมที่ตั้งอยู่บนลานวัด สองสาวนอนบนเตียงเดียวกัน และคุยกัน “ไหนๆ พวกเราก็จะได้เข้าตลาดแล้ว พวกเราถือโอกาสหนีกันเถอะ” จางผิงชวน “จ้าวหานส่งคนมาช่วยพวกเราถือของด้วย หนีไม่ได้หรอก” หลินช่ายกล่าวตามตรง “แสดงว่าเขาคงหวงเจ้ามาก” จางผิงนึกภูมิใจแทนเพื่อน “เปล่าหรอก เขาแค่ไม่อยากขาดทุนมากกว่า ข้ารู้สึกว่าเขามีลักษณะเหมือนพ่อค้า คอยคิดผลได้ผลเสียตลอดเวลา” หลินช่ายว่าไปตามความรู้สึก “งั้นค่อยหาโอกาสหน้าก็แล้วกัน” จางผิงยังไม่ยอมแพ้ สองสาวนอนผล็อยหลับไป เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ******************************************** เช้าวันรุ่งขึ้น หลินช่ายซื้อของสดจำนวนมาก และได้ไปขออนุญาตแม่ชีใช้ครัวของวัด โดยนางได้ทำอาหารเจเพื่อเลี้ยงทั้งคนในวัดและลูกน้องของว่าที่สามี หลินช่ายและจางผิงช่วยกันทำอาหารจนเสร็จ ก็ให้ลูกน้องจ้าวหานยกสำรับไปส่งให้กับทุกคน หลินช่ายฝากลูกน้องคนหนึ่งให้ไปบอกกับจ้าวหานว่าจะขอทานอาหารในครัว ให้พวกเขาทานไปก่อนได้เลย สองสาวจึงนั่งทานอาหารด้วยกันในครัวอย่างเอร็ดอร่อย พอทานจนหมดก็ช่วยกันเก็บกวาดในครัว หลินช่ายทำหน้าที่กวาดเศษผักต่างๆ ทิ้ง จนกระทั่งสะดุดตากับห่อกระดาษบางอย่าง “นี่อะไรน่ะ จางผิง” หลินช่ายชูห่อกระดาษขนาดเล็กให้เพื่อนดู จางผิงตกใจรีบเอานิ้วชี้จุ๊ปาก “ชู่! อย่าเสียงดังไป ข้าแอบวางยานอนหลับให้ว่าที่สามีเจ้ากับลูกน้องของเขา พวกเราจะได้ถือโอกาสหลบหนีไง” “ไม่ได้นะ พวกเราไม่ควรทำร้ายพวกเขาแบบนี้” หลินช่ายรีบวิ่งไปที่ลานวัดตรงที่ฝ่ายชายล้อมวงทานอาหารกัน “เดี๋ยวสิ หลินช่าย นี่ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมายึดถือคุณธรรมนะ พวกเราต้องหนีได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานนะ” จางผิงพยายามวิ่งไปรั้งเพื่อนไว้ “ยังไงก็ไม่ควรวางยาพวกเขาแบบนั้นนะ” หลินช่ายไม่เห็นด้วย “หลินช่าย หลินช่าย” จางผิงจำต้องวิ่งตามเพื่อนไป ******************************************** พอสองสาววิ่งไปถึงลานวัด ก็พบว่าแผนการของจางผิงสำเร็จด้วยดี นั่นคือชายฉกรรจ์ทุกคนนอนสลบไสลไม่ได้สติ “ยาเจ้าแรงขนาดนี้เลยงั้นหรอ” หลินช่ายไม่เชื่อสายตา “มันแน่นอนอยู่แล้ว” จางผิงกล่าวอย่างภูมิใจ “มันไม่ใช่เวลาภูมิใจนะจางผิง เจ้ามีวิธีทำให้พวกเขาฟื้นมั้ย” หลินช่ายรีบถาม “ไม่มีหรอก กว่าจะตื่น คงเป็นเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนนี้พวกเรามีโอกาสหนีแล้วนะหลินช่าย ไปกันเถอะ” จางผิงลากตัวเพื่อนเพื่อเตรียมหนี แต่เพื่อนขืนตัวไว้ เลยว่า “ทำไมล่ะ หากพวกเขาจับได้ พวกเขาต้องไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่” “เจ้าหนีไปเถอะจางผิง ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากไปกับข้าด้วยอีกแล้ว” หลินช่ายจับมือเพื่อน “แล้วเจ้าล่ะ” จางผิงสงสัย “ข้าไปไม่ได้หรอกจางผิง หากข้าหนีไป พ่อและครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อน พวกเขารู้ที่อยู่ของพ่อข้า ข้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายครอบครัวของพ่อไม่ได้จริงๆ” หลินช่ายกล่าว “เจ้าไม่ไปแน่นะ” จางผิงถามอีกครั้ง “ไม่ไปแน่ๆ ข้าไม่อยากผิดคำพูด ข้าคงไม่หนีไปไหน” หลินช่ายยอมรับในชะตากรรม “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าคิดอยู่ที่นี่ ข้าก็จะอยู่ด้วย ข้าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้า” จางผิงกล่าว สองสาวเลยนั่งอยู่ใกล้ๆ จ้าวหานที่กำลังนอนราบไปกับพื้นเพราะฤทธิ์ยา ผ่านไปเพียงไม่นาน สิ่งที่ทำให้สองสาวตกใจมากที่สุด เพราะจ้าวหานและลูกน้องค่อยๆ ทยอยฟื้นและลุกขึ้นมาทานอาหารต่อ “นี่ยาเจ้าไม่ได้ผลงั้นหรือ” หลินช่ายตกใจ “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” จางผิงแปลกใจ “พวกท่านไม่ควรทานอาหารต่อนะ ข้า เอ่อ เป็นคนวางยานอนหลับให้พวกท่านทาน” หลินช่ายยอมรับผิดแทนเพื่อน “ไม่จริง ข้าต่างหากที่เป็นคนวางยา หลินช่ายไม่รู้เรื่องนี้เลย” จางผิงกลัวเพื่อนได้รับโทษทัณฑ์ “ไม่เอาน่า จางผิง” หลินช่ายห้ามเพื่อนที่กำลังรับผิดแต่เพียงผู้เดียว “ในอาหารไม่ได้ปนเปื้อนยานอนหลับหรอก ข้าสั่งให้ลูกน้องสลับหม้อของพวกข้ากับหม้อที่เตรียมไปให้พระและแม่ชีลูกวัด” จ้าวหานสารภาพ “นี่พวกท่านล่วงรู้แผนการข้าทั้งหมดงั้นหรือ” จางผิงตกใจ “ใช่แล้ว และนั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ว่าที่ฮูหยินของข้าซื่อสัตย์มากแค่ไหน มีโอกาสก็ไม่ยอมหนี หรือว่าหลงเสน่ห์ของข้าแล้ว” จ้าวหานพูดล้อเล่น “ท่านอย่าหลงตัวเอง ข้าเพียงแต่ไม่อยากให้ครอบครัวข้าต้องเดือดร้อนเท่านั้น” หลินช่ายเผย “อย่าได้โมโหไป ข้าพูดเล่น” จ้าวหานพูดล้อเล่นแต่น้ำเสียงจริงจังมาก “งั้นข้าขอตัวไปดูอาการแม่ชีกับพระลูกวัดก่อนนะ” จางผิงทำท่าคารวะและมุ่งหน้าไปตรวจอาการให้ “ข้าไปด้วยสิ จางผิง” หลินช่ายรีบวิ่งตามเพื่อนไป ******************************************** จ้าวหานมองหลินช่ายที่วิ่งออกไป และกล่าวกับชายฉกรรจ์อีกคนว่า “นางมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดแล้ว” จ้าวหานกล่าว “ไม่น่าเชื่อว่า นางจะมีความซื่อสัตย์และกตัญญูมากขนาดนี้” ลูกน้องคนสนิทกล่าว “หวังว่านางจะทนไหวนะ” จ้าวหานนึกห่วงใย ******************************************** ทั้งพระและแม่ชีต่างนอนสลบไม่ได้สติอยู่ภายในวัด จางผิงรู้สึกผิด จึงนำสมุนไพรบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนนำไปอังจมูกของทุกคน และไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ทุกคนฟื้นขึ้นมาทันที “ทำไมอาตมาถึงรู้สึกง่วงนอนมากขนาดนี้” ท่านเจ้าอาวาสกล่าว “เป็นเพราะข้า…” จางผิงกำลังจะสารภาพ “ข้าใส่เครื่องปรุงผิดสูตร เดี๋ยวข้าจะไปทำอาหารให้ใหม่นะเจ้าคะ” หลินช่ายพูดแทรก “ไม่ใช่นะเจ้าคะ..” จางผิงกำลังจะแย้ง “ไปกันเถอะ จางผิง” หลินช่ายพูดแทรกอีก “รบกวนแล้ว” เจ้าอาวาสกล่าว สองสาวรีบวิ่งไปที่ครัวเพื่อรีบทำอาหารเจให้กับนักบวชในวัดใหม่ ******************************************** ณ ห้องครัว “นั่นหมายความว่า ว่าที่สามีของเจ้าส่งคนมาคอยจับตาดูเจ้าอยู่ตลอดเวลานะ หลินช่าย” จางผิงวิเคราะห์ หลินช่ายก็คิดเช่นนั้นจึงรีบนำนิ้วมาจุ๊ปาก เพื่อให้คุยกันเบาๆ “ชู่ เบาๆ สิ จางผิง ในเมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ควรพูดเสียงดังไปนะ” “ข้าล่ะยอมใจเจ้าจริงๆ บางครั้งชีวิตพวกเราควรจะมีพลิกแพลงบ้าง หากเจ้ายังยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ เจ้าอาจเกิดภัยขึ้นสักวัน” จางผิงบ่น “ถึงข้าเกิดภัยจนถึงแก่ชีวิต แต่ข้าก็จากไปอย่างสบายใจ เพราะไม่ได้ทำเรื่องผิดมโนธรรม” หลินช่ายกล่าว “ก็ได้ๆ งั้นเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ยังดีนะที่จ้าวหานจับแผนการข้าได้ แต่ก็ไม่เอาเรื่องอะไรข้า คงจะเห็นแก่เจ้า” จางผิงรู้สึกผิดคาดที่ไม่ถูกทำร้ายฐานวางยา “ไม่ใช่หรอก เหมือนเขากำลังทดสอบข้ามากกว่า” หลินช่ายรู้สึกเช่นนั้น “เขาน่ากลัวกว่าที่ข้าคิดไว้ ลักษณะเขาต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างเราๆ แน่ๆ” จางผิงรู้สึกว่าเขาไม่ใช่โจรหรือชาวบ้าน “เลิกคิดเถอะจางผิง และเลิกคิดแผนพาข้าหนีด้วย หากเจ้าอยากแยกทางกับข้า สามารถไปได้เลย ไม่ต้องห่วงข้า” หลินช่ายไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะตน “ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอกน่า” จางผิงไม่อยากทิ้งเพื่อนไป ทั้งสองวุ่นกับทำอาหารในครัวจนเสร็จก็นำไปส่งให้นักบวชฉันใหม่ ******************************************** ขบวนม้าของจ้าวหานรีบออกเดินทางจากวัด มุ่งหน้าเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง หากไม่เชี่ยวชาญเส้นทางในป่าแห่งนี้ ก็คงจะหลงทางไปแล้ว เพราะมันซับซ้อนมาก ทุกคนมุ่งหน้าเดินทางไม่หยุดพักแม้จะเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหน เหมือนมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง ตกค่ำขบวนม้ามาถึงหน้าถ้ำไห่สงพอดี จ้าวหานตะโกน “ข้ามาถึงแล้ว” สักพักจอมยุทธ์ชุดขาวสองคนก็กระโดดออกจากถ้ำแล้วมาปรากฏตัวให้จ้าวหานเห็น “เป็นอย่างไรบ้างรักษาได้หรือไม่” จ้าวหานถาม ยังไม่ทันที่ท่านจอมยุทธ์จะตอบอะไร อยู่ดีๆ ก็มีหมอชายวัยกลางคนวิ่งออกมาจากถ้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น “ไม่ ไม่ ข้ารักษาไม่ได้หรอก ปล่อยข้าไปเถิด ข้าไม่อยากเป็นโรคติดต่อ” หมอกล่าวและพยายามจะวิ่งหนี จอมยุทธ์ชุดขาวคนหนึ่งรีบเข้าไปขวาง “เจ้าเป็นหมอ ทำไมรักษาไม่ได้” “ชายชราคนนั้นเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ผิวหนังมีผื่นเต็มไปหมด ผ่านไปไม่นานตุ่มดังกล่าวนั้นก็แตกกลายเป็นฝีหนองน่ากลัว นี่ข้าต้องรีบไปอาบน้ำแล้ว ข้ากลัวติดโรค ปล่อยข้าไปเถิด” หมอวินิจฉัยโรคไม่ได้ จึงกลัวว่าตนจะติดโรคแบบนั้น “แล้วเจ้าไม่กลัวตายงั้นหรือ” จอมยุทธ์ชักดาบมาจ่อที่คอหมอ “ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าจนปัญญา ข้ารักษาชายชราในถ้ำไม่ได้จริงๆ” หมอคุกเข่าขอร้องชีวิต “ถ้ารักษาไม่ได้ ก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียเถิด” จอมยุทธ์กำลังจะฟันคอ “อย่า…” หมอหลับตาเพราะกลัวตาย จางผิงรีบเอาตัวเข้าไปขวาง “ช้าก่อน ท่านจอมยุทธ์ ข้าเป็นหมอ ให้ข้าดูอาการท่านผู้เฒ่าก่อนเถิด” “แล้ว เจ้า เจ้าไม่กลัวติดโรคงั้นหรือ” หมอวัยกลางคนถามเสียงสั่น “หมอควรช่วยชีวิตผู้คนไม่ใช่หรือ” จางผิงกล่าวกับหมอแต่ตาจ้องไปที่จอมยุทธ์เพราะนึกหวั่นใจเช่นกัน “ในเมื่อมีหมอแล้ว งั้นข้าไปล่ะ” ท่านหมอกำลังจะวิ่ง แต่ท่านจอมยุทธ์อีกคนกระโดดไปดักหน้าพร้อมกับรีบชักดาบเช่นกัน และกำลังจะฟันท่านหมอตาย ไวเท่าความคิด หลินช่ายรีบเอาตัวเข้าไปขวางอีกคน และว่า “ท่านไม่ควรฆ่าคนเป็นว่าเล่นแบบนี้นะ ชายคนนี้เป็นหมอ ยังสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกมากมาย” “ใช่ จริงด้วย หมอแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญโรคแตกต่างกัน ขึ้นกับตำราแพทย์ที่ศึกษามา ท่านไม่ควรตัดสินโทษหมอที่ไม่รู้จักโรคแปลกประหลาดนะ” จางผิงกล่าวเพราะรู้ดีว่าตนก็ไม่สามารถรักษาได้หมดทุกโรค “พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจมาขวางข้า” จอมยุทธ์ที่เผชิญหน้าหลินช่ายถาม จ้าวหานต้องการจบๆ ปัญหา เลยดึงหลินช่ายเข้ามากอด จนหญิงสาวรู้สึกตกใจ งง ปนกับเขิน เพราะไม่เคยโดนผู้ชายกอดมาก่อน “นางคือว่าที่ฮูหยินของข้า ห้ามแตะต้องนาง” จ้าวหานหันไปพูดกับจอมยุทธ์ “ก็ได้ ในเมื่อหมอหญิงจะรักษาชายชรา งั้นตามข้าเข้าไปในถ้ำเดี๋ยวนี้” จอมยุทธ์ที่เผชิญหน้าจางผิงผายมือให้จางผิงเข้าไป จางผิงกำลังจะเดินตามจอมยุทธ์เข้าไป แต่หลินช่ายรีบผละออกจากว่าที่สามี แล้ววิ่งไปจับแขนเพื่อนเพราะนึกห่วงใย “เจ้าไม่กลัวงั้นหรือ” หลินช่ายทั้งห่วงและกลัวเพื่อนจะเกิดภัย “ข้าไม่เป็นอะไรหรอก หลินช่าย” จางผิงยิ้มให้ “ข้าไม่ยอมให้เพื่อนข้าต้องเสี่ยงอันตราย อีกอย่างหากนางรักษาไม่ได้ พวกท่านก็จะฆ่านาง” หลินช่ายไม่อยากให้เพื่อนถูกฆ่าเพียงเพราะรักษาไม่ได้ “ข้าไม่ทำอะไรเพื่อนของว่าที่ฮูหยินของจ้าวหานหรอก ไปกันเถอะ หมอหญิง” จอมยุทธ์นึกยำเกรงจ้าวหาน จางผิงพยักหน้าให้เพื่อน และยิ้มให้ ก่อนเดินเข้าไปในถ้ำ หลินช่ายจำต้องรอเพื่อนอยู่ด้านนอก และคอยลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD