บทที่ 9 หนูยังได้อีกนะพี่ว่า

1762 Words
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง “จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ” เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ “ตรงนี้ก็ได้” มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึงกับแสะยิ้มทันที เมื่อเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงของเขาถูกเขี่ยตกข้างทางซะแล้ว โชคดีที่หล่อนมัวแต่เล่นโทรศัพท์จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก หากเป็นก่อนหน้ายังไม่ตึงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ป่านนี้อาคีราคงโดนบ่นแล้ว ที่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนสนิท แถมเป็นถึงเจ้าของวันเกิด ใช่ ก่อนหน้าเธอจะมา พวกเขาทั้งสามคนได้ตะลุมบอนวิสกี้ขวดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะหมดไปแล้วหนึ่งขวด และขวดใหม่เพิ่งจะเปิดก็ถูกลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งเช่นกัน แน่นอนว่าสภาพตอนนี้ควบคุมตัวเองให้นั่งตัวตรงกันได้ก็ถือเก่งมากแล้ว พะแพงเดินช้าเข้าไปหาเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ นี่คงจะเป็นการทำงานในตำแหน่งใหม่ที่ตราตรึงใจเป็นที่สุด ทันทีที่หย่อนก้นนั่งเธอหันไปมองเกียรติอย่างคาดโทษ แต่อีกฝ่ายกลับละสายตาไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ความอึดอัดมีถึงขั้นทำให้เขาต้องลุกขึ้น บอกลาเสี่ยคิระเป็นครั้งที่สอง ซึ่งแน่นอนครั้งนี้เขายินยอม นั่นเพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว พะแพงเพิ่งจะเข้าถึงแก่นแท้ของคำว่าประหม่า เพราะทันทีที่นั่งลง รัศมีแห่งความอันตรายของเขาก็แผ่ออกมาจากตัว ร่างสูงที่ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็ดูนุ่มนิ่มไปหมด ราวกับเป็นคนใจเย็น ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่! ทั้งคำพูดทั้งแววตาก่อนหน้านี้ ช่างย้อนแย้ง ต่างกันลิบลับ “ปกติดื่มอะไรครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างกกหู ถึงได้รู้เข้าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม นาทีนั้น คนตัวเล็กรับรู้ถึงความหรูหราของน้ำหอม เป็นกลิ่นที่เหมาะกับตอนกลางคืนและคนดื่มเหล้าเป็นที่สุด ซึ่งถูกเจ้าของจงใจหยิบมาราวกับรู้ว่าถ้าได้คลุกเคล้ากับกลิ่นเหล้าก็จะเพิ่มความดาร์กมากขึ้น หนึ่งเลยคือคนที่ถูกล็อคเป้าอย่างเช่นเธอที่นั่งอยู่ข้างกายในตอนนี้ จะถูกยั่วยวนโดยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ต่อให้เจอกันข้างนอก หรือบังเอิญโชยมาจากที่ไหนสักที่หากได้กลิ่นนี้ แวบแรกจะนึกทันทีว่าเป็นเขา แถมความไม่ยุติธรรมอยู่ตรงที่ว่าต่อให้เธอไม่เต็มใจเลยสักนิด ต่อต้านเสียงในหัวค่อนข้างหนัก แต่เธอจะไม่สามารถต่อต้านความรู้สึกได้ ว่าเขานั้นช่างมีเสน่ห์ เร่าร้อน และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน และนี่คือหลุมพราง หลุมที่หนึ่ง! “อะ อะไรก็ได้ค่ะ” เสียงของเธอเริ่มสั่น “แพง.. ไม่ค่อยดื่ม เลยไม่รู้ควรดื่มอะไร” “ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาเคยดื่มเหล้าอะไร ต้องเอาที่หนูถนัดสิ” เขาออกความเห็น เหลือบตาจากบรั่นดีบนโต๊ะมาหาเธอ “จะได้ไม่เมาเร็ว” เหล้าไหนก็เมาเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ คราวนี้เป็นเสียงในหัวของหญิงสาว จังหวะหัวคิ้วถูกบีบเข้าหาจนยุ่งเหยิง ที่ทำให้คนมองอยู่นึกเอ็นดู “อะไรก็ได้จริงๆ ค่ะ เสี่ยเลือกมาได้เลย” เขาชอบเสียงตอนนี้ของเธอมาก ที่ฟังดูคล้ายคนกำลังเดินถอยหลัง ถอยเรื่อยๆจนจนตรอก ซึ่งเป็นตรอกที่ปิดตายสนิท ทำจากกำแพงเหล็กหนาที่ถ้าคนต้อนไม่อนุญาตก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ใช่..และเขานั่นแหละที่เป็นผู้ต้อน! “อยากให้พี่เลือก?..” เขาเลิกคิ้วสูง จงใจโน้มลงมาหาเธอ “งั้นตัวเดียวกับพี่ก็แล้วกัน” หญิงสาวรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นมารดแก้ม ความประหม่ายิ่งเพิ่มพูนอีกเท่าทวี ทำร่างกายแข็งทื่อ โชคดีจังหวะปลายจมูกเลื่อนมาใกล้จะถึงเนื้อ ค้นพบวิธีเอาตัวรอดซะก่อน “เดี๋ยวแพงรินเหล้าให้นะคะ” เธอเบี่ยงตัวหลบโน้มไปข้างหน้า ไม่สนใจว่าคนข้างๆจะชะงักอยู่ในท่าพร้อมหลับตาลง กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอทำเขาไม่พอใจเข้าให้แล้ว ก็ตอนหันกลับมายื่นแก้วแล้วเขาไม่รับ “เอาเลขบัญชีมา” “คะ?” ไม่พูดเปล่าเขาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของเขามาด้วย พลางมองหน้าเธอ กลายเป็นหญิงสาวที่ต้องลนลานควานหาโทรศัพท์ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเก็บไว้กับกระเป๋าในล็อคเกอร์จึงยิ้มเจื่อน “ไม่ได้เอามาค่ะ งั้นแพงไปเอานะ” คนตัวเล็กทำท่าจะลุก กลับถูกอุ้งมือหนารั้งไว้ซะก่อน เพียงแค่จับตรงต้นแขนบีบเบาๆ ไม่ได้ออกแรงกระชาก คนตัวเล็กกลับปลิวไปทั้งตัว ความตกใจทำให้เธอขึงตากว้าง ได้สติอีกทีก็ตอนนั่งอยู่บนตักของเขาแล้ว “เสี่ยคะ!” ความตกใจบวกกับเสียงร้องทำให้อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันหันมามอง ทิ้งสิ่งที่กำลังสนใจอยู่ไปชั่วขณะ ลลิสาอ้าปากค้างไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ ส่วนอีกคนเหมือนจะชินแล้ว ถึงได้ส่ายหน้าเอือมระอาสุดๆ “ปวดฉี่ไหมสา” ลลิสาหันขวับ พลันคิ้วที่ขมวดด้วยความงุนงงอยู่ก่อนยิ่งขมุกขมัวคูณสอง เมื่อเห็นคนถามขึงตาใส่ ราวกับบอกสัญญาณอะไรสักอย่าง “ไม่อ่ะ” “สา..” กว่าจะรู้ตัวก็ตอนได้ยินเสียงคำรามของเขา พลางบุ้ยปากไปทางคนสองคนกับพยักพเยิดหน้าไปทางประตู เธอจึงเป็นฝ่ายขึงตาบ้าง คล้ายถามว่าทำไม แต่ไม่ทันได้รับคำตอบกลับถูกเหนือเมฆดึงไปซะก่อน ด้วยแรงมหาศาลที่คนตัวเล็กอย่างหล่อนสู้ไม่ได้ “เห็นบ่นว่าปวดฉี่ ไปเถอะ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” พะแพงเหลือบมองเห็นอยากจะอ้าปากทักท้วงว่าอย่าทอดทิ้งเธอ ฉุกนึกขึ้นได้ภายหลังว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน แหกปากไปก็เท่านั้น “ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ เราตกลงกันแล้วว่าแค่นั่งดื่ม” เธอจึงหันไปต่อรองกับเขาพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ผลที่ได้รับคือยิ่งเรียกร้องยิ่งเหมือนดันทุรังให้วงแขนแกร่งกระชับเอวคอดมากขึ้น จากที่มันหลวมๆตอนนี้เริ่มกระชับ “บอกว่าแค่นั่งดื่ม ดื่มเสร็จก็กลับ แต่ไม่มีคำว่าห้ามนั่งตักสักคำ” “...!!!” บอกตามตรงเธอเกือบจะไม่สนใจเงินนั้นแล้ว เมื่อเขาทำรุ่มร่ามกับเธอแบบนี้ แต่เพราะข้อเสนอของเขาหลุดออกมาปะทะหู เธอจึงหยุดดิ้น และอ่อนลงชั่วคราว “ดื่มแก้วที่หนูรินมารวดเดียวหมด แล้วพี่จะปล่อย” อาจด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่กระซิบบอกว่าเธอจะยิ่งไม่ปลอดภัยหากขัดใจเขา สังเกตจากเกียรติเจ้าของร้านที่กลัวซะจนไม่รู้ผิดถูก แถมเพื่อนของเขาที่พร้อมสนับสนุนอย่างเป็นทางการตลอดเวลา ราวกับรู้ใจโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากอะไรเลย เขาน่ากลัวมาก ชนิดที่ว่าเธอเริ่มจะเห็นถึงหายนะแล้ว หากตอนนี้วิ่งหนีไป จะเป็นยังไง เขาจะให้ใครวิ่งตาม จับเธอทุ่มลงกับพื้นหรือเปล่า ถ้าหากจับตัวได้! แค่คิดยังสยอง “พูดจริงนะคะ” เพราะความกลัวจะเจ็บตัว จำต้องเชื่อเขาอีกครั้ง ปลอบใจตัวเองให้อดทนผ่านคืนนี้ไปให้ได้ แล้วพรุ่งนี้จะไม่มาทำงานอีก “อืมฮึ..” เขาพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบแก้วที่เธอหยิบมายื่นให้เขาก่อนหน้านี้ แต่ถูกวางลงตอนลุกกะจะไปเอาโทรศัพท์มาให้เธอ คนตัวเล็กหลุบตามอง จังหวะเหลือบขึ้นมาประสานตา ถึงกับเย็นเชียบไปทั้งตัว ราวกับยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งดึงดูด เธอรับแก้วนั้นมาด้วยมือที่สั่น ก่อนจะกระดกลงคอรวดเดียวหมด แน่นอนว่าตอนเธอแหงนหน้าขึ้น จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจนั้น “หมดแล้วค่ะ” ถึงจะคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติได้ แต่สีหน้าคุมไม่ได้ เมื่อรสชาติของเหล้าที่ทั้งร้อนและขม บาดคอซะจนถึงนิ่วหน้า “เก่งมากครับ” ทันทีที่เธอทำสำเร็จ อาคีราเปลี่ยนสีหน้าที่เคร่งขรึมเป็นรอยยิ้มเจือจาง พลางเอ่ยปากชม และทำตามอย่างที่พูด คือยกตัวเธอไปวางบนเบาะข้างกันอย่างเบามือ จากนั้นจึงจะจัดแจงตัวเขาเองให้นั่งในท่าที่ถนัด แต่ท่าที่ถนัดของเขากำลังจะทำให้ไก่ตื่น เนื่องจากเขานั่งเอนหลังพิง แขนพาดพนัก กินพื้นที่มาหาเธอ กลายเป็นว่าคนตัวเล็กต้องยืดตัวขึ้น ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว “แก้วเดียวเองหรือ?” “คะ?” “หนูยังได้อีกนะพี่ว่า..”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD