พลับพลึงยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเพื่อมองร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ให้เธอเมื่อคืน ต้นคอ เนินอก หน้าอก แล้วไหนจะรอยแดงตามส่วน ๆ อื่นของร่างกาย เขาที่ไม่ได้หยุดแค่รอบเดียวเพราะก่อนนอนก็ซ้ำมันอีกครั้ง กลางดึกที่เธอกำลังเคลิ้มหลับก็ซ้ำมันอีกครั้ง และก่อนเธอจะลุกมาเมื่อกี้ก็อีกครั้ง
เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับแค่วันแรกที่กลับมาอยู่กับเขาในฐานะที่เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ทำได้เพียงพาตัวเองไปชำระร่างกายก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมาและชะงักไปกับร่างสูงที่เดินมาหยุดตรงหน้าห้องน้ำพอดี
ผลั่ก! เขาไม่ได้พูดอะไรแต่ยื่นมือแกร่งออกมาผลักเธอให้พ้นทางและพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจเธอที่เซเกือบล้ม เธอหันไปมองเขาที่ยืนจัดการธุระหน้ากระจกราวกับไม่สนใจการมีอยู่ของเธอ และเธอก็ต้องเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องน้ำไปโดยไม่ลืมปิดประตูห้องน้ำแล้วออกมาแต่งตัวเพื่อเตรียมไปเรียน
มาแปลก หลังจากเขาออกมาแต่งตัวพร้อมกับเธอที่ใช้เวลาในการปกปิดร่องรอยนอกร่มผ้านานสองนานเลยเสร็จพร้อม ๆ กับเขาพอดี และเขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ถ้าไม่อยากสายก็รีบมา” น้ำเสียงที่ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนอดีตแต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างอย่างก่อนหน้านี้ดังขึ้น นั่นทำให้เธอตีความหมายว่าเขาให้เธอไปเรียนพร้อมกับเขา
จุดอ่อน จุดอ่อนของความรักก็คือความดีใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้รับจากอีกฝ่าย ความหมางเมินของเขาก่อนหน้านี้ถูกปล่อยวางพร้อมกับรอยยิ้มที่ห้ามไม่ได้ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเพื่อออกจากห้องพร้อมเขา
“พี่ผา...” ระหว่างนั่งอยู่บนรถด้วยความเงียบมันเลยทำให้เธออยากพูดอะไรกับเขา อะไรก็ได้แม้แต่ประโยคเดียวก็ยังดี
“ไม่อยากฟัง” แต่เธอก็ถูกเขาแทรกขึ้นทันทีที่เรียกชื่อเขาเท่านั้น
“.....” ไม่อยากฟังแล้วเธอจะทำอะไรได้นอกจากมองเสี้ยวหน้าของเขาด้วยใบหน้าที่เศร้าลงอีกครั้ง แต่ก็หันกลับปล่อยให้เขาขับรถของตัวเองต่อไปจนกระทั่งถึงมหาลัยที่เขาไม่ได้จอดคณะของเธอให้ลงก่อนแต่เลยมาจอดที่คณะของเขาเลย
“ถ้าอยากกลับก็เดินมาเอง” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลงจากรถบอกให้เธอเข้าใจว่าเลิกเรียนเขาไม่รับหน้าคณะเหมือนทุกครั้ง
เธอลงจากรถมองแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าคณะไปอย่างไม่หันหลังมองเธอเลยสักนิดแต่สุดท้ายเธอก็หมุนกายเดินไปคณะของเธอที่ไม่ได้อยู่ไกลเลยสักนิด เดินเข้าไปเจอกับเพื่อนสนิทเข้าพอดี
“มากับพี่ผาเหรอ” ซีนถามขึ้นเพราะตอนลงมาเห็นหลังไวๆของเพื่อนขึ้นรถกับหินผา
“อืม” เธอไม่ได้ปิดบังอะไร
“ดีกันหรือยัง” ใบหม่อนถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“ยังไม่เหมือนเดิม” แต่ก็หวังว่าจะเหมือนเดิมเพราะเมื่อวานเขาเลือกจะไปส่งผู้หญิงอีกคนแล้วกลับมา แม้จะรุนแรงกับเธอแต่อย่างน้อยก็ยังอยู่กับเธอ ตอนเช้าก็ยังให้เธอขึ้นรถมาเรียนด้วย
หวังว่าไม่นานเขาจะเข้าใจในส่วนของเธอ
“ถ้ามีอะไรให้พวกฉันช่วยก็บอกแล้วกัน อย่าเก็บไว้คนเดียว” ใบหม่อนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงในเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“อืม ขอบใจพวกแกมากนะที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้งก็ไม่เคยเลิกคบกับฉัน” ไม่ว่าจะมีเหตุผลน่าเลิกคบก็ตาม
“ไร้สาระ ฉันแยกแยะได้หน่า” ใบหม่อนกับซีนแย้งออกมา
และนี่คงเป็นเหมือนเรื่องดีๆในชีวิตฉันอีกเรื่องเลยก็ว่าได้ เพื่อนสนิทของฉัน
เมื่อหมดคาบเรียนพลับพลึงก็ตรงไปยังคณะของหินผาตามที่เขาบอก ไปยังห้องที่เขาตอบรับข้อความของเธอก่อนหน้านี้
“พี่ผา” เธอเรียกเขาขึ้นหลังจากเดินมาหยุดหน้าห้องเรียนที่เขานั่งอยู่กับเพื่อนของเขาสี่ห้าคน
“มานี่สิ” หินผาเรียกเธอขึ้นโดยไม่ได้ลุกออกไปหาเธอ
และนั่นก็ทำให้พลับพลึงเดินเข้ามาหาเขาตามคำเรียกขาน
ปัง! เสียงประตูห้องปิดลงหลังจากเธอเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสองคนของเขาที่เดินสวนเธอไปเพื่อปิดประตูหน้าหลังของห้องทำให้ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงความสว่างจากแสงจากหน้าต่างกระจกไร้ม่านปกปิด
เธอไม่อยากสนใจอะไรแม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรก็ตามถ้าไม่ติดว่ามีบางเกิดขึ้นกับเธออย่างไม่ได้ตั้งตัว
พลั่ก! เพื่อนคนหนึ่งที่ปิดประตูใกล้ ๆ เดินกลับมาพร้อมกับเพื่อนอีกคนของเขาที่ลุกมาโดยมีหนึ่งคนเปิดแผ่นรองของเก้าอี้เลคเชอร์ และอีกคนผลักเธอลงเก้าอี้โดยคนก่อนหน้าอ้อมไปยืนด้านหลังกดไหล่เธอไม่ให้ลุกออก
“ทะ...ทำอะไร” เพราะเธอเห็นว่าหินผาอยู่เลยไม่ได้กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขา แต่หลังจากเธอเข้ามากลับถูกเพื่อนของเขากำลังบีบบังคับเธอโดยที่หินผาก็นั่งมองเหตุการณ์นิ่ง ๆ ไม่แสดงอาการใด “พี่ผา”
เธอเรียกเขาขึ้นอย่างไม่เข้าใจพยายามจะดีดตัวออกจากเก้าอี้แต่แรงของผู้ชายคนนั้นกลับยิ่งกดน้ำหนักลงมาจนเธอลุกไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามดึงมือใหญ่ที่กดไหล่เธอยังไงก็ไม่ออก
หมับ! ราวกับคนข้างหลังรำคาญเธอจึงดึงมือของเธอทั้งสองข้างไปด้านหลังรวบไว้ด้วยมือของเขา
“ปล่อยนะ!” พลับพลึงร้องขึ้นก่อนจะพยายามสะบัดมือเขาออกแต่กลับไร้ผลเมื่อมันไม่หลุด “พี่ผา”
เธอเรียกหินผาอีกครั้งด้วยเสียงสั่นเครือ แต่เขาก็ยังคงนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ มองมาทางฉันอย่างไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าพวกมันเอาเธอ พ่อแม่เธอจะบังคับให้พวกมันรับผิดชอบไหม”
คำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ประโยคที่เขาเอ่ยออกมามันมันคือการกล่าวถึงสิ่งที่เขาถูกบีบบังคับมาอย่างไม่ลืมเลือน ทำเอาเธอนิ่งงันไปราวกับมีก้อนอะไรติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก
“ถ้าพ่อแม่น้องรับได้ที่จะให้ลูกหมั้นซ้อนพวกพี่ก็มีเงินสินสอด” โชติเพื่อนคนหนึ่งของหินผาที่เธอพอรู้จักชื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังเลยสักนิด น้ำเสียงที่ทำเอาให้ใจเธอเกิดความขยะแขยงอย่างมาก
“ออกไปนะ!” เธอพยายามขยับใบหน้าเบี่ยงออกห่างต้นตอของเสียงจากด้านหลังตัวเองทันที น้ำเสียงที่ราวกับโรคจิตทำให้เธอสะอิดสะเอียนอย่างมาก
“ชู่ว! อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวคนอื่นมาขัดหรอก” สิระคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเธอทำเสียงบอกออกมาพร้อมกับสายตาโลยเลียเธออย่างเห็นได้ชัด
“ออกไป!” ยอมรับเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เธอน้ำตาคลอเบ้าออกมาอย่างหวาดกลัวไม่น้อย เธอไม่เคยอยากเสียน้ำตาต่อหน้าคนมากมายโดยเฉพาะคนไม่รู้จัก แต่ตอนนี้เธอกลัวจนมันห้ามน้ำตาไม่ไหวเลยจริง ๆ
โดยเฉพาะตอนมองไปยังผู้ชายอีกคนที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้นของเธอ คนที่เกลียดเธอจากการถูกบีบบังคับให้รับผิดชอบเธอด้วยการหมั้นหมาย และกำลังหาคำตอบว่าหากมีใครทำแบบนี้กับเธอพ่อแม่เธอจะทำยังไงต่อ
“พอได้แล้วไอ้ผา” เสียงของคิรันเพื่อนสนิทของหินผาที่ฉันมักเห็นเขาอยู่กับหินผาบ่อยที่สุดคนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรกพูดขึ้น “พวกมึงก็พอได้แล้ว!”
คิรันหันมาพูดกับเพื่อนอีกสองคนของเขาอีกครั้ง ทำให้พวกที่จับเธอไว้ปล่อยเธอแล้วขยับไปนั่งที่ตัวเองราวกับหมดสนุกที่ได้ทำกับฉัน
แต่ฉันไม่ได้สนุกด้วยเลยสักนิด
เมื่อเป็นอิสระเธอรีบลุกขึ้นยืนมองผู้ชายตรงหน้าตัวเองด้วยความพร่ามัวพร้อมกับปากที่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ มีมากมายที่เธออยากพูดออกไปแต่สุดท้ายเธอก็แทบพูดอะไรไม่ออกนอกจากประโยคนี้ประโยคเดียว “พี่ใจร้ายมากนะพี่ผา”
เมื่อพูดจบเธอก็ไม่รอช้าหันตัววิ่งไปผลักประตูห้องออกไปทันที ผลักออกไปโดยที่แม้แต่กระเป๋าที่มันตกในตอนแรกเธอยังลืมที่จะหยิบติดมือมาด้วยทำให้ตอนนี้เธอวิ่งออกไปตัวเปล่าอย่างทนไม่ไหว วิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน
เพราะยังเสียน้ำตาทำให้เธอไปไหนไม่ได้นอกจากห้องน้ำของอาคาร เธอเข้าไปขังตัวเองอยู่ในนั้นใช้ฝ่ามือปิดปากของตัวเองร้องไห้ออกมากับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาแค่แกล้งเธอหรือสามารถปล่อยให้เพื่อนเขาทำได้ร้ายเธอได้จริง ๆ เธอรู้สึกบีบรัดที่หน้าอกข้างซ้ายจนต้องปล่อยมืออีกข้างบีบขยำบริเวณที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน
พ่อแม่ คู่หมั้น คนที่ถือว่าสำคัญที่สุดในชีวิตเธอตอนนี้กลับเป็นคนที่เอาแค่ความคิดและความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ คนที่ไม่เคยเอ่ยปากถามเธอสักคำว่าเธอรู้สึกแบบไหน
เธอโดดเดี่ยวและเคว้งคว้าง