เพราะเรื่องหมั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวของเธอกับหินผา นอกจากเพื่อนสนิทของเธอและไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของหินผาจะรู้ไหม แต่นั่นเลยทำให้คนที่ไม่เคยไม่ชอบเธอเพราะเรื่องหินผายังคงมีเรื่องมาพูดให้เธอฟังอย่างสนุกปาก
“แก เห็นผู้หญิงใหม่ของพี่ผาหรือยัง ได้ข่าวว่าตัวท๊อปมหาลัยใกล้ ๆ นี้เลยนะ” ไปรยาพูดขึ้นอย่างมีจริตจะก้านกับเพื่อนตัวเองราวกับเล่าสู่กันฟัง แต่เป็นการเผื่อแผ่มาไกลให้เข้าหูเธอได้ง่ายๆ
“จริงเหรอ! ฉันยังไม่เห็นเลยอ่ะ” เรนนี่ทำท่าทางตกใจอย่างเกินจริงไม่น้อย
“แกไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้ในเมื่อพวกเขาลงรูปคู่กันด้วย!” ไปรยาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบางอย่างให้เพื่อนดู
แต่คำพูดนี้ทำให้เธอชะงักนิ่งไปด้วยหัวใจที่บีบรัดอย่างบอกไม่ถูก
ตั้งแต่วันที่เขากลับมาหลังหมั้นก็ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลย ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมที่เธอกลับมาจนวันนี้เปิดเรียนได้สองวันแล้วเขาก็ยังไม่ได้ติดต่อหาเธออีกเหมือนกัน
แล้วอย่าถามว่าทำไมเธอไม่ติดต่อไปหาเขาล่ะ เพราะตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นคนนอกไปแล้ว
“โห๋! ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ฉันคงต้องยอมนั่นแหละ” เรนนี่มองหน้าจอโทรศัพท์ของเพื่อนตัวเองก่อนจะพูดออกมาราวกับสะใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฉันรู้มาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นทั้งเพื่อนเก่าแล้วก็ผู้หญิงที่พี่ผาเคยคบมาแล้วครั้งหนึ่ง” ไปรยาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่น้อยก่อนจะพูดต่อโดยหันมาทางเธอ “อีกอย่างแกน่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าเป็นผู้หญิงคนแรกด้วยที่พี่ผายอมให้ลงรูปคู่”
ไม่ผิดจากที่ไปรยาพูดหรอกเพราะแม้แต่เธอที่อยู่กับเขามาสองเดือนได้ถ่ายรูปด้วยกันแต่เขาก็ไม่อยากให้ลง แค่ถ่ายรูปยังบอกไม่อยากถ่ายเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเบื่อปัญหาผู้หญิงของเขาที่ชอบมาวุ่นวายด้วยเลยไม่อยากลงรูปคู่ของเขากับเธอ
แต่เขาให้ผู้หญิงคนนี้ลงรูปคู่ได้อย่างนั้นเหรอ
“อย่าไปฟังพวกมันเลย” ใบหม่อนพูดขึ้นอย่างปลอบใจเธอ
“.....” เธอทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ บอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร เพราะแค่นี้มันเบากว่าความกดดันและรู้สึกจากครอบครัวด้วยซ้ำ
แต่เธอดันลืมไปว่าตอนนี้นอกจากพ่อแม่ของเธอแล้ว หินผาก็คืออีกคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกได้ง่าย ๆ หากเกิดอะไรขึ้น
รถ 911 Carrera s สีดำด้านที่เธอจำได้แม่นยำขับผ่านหน้าของเธอไป ขับไปผ่านตึกคณะของเธอไปทำให้เธอต้องมองตามอย่างห้ามไม่ได้ มองตามไปกระทั่งรถคันนั้นไปหยุดอยู่ริมฟุตบาทหน้าตึกคณะใกล้ ๆ
แต่ที่ทำให้หัวใจของเธอบีบรัดใบหน้าชาราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดเข้ามาก็คือร่างสูงเจ้าของรถที่เดินออกจากตัวอาคารมายังรถของตัวเอง รถที่ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งผลักประตูลงมาและเดินบนรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาสองคนพูดอะไรกันไม่รู้เพราะเธอไม่ได้ยินมันไกลเกินกว่าจะได้ยิน แต่ภาพที่เธอเห็นเกือบชัดก็คือรอยยิ้มมุมปากของเขาที่เธอไม่ได้เห็นมาเลยเป็นเดือน ๆ หลังจากเขายิ้มให้เธอคนนั้นเสร็จก็เดินไปด้านคนขับพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นเดินไปด้านผู้โดยสารแล้วขึ้นรถไปด้วยกัน
“ทำแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า! ยังไงก็หมั้นกับแกแล้วนะ!” เสียงที่ไม่พอใจของใบหม่อนดังขึ้นอย่างไม่ดังนัก
“แกจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้พลับ แกอยู่เฉย ๆ ก็ผิด งั้นแกสู้เพื่อแสดงสิทธิ์ของแกดีกว่า!” ซีนพูดขึ้นอีกคนอย่างไม่ยอมสิ่งที่หินผาทำ
“ฉันทำอะไรได้อีกเหรอ” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอถึงได้กลายเป็นคนที่ทำได้เพียงเจ็บเงียบ ๆ แบบนี้ ทั้งที่สถานการณ์แบบนี้มันควรเกิดขึ้นต่อหน้าพ่อแม่เธอแค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว
“กลับไปอยู่คอนโดกับเขา แสดงสิทธิ์ให้เขารู้ว่าแกยังมีตัวตนอยู่ไม่ใช่จะมองข้ามแกแบบนี้” ใบหม่อนรู้สึกเกลียดชังหินผาอย่างไม่ควรเป็นสักนิด แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเพื่อนเธอกำลังถูกทำร้ายจิตใจจากเขา
“ไปเถอะ วันนี้กลับพร้อมฉัน” ซีนที่อยู่คอนโดเดียวกับหินผาจับมือเธอแล้วพาไปที่รถเพื่อกลับคอนโดของหินผาที่เธอเคยอยู่ทันที ดีที่ช่วงนี้เธอเหนื่อยและมักจะชอบคิดอะไรเงียบ ๆ เลยไม่อยากขับรถเองทำให้ไม่ต้องทิ้งรถไว้มหาลัย
ความโชคดีหนึ่งอย่างคือเขายังไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่านเข้าห้อง รหัสที่เธอรู้เพราะต้องเข้าออกห้องเขาประจำทำให้สามารถเปิดมันเข้าไปได้ด้วยตัวเอง เปิดเข้ามาเพื่อเห็นภาพที่เขานั่งอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอย่างใกล้ชิด
“อะไรกัน นัดผู้หญิงซ้อนเหรอ” กลับเป็นผู้หญิงคนนั้นที่หันมาเห็นเธอแล้วหันไปถามหินผาด้วยรอยยิ้มเอาเรื่อง
“มาที่นี่ทำไม” เขาไม่ได้ตอบเธอคนนั้นแต่หันมามองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วถามขึ้นอย่างเย็นชา
“.....” เธอมองสายตาและการกระทำของเขาที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเหยียบย่ำความรู้สึกของเธอต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น นั่นเลยทำให้เธอเลือกจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเธอเป็นใคร “พลับมาห้องคู่หมั้นตัวเองมันผิดมากเหรอ”
ประกาศออกไปแล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน และท่าทางของผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะตกใจคำพูดของเธอด้วยเช่นกัน
“หมั้น?” เธอคนนั้นหันไปถามหินผาทวนคำพูดของเธอ
“อย่าเรียกว่าหมั้นเลย เรียกว่าถูกบังคับให้นั่งร่วมพิธีดีกว่า” เสียงเหยียดหยามของหินผาดังขึ้นตอบเธอคนนั้นออกมาอย่างไม่รักษาหน้าของเธอเลยสักนิด
อับอาย ขนาดตอนคบกับเขาอย่างไม่มีสถานะเขายังไม่เคยพาผู้หญิงที่ไหนมาพร้อมหน้าเธอ ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับผู้หญิงที่ไหนระหว่างคบหากับเธอเลย
แต่ตอนนี้ที่เป็นคู่หมั้นของเขาแล้ว เธอกลับได้รับเกียรติน้อยกว่าตอนนั้นซะอีก น่าขำสิ้นดี
“อย่าบอกว่าโดนคลุมถุงชน?” เธอคนนั้นถามหินผาขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เชิง” เขาตอบกลับไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
“เอาที่พี่ผาคิดว่าดีก็ทำเถอะ ไม่ต้องรักษาหน้าใครสักคนแล้วทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำเลย” เธอก็ไม่ไหวหรอกนะที่จะมายืนให้เขาเหยียดหยามต่อหน้าคนอื่นนานสองนาน
สุดท้ายก็ทำเป็นนิ่งพูดขึ้นราวกับไม่สนใจแต่ก็ไม่ลืมย้ำเตือนให้เขารู้ว่าฐานะอย่างเขาตอนนี้อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ พูดจบก็ตรงไปยังห้องนอนเพื่อปล่อยให้เขาได้คิดเองว่าจะทำอะไรต่อ
แต่เธอก็ต้องหยุดเพราะคำพูดของเขา
“สุดท้ายก็นิสัยเหมือนกันทั้งบ้านสินะ ห่วงรักษาหน้าตาแต่ดันลืมไปว่าการบีบบังคับใครมาไม่มีทางได้รับการไว้หน้าอยู่แล้ว” เขาเอ่ยออกมาเหมารวมเธอกับพ่อแม่เข้าด้วยกัน
ไม่แปลกหรอก ในเมื่อเสี้ยวหนึ่งในใจเขาตอนแรกก็คิดว่าเธอสมยอมพ่อแม่เพราะอยากครอบครองเขา พอเธอยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเชื่อว่าความคิดของตัวเองในตอนแรกถูกแล้ว
“.....” เธอเลือกจะไม่ตอบโต้และเข้าห้องนอนไปทันที
ไม่ใช่ว่าเก่งและนิ่งได้ แต่เพราะถ้ายืนพูดนานกว่านี้อีกหน่อยกลัวว่าจะเสียน้ำตาและไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น และพอประตูห้องปิดลงนั่นแหละถึงจะเป็นความจริงที่เป็น
ความอ่อนแอที่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอนั้น เปราะบางแค่ไหน
ส่วนหินผาที่สถานการณ์แบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหงุดหงิดขัดใจ ทั้งที่ผ่านมาเกือบสองเดือนเลยที่เธอก็อยู่ในพื้นที่ของตัวเองดี ๆ ไม่มาวุ่นวายอย่างรู้ตัว เขาก็คิดว่ารู้สึกผิดเหมือนที่บอกเขาจริง ๆ
แต่ที่ไหนได้ คงรอเวลาได้หมั้นหมายและเรียกว่าคู่หมั้นอย่างเต็มปากก่อนค่อยเผยธาตุแท้สินะ
“ผาหมั้นแล้วจริงเหรอ” ชีสเค้กผู้หญิงที่เป็นทั้งเพื่อนเก่าและหญิงเก่าถามเขาขึ้นทันที
“อย่าพูดเรื่องนี้เลย” เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องเฮงซวยพวกนี้เลยสักนิด “เดี๋ยวเราไปส่งนะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”
“ได้ แต่คราวหลังควรบอกเราก่อนนะว่าผาไม่ได้ตัวเปล่าแล้ว” ชีสเค้กพูดขึ้นอย่างไม่ได้ติดใจอะไรแต่ก็ไม่ลืมย้ำให้เขารู้ว่าเธอไม่ค่อยพอใจที่เขาไม่ได้บอกอะไรเธอ
“โทษที” เขาเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะออกจากห้องและไปส่งเธอที่คอนโด
“กลับเลยเหรอ ไม่ขึ้นไป?” เมื่อถึงคอนโดของเธอก็ถามเขาขึ้นอีกครั้ง
“วันนี้หงุดหงิดนิดหน่อย” หงุดหงิดเพราะคนที่อยู่ที่ห้องของเขา
“ได้ ถ้าไม่มีที่ไปมาที่นี่ได้ตลอด” เธอพูดออกมาอย่างไม่เรื่องมากก่อนจะลงจากรถไปและนั่นก็ทำให้หินผาขับรถกลับไปยังคอนโดของเขาคืน
ก่อนหน้านี้เขาเบื่อหน่ายกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตที่ไม่คาดคิดและไม่อยู่ในแพลนชีวิตตอนนี้จึงทำให้เขาตีตัวออกห่างจากพลับพลึงเพราะรู้ดีว่าหากเห็นหน้าเธอจะหงุดหงิดและนึกถึงสิ่งที่พ่อแม่เธอเรียกร้อง นั่นเลยทำให้เขาใช้ชีวิตเหมือนเดิมด้วยการมีหญิงอื่นอีกทั้งเพื่อทำให้เธอรู้ว่าถึงจะหมั้นก็ไร้ประโยชน์ที่จะผูกมัดเขา
แต่ก็อย่างที่บอกว่าเขาคิดผิด ตอนแรกเธอก็อยู่ในที่ของตัวเองไม่แม้จะติดต่อหาเขาด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้วันนี้กลับมาเรียกร้องสิทธิ์ตัวเองถึงที่อย่างน่าไม่อาย และในเมื่อเธอเป็นคนก่อก็ควรต้องรับผิดชอบมันถึงจะถูกที่สุด