CHAPTER 2 งานแต่งจำเป็น

2126 Words
รถยนต์ของเพียงพายขับเข้ามาจอดในบ้าน เขาก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะก้าวเท้าปราดตรงไปหาผู้เป็นแม่ทันที แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นคนคุ้นตาอย่างเพลิงกัลป์กำลังนั่งพูดคุยกับพ่อแม่ของเขาอย่างออกรสชาติ พวกเขาพูดคุยเรื่องอะไรสักอย่างแล้วก็หัวเราะกันคึกครื้น โดยที่มีเพลิงกัลป์ชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติ หนำซ้ำบนโต๊ะยังมีกระเช้าผลไม้รวมถึงถุงกระดาษที่ปรากฏชื่อแบรนด์หรูเด่นหราอยู่ด้วย เพียงพายขยับสายตามองเพลิงกัลป์ที่เขาหันมาสบพอดี ทันทีที่ได้เห็นเพียงพายทั้งท่านดนัยและคุณหญิงณลิลก็หันมองไปที่เขาเป็นตาเดียว “มาแล้วเหรอลูก” คุณหญิงณลิลระบายยิ้มกว้างที่เห็นลูกชายมายืนอยู่ตรงหน้า “สวัสดีครับพี่พาย” เพลิงกัลป์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม รอยยิ้มดูเป็นมิตรแต่แววตากลับซุกซนเหมือนหมาน้อย “สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับพ่อ” เพียงพายยกมือขึ้นพนมไหว้ทั้งสองท่าน ก่อนจะรับไหว้เพลิงกัลป์ด้วยอีกคน ถึงจะไม่ค่อยได้แสดงสีหน้า แต่เพียงพายก็เริ่มประหม่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของมารดายิ้มเจื่อนตอนหันมาสบตากับเขา ท่านดนัยเองก็ลอบมองลูกชายแล้วเม้มริมฝีปากอย่างมีพิรุธ จนเพียงพายส่ายหน้าแล้วเลื่อนสายตามองเพลิงกัลป์อย่างไม่ลดละ เด็กน้อยในวันนั้นโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ เพียงพายมองเพลิงกัลป์อย่างพิจารณาด้วยสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ซึ่งเพลิงกัลป์รู้ดีว่าพี่ชายที่เคยสนิทอย่างเพียงพายก็แค่มีสีหน้าตายด้าน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิดเดียว อาหารหลากหลายสีสันถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหาร โดยที่มีประมุขของบ้านนั่งหัวโต๊ะ คุณหญิงณลิลนั่งทางขวามือของสามี เพียงพายและเพลิงกัลป์นั่งข้างกันทางซ้ายมือของท่านดนัย “คราวหน้าผมอยากให้คุณลุงกับคุณป้าได้ลองชิมฝีมือผมนะ เดี๋ยวผมเข้าครัวเองครับ” เพลิงกัลป์เสนอแล้วยิ้มกว้างอย่างไม่รู้จักเมื่อยแก้ม ถ้าเปรียบเป็นสภาพอากาศเพลิงกัลป์ก็คงจะเป็นเหมือนช่วงเช้าที่อากาศแจ่มใสพร้อมออกไปใช้ชีวิต ส่วนเพียงพายก็จะคล้ายช่วงค่ำที่บรรยากาศโพล้เพล้และฝนก็กำลังตั้งเค้าใกล้จะตกอยู่รอมร่อ “เอาวันไหนดีลูก นัดวันที่พี่พายว่างด้วยนะ จะได้มาทานด้วยกัน” “ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะบอกคุณป้าอีกทีนะครับ รวมถึงพี่พายด้วยนะครับ” เพียงพายยิ้มบางๆ จนแทบจะมองไม่ออกเลยว่าเขายิ้มอยู่ แขกที่มาเยือนวันนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นคนใกล้ตัวเพราะเขาคือลูกชายคนกลางของตระกูลราชาฉัตรบดินทร์ เมื่อสิบปีก่อนยังเป็นเด็กชายตัวอ้วนกลมใส่เหล็กดัดฟัน ทว่าในวันนี้เพลิงกัลป์กลับหุ่นดีราวกับนายแบบ ใบหน้าเข้ารูปทำให้เขาดูคมคายขึ้น บวกกับสันดั้งที่โด่งสันทัดรับกับริมฝีปากกระจับ มันยิ่งเอื้ออำนวยให้เขาดูออร่าขึ้นมาทันที ยิ่งตอนนี้เพลิงกัลป์ได้นั่งคู่กับเพียงพาย มันทำให้เห็นขนาดร่างกายที่ต่างกันอย่างชัดเจน เจ้าแก้มกลมในวันวานสูงใหญ่กว่าเพียงพายเสียอีก “ช่วงนี้ทำงานหนักเหรอ พักบ้างก็ได้นะ แกจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง” ท่านดนัยแนะ “นอกจากงานผมก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำแล้วครับพ่อ ให้ผมทำงานเถอะ” เพียงพายตอบกลับเสียงเรียบ เขาดูไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่สังเกตจากการตักข้าวนับคำได้ คนบ้างานอย่างเพียงพาย ขาดงานไปก็คงเหมือนขาดใจ เมื่อไหร่ที่เขาอยู่นิ่งความคิดของเขามันฟุ้งซ่าน นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เพียงพายมักจะทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลา “แต่พักบ้างก็ดีนะลูก เดี๋ยวจะล้มป่วยเอา” คุณหญิงณลิลเสริมทัพ โดยที่มีเพลิงกัลป์คอยพยักหน้ารับเห็นด้วย “ครับแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองป่วยแน่นอน” เพียงพายรับคำ เพลิงกัลป์หันมองเพียงพายอย่างสนใจ ดวงตาคู่คมแวววามยามมองกรอบใบหน้าของเพียงพาย สีหน้าดูเฉยชากับแววตาที่เบื่อโลกสะกดสายตาเขาอย่างบอกไม่ถูก “เนี่ย น้องเพลิงเรียนสถาปัตย์ออกแบบภายในปีสามแล้วนะลูก” คุณหญิงณลิลแนะนำอย่างออกหน้าออกตา สายตาปิดไม่มิดเลยว่าเธอปลื้มเพลิงกัลป์เหมือนลูกชายอีกคน “เหรอครับ” เพียงพายแค่ยิ้มรับตามมารยาท ทว่าในใจเขากลับคิดเรื่องอื่นจนตีกันพัลวันไปหมด “ครับ ผมคิดเอาไว้ว่าถ้าจบแล้วจะออกมาเปิดสตูดิโอถ่ายภาพเอง ออกแบบเอง แล้วก็.. น่าจะได้ร่วมงานกับเอเอ็นเอ็นทีด้วยนะครับ” เพลิงกัลป์เล่าไปก็ยิ้มไป ดวงตาหยีลงเป็นสระอิตอนที่กำลังพูดถึงความฝันตัวเอง “ก็ดีแล้ว คิดดีแล้วล่ะ” “ขอบคุณครับ” ประธานหนุ่มเผลอลอบถอนหายใจทิ้ง ก่อนจะกระชับตัวนั่งหลังตรงแล้วระบายยิ้มเย็นเยียบบนใบหน้า “ตกลงวันนี้แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นนัดผมให้กลับมาทานข้าวที่บ้านแล้วก็นัดเพลิงกัลป์มาด้วย” บนโต๊ะอาหารเงียบขึ้นมาทันทีที่เพียงพายเอื้อนเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกไป เขากวาดสายตามองพ่อและแม่ พลางเลิกคิ้วในเชิงถาม เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป คุณหญิงณลิลลอบมองผู้เป็นสามีที่เพยิดหน้าให้เธอพูดได้ตามใจ เพลิงกัลป์เองก็มีส่วนร่วมในบทสนทนาด้วยการพยักหน้ารับเพื่อเปิดทางให้ผู้เป็นแม่เป็นคนบอกกับลูกชายของตนเอง “พายจะว่าอะไรมั้ยลูก ถ้าแม่อยากให้พายแต่งงานกับน้องเพลิง” “.....” “เราทั้งสองครอบครัวก็รู้จักกันมาตั้งนมตั้งนาน พายเองก็ยังไม่ยอมมีแฟนสักที แม่เองก็อยากให้ครอบครัวเราเกี่ยวดองกันเอาไว้ น้องเพลิงเองก็เป็นสายธุรกิจ พายเองก็เหมาะที่จะสอนงานน้องเหมือนกัน” ท่านดนัยพยักหน้ารับเห็นด้วย ซึ่งเพลิงกัลป์เองไม่ได้มีทีท่าตกใจอะไร ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะนั่งคุยเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เหลือแค่เพียงพายที่เพิ่งจะรู้ความจริงเป็นคนสุดท้าย “แม่อยากให้เราสองคนเรียนรู้กันเอาไว้ ยังไงพวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ใช่มั้ยลูก” เพียงพายพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “คุณแพรกับคุณภูเขาก็กังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัทเราน่ะลูก ถ้ามีข่าวดีสักเรื่อง เหล่าผู้ถือหุ้นก็จะยังไว้วางใจเราอยู่” ราชาฉัตรบดินทร์และอธินันท์พันธสกุลขึ้นชื่อในเรื่องความโด่งดังของอสังหาริมทรัพย์กับการส่งออกสินค้าอันดับต้นของประเทศ ทั้งยังเป็นฝ่ายส่งเสริมผลักดันให้เกิดการสมรสเท่าเทียมที่ต้องการให้กฎหมายคุ้มครองสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน แต่ช่วงไตรมาสหลังมานี้อธินันท์พันธสกุลทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณหญิงณลิลเองก็เคยเปรยหลายครั้งว่าอยากจะรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทเอาไว้ให้ได้ ถ้าหากได้ซีบีดีกรุ๊ปเข้ามาช่วยเหลือ เอเอ็นเอ็นทีกรุ๊ปก็จะดูน่าเชื่อไปด้วยเหมือนกัน การแต่งงานในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการพูดคุยระหว่างสองครอบครัว โดยที่ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันตั้งแต่แรกเริ่ม ในสายตาของคุณหญิงณลิลเองก็ปลื้มเพลิงกัลป์เพราะเขาเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายดูแลคนรอบกายเก่ง ถ้าหากได้มาดูแลลูกชายเธอที่เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็คงจะดีไม่น้อยเลย “น้องเพลิงคิดว่ายังไงลูก” คุณหญิงณลิลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนน่าฟัง “ผมไม่ติดอะไรเลยครับคุณป้า” เพลิงกัลป์ตอบกลับแบบแทบไม่ต้องคิด เขาหันมองเพียงพายที่นั่งนิ่งแล้วหุบยิ้มลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่แสดงสีหน้ายินดียินร้ายอะไรออกมาเลย “แล้วพายว่ายังไงลูก ติดขัดตรงไหนหรือเปล่า” เพียงพายส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มให้ผู้เป็นแม่คลายกังวล “ไม่ครับแม่” “แปลว่าเราจะแต่งงานกับน้องเพลิงใช่มั้ย” “ครับ ยังไงเราก็คนกันเอง ผมไม่ติดอะไรเลยครับแม่” สิ้นประโยคนั้นจากที่ทำหน้าหงอยเพลิงกัลป์ถึงได้ยิ้มออกมาได้ เขาดูตื่นเต้นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ รวมถึงทุกคนบนโต๊ะอาหารที่ผ่อนปรนลมหายใจออกมาราวกับว่าโล่งอกที่ได้ยินแบบนั้น “ถ้างั้นแม่จะนัดทานข้าวกับคุณแพรอีกทีนะพาย ลูกเคลียร์วันว่างให้แม่ด้วยนะ” เธอว่าแล้วหันไปยิ้มกับสามี “ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ท่าทางดูสุขุมของเพียงพายมันทำให้คำตอบของเขาดูใจเย็นแล้วก็นิ่งลึกเหมือนทะเลยามไร้คลื่น เพียงพายไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับการแต่งงาน เพราะมองยังไงการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นก็มีแต่จะเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ทั้งสองตระกูล เหมือนดั่งคำสุภาษิตที่ว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อีกอย่างเพียงพายก็เหนื่อยกับการต้องหาใครสักคนมาอยู่ข้างกายในวัยที่ย่างเข้าสามสิบ แล้วก็ต้องทำให้ถูกใจแม่ตัวเอง ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องงานเต็มไปหมด การที่เขาตบปากรับคำอย่างง่ายดายก็เพราะเจ้าไม่คิดที่จะค้นหาคู่ชีวิตในวัยนี้แล้ว เขาขยาดกับความรักรอบที่แล้วจนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเริ่มต้นใหม่กับใครแบบจริงจัง “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมอิ่มแล้ว” พูดจบเพียงพายก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะตวัดสายตามองเพลิงกัลป์ในเชิงให้เขาเดินตามมา เพลิงกัลป์เดินตามเข้าไปในห้องของเพียงพายเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด แค่ตอนนี้ทั้งหน้าตาแล้วก็อายุเพิ่มมากขึ้น พี่ชายในวัยเด็กที่เคยมองก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลารวมถึงความรู้สึกของเพลิงกัลป์เองก็เช่นกัน “อาหารไม่ถูกปากเหรอครับ ทำไมพี่ทานน้อยจัง” “เปล่า” “คุณป้าบอกว่าช่วงนี้พี่ทำงานหนัก วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ ผมมาโดยที่ไม่ได้บอกพี่ก่อนเลย” “ช่างเถอะ” เพียงพายวางสูทลงบนที่นอน พลางเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปาก ปัดเป่าความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาหันกลับมาวางสายตาไว้ที่เพลิงกัลป์ ก่อนจะเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมตามนิสัยของคนตรงไปตรงมา “เรื่องระหว่างเรานายรู้ใช่มั้ยว่าเราขัดใจผู้ใหญ่ไม่ได้” เพียงพายเอ่ยบอก “รู้ครับ” เพลิงกัลป์ขานรับ ถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงนอนเจ้าของห้องแล้วสบตากับเพียงพายไม่ละไปไหน “รู้แล้วก็ดี เพราะงั้นระหว่างเรามันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น นายไม่จำเป็นต้องทำดีกับฉันเหมือนที่ทำกับคนอื่นหรอกนะเพลิงกัลป์” สีหน้าของเพลิงกัลป์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะนั่งเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้พูดอะไร “แล้วพี่ไม่อยากแต่งงานกับผมหรอ แต่ผมอยากแต่งงานกับพี่นะ” เพียงพายเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าเพลิงกัลป์มักจะชอบพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพราะงั้นคราวนี้เขาก็จะไม่ถือความเด็กคนนี้เช่นกัน “การที่ราชาฉัตรบดินทร์ยื่นมือมาช่วยเหลือเราในตอนที่ยากลำบาก ฉันก็ไม่มีข้อโต้แย้งที่จะไม่รับความหวังดีนี้เอาไว้” “สมกับเป็นพี่พายเลยนะครับ เรื่องงานมาที่หนึ่งตลอดเลย” “มีแค่นาย.. จะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ย” “มีอะไรให้ต้องเสียใจครับ ผมแค่ตามใจผู้ใหญ่ท่าน อีกอย่างผมกับพี่ก็รู้จักกันมานานเหมือนที่พวกท่านบอก แล้วผมก็..” “โอเค งั้นก็ดีแล้ว” ไม่ทันได้พูดจบเพียงพายก็แทรกขึ้น ก่อนจะเปรยสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า เน้นย้ำประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจังในสายตาไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย “เพราะฉะนั้นการแต่งงานของเรามันคือธุรกิจ เราสองคนใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่แสดงละครต่อหน้าผู้ใหญ่ให้ท่านวางใจก็พอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD