บทที่ 6
ฟิน
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเธอ เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและแน่นอนว่าเป็นข้อความจากเดฟเขาจะทักหาเธอทุกวันตามเวลาที่เธอเคยบอกไว้
เดฟ: เลิกเรียนแล้วเหรอครับ
วันวานเงยหน้าขึ้นมามองผ่านกระจกใสของร้านกาแฟ เธอเห็นเดฟกำลังยืนอยู่ที่เดิมมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์อีกมือถือกรรไกรตัดผมให้ลูกค้าอย่างใจเย็นแต่เธอเห็นเขากำลังมองมาที่เธอผ่านกระจกภายในร้าน
วันวาน: เลิกแล้วค่ะเลยแอบมาดูผู้ชายทำงาน
เธอมองไปที่ร้านตัดผมอีกครั้งจนเห็นรอยยิ้มของเขาและสายตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมองมาที่เธอก่อนจะเก็บโทรศัพท์เพื่อตัดผมให้ลูกค้าต่อ ในขณะที่เขาตัดผมให้ลูกค้าคนสุดท้ายเขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์บางอย่างอีกครั้ง
เดฟ: รอพี่ก่อนนะครับ คนสุดท้ายแล้ว
วันวาน : ทำไมเหรอคะ
เดฟ : ไปหาข้าวกินกันพี่เลี้ยงเอง
เธอได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองดูแชตการสนทนาของเธอกับเขาอีกครั้งเขาชวนเธอไปกินข้าว ให้ตายเถอะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาชวนเธอ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนรู้ตัวอีกทีเดฟก็เริ่มเก็บของเพื่อปิดร้านแล้ว
หัวใจของวันวานเริ่มเต้นตึกตักทั้งตื่นเต้นทั้งแอบกังวลเพราะเธอกลัวว่านิสัยของเธอจะไม่ถูกใจเขา เธอหันกลับไปมองเขาอีกครั้งตอนนี้เขากำลังพลิกป้ายปิดร้านแล้วล็อกประตูก่อนจะเดินตรงมาหาเธอที่ร้านกาแฟ
“ไปหาข้าวกินกัน”
“ฮะ” วันวานอึ้งไปชั่วขณะมองหน้าเขาให้ชัด ๆ อีกครั้งยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งตะลึงในความหล่อของเขา คนอะไรขาวเหมือนไม่เคยโดนแดดชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรชาตินี้เธอจะได้ซื้อไปถวายวัดบ้าง
“หนูไม่หิวเหรอ พี่หิวมากกลับมายังไม่ได้กินอะไรเลย”
“หิวค่ะ” เธอตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำจนถูกมือหนาของเขายีหัวเบา ๆ
ทั้งสองเดินข้ามมายังร้านอาหารตามสั่งง่าย ๆ ปกติแล้วเธอก็เป็นคนทานอะไรก็ได้ไม่เรื่องมาก เดฟสั่งอาหารเสร็จเขาก็กลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมแก้วน้ำของเขากับเธอ
“อยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป”
“อืม... ไม่ค่ะ”
“หึหึ กลัวเหรอครับ” เดฟพูดติดตลกแต่วันวานยังแอบเกร็งเธอไม่คุ้นชินแม้จะคุยกันมาสักพักแล้วแต่จะให้เธอไปไหนมาไหนกับเขาเธอก็แอบกลัวอยู่ลึก ๆ สมัยนี้ไว้ใจใครได้เสียเมื่อไหร่
“เปล๊า” เธอตอบเสียงสูงแถมยังเก็บรอยยิ้มเอาไว้ในใจ
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านคืนนี้หนูจะเล่นเกมไหมครับ”
“คืนนี้หนูต้องอ่านหนังสือค่ะ คงไม่ได้เล่นช่วงนี้ใกล้สอบแล้วด้วย”
“โอเคอ่านหนังสือทำอะไรเสร็จก็ทักมานะเดี๋ยวพี่เล่นเกมกับเพื่อนรอ”
“โอเคค่ะ^^”
เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์บิกไบค์ดับลงหน้าบ้านของวันวาน เธอค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อกส่งคืนให้เขาที่ยังนั่งคร่อมรถอยู่ เดฟไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้ารับแล้วรอให้เธอเดินเข้าบ้าน
“พี่กลับเลยสิ”
“หนูก็เข้าบ้านสิ ล็อกประตูดี ๆ ด้วยนะ” เสียงของเขาดูอบอุ่นดูอ่อนโยนมันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้ง
เธอเม้มปากพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังมาเปิดประตูบ้านโดยมีสายตาของเดฟคอยมองอยู่ตลอดเวลา เมื่อประตูบ้านเปิดออกเธออดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง
เขายังคงนั่งอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ มือข้างนึงจับแฮนด์รถอีกมือยกขึ้นเสยผมลวก ๆ ใบหน้าของเขาเวลานิ่งก็ดูเคร่งขรึมดูหน้าค้นหาแต่ดวงตาของเขามันดูอบอุ่นจนเธอรู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สบตากับเขา เมื่อเขาเห็นเธอปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้วเสียงสตาร์ทรถก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พี่กลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ”
“ครับ หนูก็รีบเข้าบ้านล่ะไม่ต้องออกไปไหนอยากได้อะไรเดี๋ยวพี่ซื้อมาส่ง”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณนะคะแต่วันนี้หนูอิ่มมากเลยไว้วันหลังจะไปเกาะพี่กินอีกนะ”
“ได้นะ พี่เลี้ยงไหวขอแค่อย่ากินเยอะเกินค่าแรงก็พอ ฮ่าา”
“แรงมากกก หนูกินน้อยกินนิดเดียวเองนะ” ทั้งสองหัวเราะลั่นจนเดฟขับรถออกไปวันวานก็รีบเดินยิ้มเข้าบ้านไม่สนสายตาของพ่อกับแม่ที่นั่งมองอยู่กลางบ้านเลย
ถึงเวลาที่วันวานต้องอ่านหนังสือสมาธิของเธอมันแทบไม่มีเลยรอยยิ้ม เสียงพูด เสียงหัวเราะแม้แต่กลิ่นน้ำหอมของเขามันวนเวียนอยู่ในหัวจนเธอต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแชตของเขาส่องเฟซดูว่าเขาจะอัปเดตอะไรไหมแต่เขาไม่อัปเดตอะไรเลยนอกจากส่งเพลงมาให้เธอเปิดฟังเวลาอ่านหนังสือ เธอพยายามตั้งใจอ่านหนังสืออีกครั้งแต่มันกลับไม่มีสมาธิเลย
“บ้าจริง ฉันเป็นอะไรเนี่ย”
วันวานขยี้หัวตัวเองเบา ๆ พยายามสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแต่ก็ไม่เป็นผลจนต้องหยิบโทรศัพท์มาเปิดแชตของเขาแล้วส่งอิโมจิแมวน้อยไป ทันทีที่เธอส่งไปเดฟก็รีบเปิดอ่านทันที
เดฟ : อ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอหนู
วันวาน : ยังเลยค่ะ
เดฟ: ทำไมล่ะ อ่านไม่รู้เรื่องเหรอ
วันวาน : ใช่ค่ะ ไม่มีสมาธิเลย
เดฟ : ให้พี่ช่วยติวไหมล่ะ
วันวานจ้องมองข้อความนั้นอีกครั้งเขาจะติวให้เธอจริง ๆ หรือแกล้งเธอกันแน่ บ้าจริงทำไมถึงได้ทำให้เธอใจสั่นอยู่เรื่อยเลยนะ
------------------------------
โอ๊ยยย เป็นไรท์ก็ไม่มีสมาธิค่าาา