ความเดิม- "พ่อคร้าบ../นี่ฝีมือเธอใช่มั๊ยยัยจิ รีบคาบข่าวมาบอกเชียวนะ" ธันทรโอดโอยกับบิดาแล้วหันไปประท้วงน้องสาวอย่างไม่จริงจัง
……………………………………
"เรื่องมันเป็นไงมาไง เล่าให้พ่อฟังได้มั๊ย แล้วเด็กนั่นรูปร่างหน้าตานิสัยใจคอเป็นยังไง พามาให้พ่อกับแม่ดูหน่อยได้มั๊ยล่ะ" คุณธนาซักลูกชายเป็นการใหญ่ต่างกับคุณนายจันทราที่ได้แต่นั่งยิ้มมองคนโน้นคนนี้ที
"หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ แต่ไม่มีหน้าตรงนะครับ คือผมแอบถ่าย" ธันทรเปิดรูปที่แอบถ่ายจากโทรศัพท์มือถือของตนให้บิดาดู
ด้านธนานำโทรศัพท์ของลูกชายมาดูใกล้อย่างพิจารณาและยื่นให้ภรรยาดูบ้าง
"คุณดูซิ ดูมีออร่านะ" คุณธนาชี้ชวนให้ภรรยาดูรูปหญิงสาวที่ลูกชายยอมหมอบราบคาบแก้วให้
"ไหน ๆ ดูซิ๊" คุณนายจันทราเพ่งมองดูรูปถ่ายแล้วรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแต่นึกไม่ออกได้แต่ขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว
"มีอะไรให้คิดนักหนาหรือคุณนายจันทรา ทำไมขมวดคิ้วนานจัง เดี๋ยวก็หน้ายับหรอก ไม่ใช่สาว ๆ แล้วนะ เดี๋ยวก็ต้องไปจิ้มโบใหม่หรอก" คุณธนาพูดหยอกล้อภรรยาแต่อีกคนไม่ขำด้วย
"คุณ ฉั๊นว่าฉั๊นคุ้นหน้าแม่หนูคนนี้อยู่นะแต่ก็มั่นใจว่าไม่เคยพบไม่เคยรู้จักแม่หนูนี่นะคุณ ยิ่งดูก็ยิ่งคุ้น/พ่อธันพามาให้แม่รู้จักหน่อยซิ แม่อยากเห็นตัวจริง แล้วก็อยากคุยด้วยสักหน่อยเผื่อจะทำให้แม่นึกอะไรออก" ประโยคแรกคุณนายจันทรารำพึงรำพันกับสามีแล้วหันไปคุยกับลูกชายของเธอ
"โห…อันนั้นยากมากครับ คือน้องยังไม่รู้ตัวเลย หรือรู้ก็ไม่ค่อยจะญาติดีด้วยเท่าไรคงแค้นผมไปแล้วมั๊งครับ" ธันทรได้แต่ตัดพ้อ
"เอาน่า เดี๋ยวน้องช่วยอีกแรง อย่าลืมซิ่ว่ามานิดายังทำงานพิเศษที่คลินิกของน้องอยู่" ธันจิราพูดอย่างให้กำลังใจพี่ชาย
"แต่พี่ชายของมานิดานี่ซิคอยวางกล้ามใส่พี่ตลอดเลย กันไม่ให้เข้าใกล้น้องสาวได้เลย ส่วนมานิดาก็หลบอยู่หลังพี่ชายแจเลย" ธันทรยังบ่นต่อ
ด้านคุณนายจันทราผลุนผลันลุกขึ้นทำเอาผู้ร่วมสนทนาถึงกับตกอกตกใจไปตาม ๆ กัน
"เป็นอะไรไปคุณนายจันทรา อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นนึกว่าผีเข้า" คุณธนาสัพยอกภรรยาขำ ๆ
"คุณก็อย่าพูดไป ฉั๊นนึกออกแล้ว เฟรนชิพ ๆ เดี๋ยวนะ รอเดี๋ยว ฉั๊นมีอะไรให้คุณดู" ว่าแล้วคุณนายจันทราก็เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านและหายไปพักใหญ่
ด้านธันทรและธันจิราได้แต่งงงันไปตาม ๆ กัน
"อะไรเหรอคะคุณพ่อ คุณแม่ทำยังกับว่านึกอะไรได้อย่างนั้นแหละค่ะ" ธันจิราเอ่ยอย่างคาดเดาไปตามรูปการณ์
"เดี๋ยวก็รู้ นู่นลงมานู่นแล้ว ลองถามดูซิ่" คุณธนาพูดยิ้ม ๆ แล้วนั่งเงียบ ๆ อย่างผู้ฟังที่ดี
"นี่ไงคุณ หน้าตาแม่หนูเหมือนเพื่อนรุ่นน้องของอิฉั๊นเองนี่ไง ตั้งแต่สมัยอยู่เชียงรายน่ะ นี่ไงคุณ เหมือนกันมั๊ย" คุณนายจันทรานำรูปของเพื่อนสาวรุ่นน้องที่รักเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดของตนเองให้สามีดู
"หรือจะเป็นพรหมลิขิตที่เราตามหา/หรือลูกว่าไงนายธันพอจะหาคำตอบให้คุณนายแม่ของนายได้มั๊ยล่ะ ไม่แน่น๊าไอ้ที่ว่ายากอาจจะเป็นง่ายขึ้นมาก็เป็นได้" คุณธนาพูดยิ้ม ๆ
"ผมต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดีครับคุณพ่อ" ธันทรเอ่ยถามอย่างคนจับต้นชนปลายไม่ถูก
"น้องนึกออกแล้วค่ะพี่ธัน น้องมีแฟ้มประวัติของมานิดาอยู่ค่ะในใบสมัครมีชื่อพ่อชื่อแม่ไงคะ เดี๋ยวนะคะรู้สึกว่าจะถือติดมือมาไว้ที่บ้านอยู่ค่ะ เดี๋ยวสักครู่นะคะ" ธันจิราว่าแล้วก็รีบสับเท้าขึ้นชั้นบนไป
ส่วนคนที่เหลือได้แต่นั่งลุ้นแทบกลั้นใจรอ สักพักหญิงสาวก็ลงมาพร้อมกับแฟ้มสีสวย
"นี่ค่ะประวัติในใบสมัครของมานิดา ในประวัติบอกว่า พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้วนะคะ ชื่อพ่อ ชื่อนายมานะ วรรณวัฒน์ ชื่อแม่ชื่อนางพนิดา วรรณวัฒน์ พอจะคุ้นมั๊ยคะคุณแม่" ธันจิราเอ่ยถามมารดาพร้อมกับลุ้นจนตัวโก่ง
"ไม่รู้ซิ่ ชื่อพนิดาน่ะใช่ แต่นามสกุลน่ะไม่ใช่ ยัยนิ น่ะ นามสกุล เวียงวงค์ ก็ไม่รู้ว่าจะใช่คนเดียวกันหรือเปล่าน่ะซิคุณ ฉั๊นไม่อยากจะเชื่อเลย…. นี่น้องตายไปแล้วเหรอคุณ วันนั้นฉั๊นไม่น่าปล่อยน้องไปเลย..ถ้าฉั๊นยืนกรานปกป้องน้องให้มากกว่านี้..ฮึ่ก..ฉันยังเสียใจจนถึงทุกวันนี้อยู่เลยนะคุณ จนวันที่ฉั๊นได้เข้ามาเรียนที่ตัวเมืองเชียงใหม่ฉั๊นก็ไม่ได้ข่าวยัยนิอีกเลยตอนนั้นน้องเพิ่งจบประถมเอง…" คุณนายจันทราได้แต่เงยหน้าอย่างคิดคำนึงแต่ปรากฎหยาดน้ำใส ๆ ที่ไหลออกทางหางตา เธอรู้สึกปวดร้าวทุกครั้งที่คิดถึงมัน
"เอาน่าคุณ ไม่แน่ว่าสิ่งที่คุณพยายามตามหาอาจจะเจอแล้วก็ได้นะ" คุณธนาได้ปลอบใจภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างเข้าใจหัวอก
ตัดมาที่ธันทร
"พี่ว่าพี่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วหละ จิรา"
"พี่ธันจะทำอะไรเหรอคะ"
"พี่ว่าพี่จะสืบประวัติของแม่ของมานิดาดู พี่พอจะมีเพื่อนฝูงที่พอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง"
"เอางั้นเลยเหรอคะพี่ธัน…เอ้า..เอาก็เอาค่ะหนูเอาใจช่วย/แต่หนูขอถามคุณแม่หน่อยนะคะ..ว่าถ้าผลการสืบออกมาแล้วว่ามานิดาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันกับเพื่อนในวัยเด็กของคุณแม่เลยคุณแม่ยังจะสนใจมานิดาอยู่หรือเปล่าคะ" ประโยคแรกธันจิราอือออกับพี่ชาย ประโยคหลังเธอเอ่ยถามมารดาในข้อที่ยังค้างคาใจของเธออยู่
"มันคนละส่วนกันลูก แต่ข้างในนี้ของแม่มันบอกว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ ไม่รู้ซิ ทันทีที่เห็นหน้าแม่หนูนี่แม่ก็คิดถึงยัยนิขึ้นมาจับใจเลย แม่อธิบายไม่ถูกเลยลูก" นางจันทราได้แต่รำพึงรำพันจนคนฟังคล้อยตามไปด้วย