ตอนที่5.ปลายทางไร่ตะวันวาด

1362 Words
@ S P คอนโด เช้าของวันอาทิตย์ วันนี้เป็นวันที่ทอตะวันต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดแล้ว หลังจากงานเลี้ยงส่งเมื่อคืนวันศุกร์อันหนักหน่วง เมื่อวานหญิงสาวก็ได้พักผ่อนเต็มที่พร้อมกับเก็บเสื้อผ้าที่นำกลับไปด้วย คร่าวๆ ก็จะเป็นกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่และของใช้ส่วนตัวอีก1ใบ ทีเหลือเป็นชุดที่ไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านไร่ได้ถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี ฝากไว้กับเหนือเมฆก่อน เก็บของเสร็จแล้วยังอ้อยอิ่งนั่งบนเตียงยังไม่อยากไปในทันที คอนโดนี้เป็นความทรงจำที่ดีเปรียบได้กับบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้ ทุกที่ทุกตารางนิ้วเธอรู้จักเป็นอย่างดี คิดถึงวันฝนตกที่ระเบียงด้านหลัง ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมด ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก..เสียงเคาะประตูพอเป็นพิธีแล้วเปิดเข้ามาเช่นเคย น้องชายตัวแสบจะใครซะอีก "พร้อมหรือยังครับพี่ตะวัน เดี๋ยวถึงบ้านสายนะ" เหนือเมฆเดินมาแล้วนั่งแปะที่ปลายเตียงเคียงข้างกับพี่สาว แล้วใช้มือขวาโอบไหล่ของพี่สาว "อยู่คนเดียว ผมคงเหงาแย่เลย" ชายหนุ่มสีหน้าเศร้าสร้อย "ต่อไปนี้ต้องกินข้าวคนเดียว ไม่รู้จะทำกับข้าวให้ใครกิน" "อย่ามาทำเป็นอ้อนพี่หน่อยเลย" แล้วใช้มือขยี้ผมนุ่มของน้องชาย มองดูแล้วน่ารักจังเลย น้องชายเรานี่นะ "อีกหน่อยพี่ไม่อยู่ ก็พาสาวมาแล้ว" "ไม่มีอ่ะ ผมรับประกัน" "เนื้อคู่ผมยังไม่เกิดคร้าบ หรือเกิดแล้วแต่อาจจะอยู่ไกล" แล้วทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว ชายหนุ่มหันมองดูนาฬิกาติดผนังบอกเวลา 9.โมงเช้าแล้ว จึงชักชวนกันขนกระเป๋าใส่ท้ายรถพร้อมที่จะออกเดินทาง เมื่อถึงเวลาจากไปจริงๆ ใจก็รู้สึกหวิวๆ อยู่บ้าง น้องชายที่รัก หญิงสาวสวมกอดน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย "อยู่คนเดียวแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ" น้ำตาซึมนิดๆ ตัดใจเดินขึ้นรถ จากนั้นหญิงสาวก็สตาร์ทรถมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ ปลายทางปากช่อง นครราชสีมา วันนี้เป็นวันอาทิตย์บนท้องถนนค่อนข้างโล่ง ขับสบายๆ ทางผ่านได้แวะซื้อกระหรี่ปั๊บจ้าวดังของสระบุรี ฝากพ่อกับแม่ ป้าเพ็ญ และคนงานอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนตัวของหญิงสาวแล้วชอบรสไส้ไก่มากจึงซื้อไปมากหน่อยพ่อกับแม่และป้าเพ็ญเป็นไส้หมูเห็ดหอม เมื่อชอปปิงจนจุใจแล้ว จึงออกจากสระบุรีมุ่งหน้าสู่ปากช่องและที่ขาดไม่ได้เลยทางผ่านแวะกินสเต็กที่ฟาร์มโชคชัยสักมื้อ เรียกได้ว่าหลงใหลในรสชาติของสเต็กมากๆ จนบางครั้งอยากเปิดร้านเป็นของตนเองบ้างคงจะดี ครืด ครืด...เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น ทอตะวันกดรับที่หน้าจอแอลอีดี ทำให้เสียงเพลงหยุดลง เหนือเมฆ: ฮัลโหล ถึงไหนแล้วครับ? ทอตะวัน: ใกล้ถึงแล้วตอนนี้อยู่หน้าบ้านป้าเพ็ญ เหนือเมฆ: เคร... ถึงบ้านแล้วโทรหาเมฆด้วยน้า ทอตะวันกดวางสายทันที เมื่อมีสายเข้ามาอีกหนึ่งสาย แม่โทรมา ทอตะวันรับสาย ทอตะวัน:ค่ะ... แม่ แม่: ถึงไหนแล้วลูก? ทอตะวัน:ใกล้..แล้วค่ะ เลยบ้านป้าเพ็ญมาแล้วค่ะ อีกห้านาทีถึงบ้านค่ะ แม่: ตอนนี้แม่กับพ่อไม่อยู่บ้านเข้าไร่ไปอ่างเก็บน้ำ ให้คนงานดักกุ้งเย็นนี้แม่จะทำต้มยำกุ้งนข้นของโปรดของหนู" ทอตะวัน: ค่ะ... แม่ แม่: โมโม รอหนูอยู่ที่บ้านนะ ทอตะวัน: แล้วเจอกันค่ะแม่ บทสนทนาจบแล้วทอตะวันจึงกดวางสาย เสียงเพลงสากลคุ้นหูจึงทำงานต่อ โมโมเป็นคนงานอายุ20ปี คนงานพม่าที่มาพร้อมกับครอบครัวหน้าตาสะอาดสะอ้าน อัธยาศัยดี ขยัน แม่จึงให้มาช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ @ ไร่ตะวันวาด บ้านของทอตะวันเป็นบ้านไม้เล่นระดับตกแต่งภายในเรียบๆ สบายตา เน้นแสงจากธรรมชาติสาดส่องเพื่อประหยัดพลังงาน ผสมผสานระหว่างงานไม้และกระจกได้อย่างลงตัว เพื่อให้เห็นสีเขียวของต้นไม้จากด้านนอก บนชั้นสองของตัวบ้านมีระเบียงไม้ให้ออกมาเดินสูดอากาศทั้งยามเช้าและยามเย็น เป็นมุมที่หญิงสาวชอบมากที่สุด ถึงบ้านแล้วทอตะวันนำรถเข้าจอดที่โรงรถ มองหาคนช่วยขนกระเป๋าเข้าบ้านก็เหลือบสายตาเห็นคนงานชายกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาทางนี้พอดี จึงเดินออกไ โบกรถด้วยท่าทีกระตือรือร้น "จอด จอด" หญิงสาวกวักมือเรียก คนงานจำเป็นไม่มีทางเลี่ยงได้ จึงหยุดรถแล้วเดินตามหญิงสาวไปอย่างเสียไม่ได้ ความรู้สึกเขาตอนนี้ ท้องมันแสบๆ พิกล เที่ยงครึ่งแล้ว แต่ก็ใจแข็งเดินแบบแมนๆ ตามหญิงสาวไปเก็บอาการไว้สุดฤทธิ์ สายตาคมภายใต้หมวกใบใหญ่แล้วยังมีไอ้โม่งปิดบังใบหน้าใส่เสื้อแขนยาวขายาวรัดกุม รูปร่างสูงใหญ่ เห็นหญิงสาวผิวขาวผุดผ่อง จมูก คิ้ว ปาก เครื่องหน้าได้มาจากคุณน้าตะวันวาด ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยให้ยาวสลวยรับกับใบหน้าช่วงขาเรียวยาวเพราะวันนี้เธอใส่ยีนส์ขาสั้นแบบทันสมัย ที่สาวๆ เขานิยมกัน แฟชั่นดารา...... ขณะกำลังมองขา ขาวๆ ของหญิงสาวเพลินๆ อยู่นั้น ทอตะวันกวักมือเรียก " นี่ ...นาย มาฉันช่วยยกกระเป๋าเข้าบ้านหน่อย" "อยู่ในรถอีก สอง สาม ใบ" "เร็วๆ หน่อย ฉันร้อน!" เสียงหวานสั่งการด้วยความร้อนใจ เขาที่กำลังรอคำสั่ง "อ๋อ...ได้ครับ ได้ครับคุณหนู จะรีบเดี๋ยวนี้แหละ" ถ้าไม่มีหมวกปิดบังใบหน้าจะเห็น แววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเขาด้วยความหิว... แม่คุ๊น....สั่งอย่างเดียวเลย เขาขนกระเป๋าไปแล้วหลายใบแต่ยัยคุณหนูยังเอาแต่ยืนมอง มันเอาเปรียบกันเกินไปแล้วระหว่างที่กำลังจะขนอีกครั้งจึงอดไม่ได้ที่จะต่อว่า.. " คุณ...ก็ช่วยกันสิ อย่าเอาแต่ชี้นิ้วสั่งจะได้เสร็จเร็วๆ" เขาบ่นงึมงำด้วยความโมโหหิว แม่คุณเอ๊ย! จะขนอะไรมาเยอะแยะ ใบใหญ่ใบโต เขาบ่นงึมงำในใจ ทอตะวันที่ยืนเท้าสะเอวมองเขาจึงพูดว่า "ก็ได้ ก็ได้ แค่ขนกระเป๋าไม่กี่ใบบ่นอยู่ได้" หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดแล้วเดินไปช่วยขนของอย่างเร็วกลัวนายคนงานจะว่าเอาอีก เมื่อของทุกอย่างถูกขนมากองไว้กลางบ้านหมดแล้วอย่างกับพายุพัด "นี่ .... นายอยู่แผนกไหนน่ะชื่ออะไร เดี๋ยวสิ้นเดือนจ่ายโอทีให้" "โอ๊ย! วินาทีนี้ผมไม่อยากได้หรอกครับโอที" "คุณดูเวลาซิ นี่มันกี่โมง กี่ยามแล้วเวลากินข้าวใช่ไหมคนงานเขาต้องพักตรงเวลา " "ทำงานก็ตรงเวลาไม่งั้นเจ้านายหักเงินอีก" ชายหนุ่มหิวจนตาลาย "จะเดินตอนนี้ยังไม่มีแรงเลย ท้องนี้แสบไปหมด โรคกระเพาะผมยังไม่หายดี"แล้วใช้มือกุมท้องแล้วตรงไปรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ "เหรอ....ฉันขอโทษ" แล้วหญิงสาวก็หยิบขนมยื่นใส่มือไป 1 กล่อง ชายหนุ่มแม้จะโมโหแต่ก็ยื่นมือรับมาแล้วกำลังจะจากไป "เดี๋ยวฉันให้แม่บ้านหาข้าวให้กินละกันนะ" แล้วหันไปกำลังเรียก โม ..... "โม โม" คนงานโบกมือลา "โอ๊ย...ผมไม่รบกวนคุณหนูหรอก เดี๋ยวไปกินผัดกระเพราร้านปากซอย" ก็ยังดียังมีน้ำใจอยู่นิดนึงนะ จากนั้นเขารีบเบิ่งมอเตอร์ไซค์ไปอย่างเร็ว ทอตะวันเมื่อเห็นเขาไปแล้วด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวก็ขอพักสักครู่ให้คลายร้อน โดยมีโมโมรับอาสาขนของขึ้นชั้นสองและแล้วจากนั้นข้าวของกระเป๋าเดินทางก็สลายไปในพริบตา หญิงสาวก็นอนตากแอร์อย่างสบายใจภายในห้องรับแขกนอนเหยียดยาวบนโซฟาตัวใหญ่ด้วยท่าทางสบายเป็นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD