ยามบ่ายในวันพักผ่อนของหมอยันต์หนุ่มนั้นปกติเงียบสงบ วันนี้ก็เช่นกัน ผิดแผกจากเก่าเพียงชีวิตของเขามีสาวน้อยอีกคนมาอยู่ใกล้ ๆ
กันภัยมองสาวน้อยที่อยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกันกับเขามาร่วมเดือนกวาดชานเรือนด้วยความพิศวง เธอมาถึงเรือนของเขาด้วยอาการอิดโรยและใบหน้าอมทุกข์ ผ่านมาเพียงไม่นานตอนนี้เธอดูเปล่งปลั่ง หัวเราะง่ายขึ้นกับเรื่องเล็กน้อย แม้เพียงไอ้แก้วไอ้ทองหัวเราะ เธอก็หัวเราะตามอย่างง่ายดาย พอพวกมันชักชวนให้เธอร้องรำทำเพลงเธอก็ทำตามด้วยความเต็มใจ
ลืมไปหมดแล้วมั้งว่ามาสักยันต์กันผี นี่กูให้อยู่ง่าย กินง่ายเกินไปหรือเปล่าวะ? เลี้ยงจนยัยลูกลิงรุ่งริ่งกลายเป็นพญาวานร กระโดดโลดเต้นไปทั่วเรือนกูแล้วเนี่ย แต่... ดู ๆ ไปก็เพลินตาดี ไม่เหงา เหมือนตอนไอ้เกมแอบมาเล่นในบ้าน น่ารักดี
กันภัยคิดก่อนจะตะโกนเรียกเธอจากหน้าต่างห้องลงยันต์ชั้นสอง
“ลูกลิง อากาศร้อน กูอยากกินอะไรเย็น ๆ เอาตะลิงปลิงลอยแก้วในช่องแช่แข็งออกมากินหน่อยสิ เอามาสองถ้วยเลย ของกูถ้วยหนึ่ง ของมึงถ้วยหนึ่ง”
“ค่ะ หมอกันภัย!” มิลาดาหันมายิ้มให้เขาตาหยี วิ่งไปเก็บไม้กวาดแล้วหายเข้าไปในส่วนครัวใต้ถุนเรือนก่อนที่เพียงครู่เดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้ากันภัยพร้อมกับถ้วยตะลิงปลิงลอยแก้วสองถ้วย
“ร้อนไหม?” กันภัยยื่นมือไปรับของหวานที่มีน้ำแข็งลอยเป็นวุ้นอยู่จากมือของมิลาดาพร้อมกับถามเธอ น้ำเสียงแม้แข็งกร้าวแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย
“นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบแล้วนั่งลงข้าง ๆ เขาตรงตั่งข้างหน้าต่าง รับลมเย็นที่โชยเข้ามา
“ติดแอร์ดีไหม?” เขาถามสั้น ๆ แล้วตักตะลิงปลิงที่ผ่าครึ่งซีกและผ่านการลอยแก้วเข้าปากเคี้ยว
“พ่อจะติดแอร์เหรอจ๊ะ?” เสียงกุมารแก้วกล้าดังลอยขึ้นมาก่อนที่จะมีคนเห็นตัวมันเสียอีก
“เย้! พ่อจะติดแอร์” เสียงกุมารทองแท่งดังขึ้นมาบ้าง
“พวกมึงออกไปให้หมด กูจะคุยกับแม่มึง ห้ามเข้ามาในห้อง” กันภัยออกเสียงไล่สองกุมารผู้ซุกซนก่อนที่พวกมันจะปรากฏตัว
แม่ง! เพิ่งรู้ว่าเลี้ยงกุมารทำให้ชีวิตไม่มีความเป็นส่วนตัวก็วันนี้แหละ สงสัยต้องอบรมสั่งสอนไอ้แก้วไอ้ทองชุดใหญ่ ให้มันรู้เสียบ้างว่าเวลาผู้ใหญ่เขาคุยกันอย่าเข้ามาสอด
กันภัยคิดก่อนจะถามมิลาดาซ้ำคำถามเดิม
“ว่าไง? อยากให้ติดแอร์ไหม?”
“หนูก็ร้อนค่ะ ติดก็ดี แต่ความจริงหมอกันภัยน่าจะร้อนกว่าหรือเปล่า? ถึงจะเห็นแก้เสื้อ นุ่งแค่ผ้าขาวม้า แต่มีหนวดมีเคราแบบนี้ ไม่ร้อนหน้าแย่เหรอคะ?” มิลาดาถาม กินไปด้วยพยักพเยิดไปทางใบหน้าหล่อที่มีเคราครึ้มขึ้นอยู่ด้วย
“ก็ร้อนนิดหน่อย แต่ขี้เกียจโกน” เขาตอบสั้น ๆ แล้วยักไหล่
“ถ้าขี้เกียจ หนูโกนให้ก็ได้นะคะ หนูไม่เคยโกนหนวดให้ใคร แต่หนูว่าหนูทำได้ ถ้าหมอโกนหนวดคงรูปหล่อ หน้าใสกิ๊ง เหมือนพวกดาราแน่ ๆ เลย ขนาดมีหนวดยังหล่อเลยค่ะ” มิลาดาพูดไปหัวเราะไป
“ผู้หญิงอะไรน่าไม่อาย ชมผู้ชายต่อหน้าไม่มีเก้อเขิน ทีตอนแรกเจอกันแค่เจอลูกค้าขึ้นควบกูก็หน้าแดงแล้ว มึงแอบชอบกูหรือยังไง? คำก็ว่ากูหล่อ สองคำก็ว่าหล่อ” กันภัยที่ในใจเกิดเต้นเร็วขึ้นมาหลายจังหวะจากคำชมของสาวน้อยแสร้งทำเสียงเรียบแล้วต่อว่าเธอ
“ชอบอะไรกันคะ หนูแค่พูดตามจริง เหมือนเห็นหมาน่ารักก็ต้องว่ามันน่ารัก ดอกไม้สวยก็ต้องว่ามันสวย หมอกันภัยหล่อ หนูก็ต้องว่าหล่อ” มิลาดาพูดแล้วยักไหล่
“มึงนี่มัน... มาตอนแรกยังดูเกรงอกเกรงใจ ดูเป็นคนขี้กลัว กลัวผีจนหัวหด แต่ตอนนี้พูดจาเจื้อยแจ้วจริงนะมึง” กันภัยตั้งข้อสังเกต เป็นข้อสังเกตที่มิลาดาต้องขมวดคิ้วแล้วคิดทบทวนตามคำเขา
“อืม... น่าจะจริงเหมือนที่หมอว่าค่ะ ความจริงหนูออกจะร่าเริง ตอนเด็ก ๆ สมัยเรียนมัธยมเพื่อนเพียบ นี่ถ้าไม่เจอไอ้ผีบ้านั่นก่อกวนจนจิตตก ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าออกไปโน่นไปนี่กับเพื่อน ป่านนี้หนูคงเป็นเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต แต่จะว่าไปหนูว่าชีวิตตอนนี้หนูก็ดี๊ดีนะคะ บ้านดี ๆ ก็มีให้อยู่ ข้าวอร่อย ๆ ก็มีให้กินทุกมื้อ มีแก้วมีทองเป็นเพื่อน ที่สำคัญเพราะมีหมอกันภัยเขียนยันต์แปะไว้หน้าห้อง ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาร่วมเดือนหนูยังไม่เคยโดนผีอำเลยค่ะ เสียอย่างเดียว คิดถึงยายเม่นจัง” มิลาดาพูดยาว
“ยายเม่นของมึงหรือ? คนที่รู้ว่ากูชื่อกันภัย?”
“ใช่ค่ะ ยายเม่นของหนู แต่ถ้ายายมาเห็นหมอ ยายต้องตกใจหน้าหมอกันภัยแน่ค่ะ หล่อนะ แต่หนวดเครารุงรัง ไม่ไหว ไม่ไหว เหมือนโจรป่ามากกว่าหมอยันต์” มิลาดาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ล้อเลียนกันภัยก่อนจะลุกขึ้นเก็บถ้วยของหวานที่ทั้งเขาและเธอกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“นังลูกลิง นี่มึงว่ากูเหรอ?” เขาถามสาวน้อยเสียงเข้มแต่สีหน้ากลับไม่ได้ขึงขังจริงจัง
“พ่อ! พ่อ! อย่าเพิ่งจู๋จี๋กับแม่! มีคนมาหา” เสียงทองแท่งดังขึ้นจากภายนอกห้องเนื่องจากก่อนหน้านี้พ่อสั่งไว้ว่าไม่ให้เข้าห้อง
“จู๋จี๋พ่อมึงเหรอ ไอ้ทอง? กูกำลังจะด่านังลูกลิง ว่าแต่ใครมาหากูวะ? วันนี้เป็นวันพักผ่อน กูไม่ได้นัดใครมาลงยันต์” กันภัยถามกุมารด้วยความสงสัย
“ก็คนคุ้นเคยแหละจ้ะพ่อ แต่ไม่รู้พ่อยังอยากจะคุ้นเคยอีกหรือเปล่า” เสียงแก้วกล้าดังขึ้นตาม
“ใครวะ? บอกมา ลีลาฉิบหาย” กันภัยลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตูพร้อมสบถไปด้วย
หมอยันต์หนุ่มเดินออกจากห้องลงยันต์ แต่พอเดินไปยังไม่ถึงบันไดเรือนดีก็ต้องหยุดอยู่ตรงนั้นเพราะผู้มาเยือนยืนอยู่ที่หัวบันไดรอแล้ว
“สรุปใครมาหาคะหมอ?” มิลาดาที่เดินตามหลังเขามาถามแล้วมองตามสายตาของกันภัยที่ทอดลงไปยังผู้ที่อยู่เบื้องล่าง
แขกของบ้านยาตราศาสตร์เป็นหญิงสาวสวย ผิวขาวสว่าง ใบหน้าเล็กเรียว ผมยาวเหยียดตรงประบ่า จมูกโด่ง ตาคม หน้าตาสะสวย รูปร่างสูงระหง อายุอานามน่าจะอยู่ที่ 20 ปลาย ๆ และตอนนี้แขกคนนั้นก็กำลังช้อนตามองกันภัยด้วยแววตาที่มีน้ำตาเคลือบอยู่
“อุ๊ย! แขกหมอสวยจังค่ะ สวยกว่ายัยริก้าที่เคยนั่งควบหมอกันภัยอีก คนนั้นก็สวย แต่สวยแบบศัลยกรรมอะ คนนี้สวยแบบจับใจ” มิลาดาจ้องมองผู้มาเยือนแล้วบอกกันภัย เสียงดังฟังชัดพอที่จะทำให้หญิงสาวเบื้องล่างได้ยิน
“มึงก็สวย แค่กูไม่ชม ใช่ว่ามึงจะไม่สวย อย่าชมแต่คนอื่นสวย หัดดูตัวเองเสียบ้าง” กันภัยพูดดังกว่ามิลาดาแล้วหันมามองเธอเหมือนจะไม่อยากมองหน้าแขกผู้มาเยือนเท่าไหร่นัก
“นั่นใครคะก้าน?” เสียงแขกหวานแสนหวานดังขึ้นมา มันมีความสั่นเครือเจืออยู่ในน้ำเสียงและเมื่อมิลาดามองดูหน้าแขกสาวจึงเห็นว่าเจ้าหล่อนมีน้ำตาคลอเบ้าคล้ายจะร้องไห้เต็มที
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อดาร์ลิง เป็นคนของกู มึงมาที่นี่ทำไม?” กันภัยตอบเสียงห้วนก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสาวสวย
“นาง... นาง... นางมีเรื่องนิดหน่อย อยากจะมาหาที่ปรึกษา แต่... ตอนนี้เห็นทีจะปรึกษากับก้านไม่ได้แล้ว” หญิงสาวพูดแล้วก้มหน้าลงมองพื้นและมิลาดาก็ตาดีพอที่จะเห็นว่าเจ้าหล่อนมีน้ำตาร่วงเป็นสายอาบใบหน้าสวย
“วันนี้เป็นวันหยุดของหมอกันภัย แต่ถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ ก็คุยกันได้นี่คะ วันหยุดหมอไม่เห็นทำอะไรเลย นั่งอ่านหนังสือ ตำรา คาถา ไปวัน ๆ บางวันก็มีออกไปซื้อไก่ชนตัวหนึ่งเป็นแสนบ้าง หาซื้อไม้มงคลบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเร่งด่วนนี่คะ ใช่ไหมคะหมอ?” มิลาดารีบพูด ใจหายวาบเมื่อเห็นแขกสาวคนสวยร้องห่มร้องไห้
“มึงนี่พูดมากจริงนังลูกลิง” กันภัยดุสาวน้อยแล้วใช้มือเขกศีรษะเธอเบา ๆ ไม่ได้จริงจังนัก
“ก็แหม... หนูรู้นี่คะว่าคนเดือดร้อนเขารู้สึกยังไง ถ้าวันนั้นหนูมาหาหมอแล้วหมอไล่หนูกลับแบบไม่ไยดีหนูคงไม่มีชีวิตสงบสุขมานั่งกินตะลิงปลิงลอยแก้วกับหมอเหมือนวันนี้หรอกค่ะ หมอเชิญเขาขึ้นบ้านเถอะค่ะ ร้องไห้ขนาดนั้น น่าจะมีเรื่องทุกข์หนัก” มิลาดาตอบเขาเสียงเบาแล้วสะกิดแขนหมอยันต์รูปหล่อเป็นการเร่งให้เขาเชิญแขกขึ้นมาบนเรือนแต่กันภัยกลับนิ่งเสีย
“หมอ อย่าใจร้ายสิคะ ให้เขาขึ้นบ้านเถอะนะคะ ร้องไห้ใหญ่แล้ว” มิลาดานิ่วหน้าแล้วบอกเขา
เมื่อเห็นมิลาดารบเร้าสุดท้ายกันภัยจึงได้แต่ถอนหายใจ หันหลังเดินไปทางห้องลงยันต์ ไม่กล่าววาจาใด ๆ ซึ่งทำให้มิลาดาสันนิษฐานว่าเขาอนุญาตให้เชิญแขกขึ้นบ้านได้
“ขึ้นมาคุยกันบนบ้านเถอะค่ะคุณ หมอยันต์เขาเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของเขาแล้ว ห้องลงยันต์น่ะค่ะ เชิญได้เลย” มิลาดาตะโกนเรียกหญิงสาวหน้าสวยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
สาวสวยคนนั้นเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้ามองมิลาดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงของเธอแล้วเดินขึ้นเรือน
“แม่ปล่อยให้พ่ออนุญาตให้เขาขึ้นบ้านได้ยังไง?” เสียงกุมารแก้วกล้าดังขึ้นข้างหูของมิลาดาที่เดินนำหน้าแขก ตรงไปยังห้องลงยันต์
“ก็เขาเดือดร้อนมา” มิลาดากระซิบตอบเบา ๆ
“คนอื่นเดือดร้อนทองยังพอทำใจให้รบกวนวันหยุดของพ่อได้ แต่คนนี้...” กุมารทองแท่งพูดขึ้นบ้าง
“แต่คนนี้ทำไม?” มิลาดากระซิบถามและกุมารแก้วกล้าก็เป็นฝ่ายกระซิบตอบกลับมา
“ก็คนนี้ไงจ๊ะ ภคนางค์ กิ๊กเก่าพ่อ แม่ใจดีจัง ยอมให้ผู้หญิงเก่าของพ่อขึ้นเรือนด้วย ถ้าเป็นแม่บ้านอื่นมีหวังพ่อของแก้วกับทองหัวแบะ”