จากวันแรกที่ปะทะกันในโรงอาหารและในคลาส วันต่อมาความวุ่นวายก็เกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่มีสาเหตุ เช่นเช้าวันนี้ที่โรงอาหารจู่ ๆ เครื่องดื่มในแก้วของอรัณย์ก็กระฉอกขึ้นมา มันบิดเป็นเกลียวแล้วกระจายไปทั่ว ทำให้นักศึกษาที่นั่งกินข้าวในบริเวณใกล้กันโดนเครื่องดื่มกระฉอกใส่จนเสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปหมด จะว่าอรัณย์ทำก็ไม่ใช่เพราะไม่ได้แตะแก้วน้ำ เหมือนมันพุ่งออกมาเองแล้วกระจายไปทั่ว แต่เสื้ออรัณย์กลับไม่เปื้อนเลยสักนิดเดียวทั้งที่อยู่ใกล้แก้วเครื่องดื่มที่สุด
"หึ ไอ้ไส้เดือนดิน" อรัณย์หัวเราะเบา ๆ
มีลมหมุนเกิดขึ้นที่โต๊ะของชโลทรพัดแก้วเครื่องดื่มของหลาย ๆ คนล้มกระจายหกเลอะเทอะไปทั่วจนเสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเครื่องดื่ม แต่เครื่องดื่มที่หกเลอะเหมือนจะเว้นชโลทรไปทำให้เสื้อยังขาวสะอาดตามเดิม
"หึ ไอ้ไก่ต้มน้ำปลา" ชโลทรยิ้มเยาะเบา ๆ
เรื่องประหลาดในโรงอาหารทำให้ทุกคนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งแก้วกระฉอกเอง ทั้งลมหมุนที่เกิดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ต้องกลับหอพักไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่มาเรียน
"มันเกิดอะไรขึ้นวะ เมื่อวานก็ทีหนึ่งแล้วที่แก้วน้ำนายกระฉอกเอง" สุวิทย์บ่นพลางม้วนเสื้อนักศึกษาที่เปื้อนเครื่องดื่มโยนลงตะกร้าซัก หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าแล้วใส่เสื้อตัวใหม่
"ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะมีคนเตะขาโต๊ะก็ได้ รีบแต่งตัวเถอะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ" อรัณย์เร่งเพื่อน เสื้อเขาไม่ได้เปื้อนหรอก แค่กลับมาที่หอพักกับเพื่อนเท่านั้นเอง
"เออ" สุวิทย์รีบผูกเน็กไท ติดเข็มกลัดนักศึกษาแล้วคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายบ่าก่อนจะรีบออกจากห้องพร้อมกับอรัณย์
สองหนุ่มรีบวิ่งขึ้นอาคารแล้ววิ่งไปที่ห้องเรียนเพราะมันจะถึงเวลาเรียนแล้ว แต่พอวิ่งมาถึงหน้าห้องก็มีน้ำผุดขึ้นมาเจิ่งนองบนพื้นระเบียงที่เป็นกระเบื้องทันที ทำให้สุวิทย์ที่ไม่ทันระวังเหยียบน้ำลื่นพรืดถลาไปข้างหน้าแล้วจะล้มหงายหลัง
"เฮ้ย!"
อรัณย์เป่าลมไปที่เพื่อนเบา ๆ กระแสลมก็หนุนหลังสุวิทย์เอาไว้ไม่ให้ล้มหงายหลังหัวกระแทกพื้นได้ทันเวลา แล้วอรัณย์ก็คว้าแขนเพื่อนไว้
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไร ขอบใจนะที่ช่วย เกือบล้มแล้ว" สุวิทย์ถอนใจโล่งแล้วมองน้ำที่เจิ่งบนพื้นระเบียงจนเขาเหยียบเอา
"เป็นอะไรนักศึกษา" อาจารย์ประจำวิชาเดินมาถามด้วยความแปลกในที่นักศึกษาชายสองคนยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าห้อง
"เพื่อนผมเหยียบน้ำลื่นครับ ดีที่ไม่ล้มหงายหลังหัวกระแทกพื้น" อรัณย์บอกแล้วชี้ไปบนพื้นกระเบื้องที่มีน้ำนองเป็นวง
"อ้าว ใครมาทำน้ำหกตรงนี้เนี่ย ระวังหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวอาจารย์จะเรียกแม่บ้านมาเช็ดให้ คุณสองคนเข้าห้องเรียนได้แล้ว"
"ครับอาจารย์" สองหนุ่มรับคำแล้วเดินเข้าห้องเรียนไป
อรัณย์หันไปมองคนนั่งกลางห้องด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
"เฮ้ย! ลมอะไรวะ!" นักศึกษาในคลาสรีบยกมือปิดหน้าปิดตาเมื่อมีลมรุนแรงพัดหอบเอาใบไม้จากต้นไม้นอกห้องเรียนเข้ามาหมุนวนเต็มห้อง หนังสือเรียนบนโต๊ะปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่ว
"ว้าย!" นักศึกษาหญิงร้องด้วยความตกใจ
"อะไร!" อาจารย์ที่อยู่นอกห้องรีบโผล่เข้ามาด้วยความตกใจกับเสียงร้องของนักศึกษาหญิง แล้วเขาก็เห็นสภาพห้องเรียนที่มีแต่ใบไม้ หนังสือเรียนกระจายไปทั่ว นักศึกษาหญิงผมเผ้ากระเซิงเสียทรง นักศึกษาชายก็ตามเก็บหนังสือเรียนกับสมุดเลกเชอร์และปากกาที่ปลิวไปตกตรงโน้นตรงนี้
"ปากกาเราหายว่ะ ปลิวไปที่ไหนแล้วเนี่ย" ชโลทรก้มลงมองใต้โต๊ะเพื่อหาปากกาตัวเองที่ปลิวไปพร้อมหนังสือแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าอรัณย์จะใช้พลังมากขนาดนี้ในห้องเรียน
"เอาล่ะ อย่าเพิ่งตามหาของกัน ใครเก็บอะไรได้ก็เอามาวางบนโต๊ะอาจารย์ แล้วค่อยมาหยิบของตัวเองกลับไป" อาจารย์สรุปจบก่อนที่จะวุ่นวายตามหาของกันจนไม่ได้เรียน
เมื่อทุกอย่างสงบทุกคนก็ตั้งใจเรียนต่อจนจบคาบ อรัณย์กับเพื่อนคนอื่นก็แวะไปที่ห้องน้ำด้วยกัน
หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย พอไปล้างมือที่ก๊อกน้ำตรงอ่างล้างมือ สายน้ำก็พุ่งออกมาจากทุกก๊อกพร้อมกัน ทำให้น้ำสาดกระจายไปทั่วห้องน้ำจนเปียกปอนกันไปหมด
"อะไรวะเนี่ย! ก๊อกน้ำพังเหรอวะ" นักศึกษาชายหลายคนรีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันที แต่กระนั้นเสื้อก็เปียกไปแล้ว
อรัณย์ที่ไม่ทันตั้งตัวและกางม่านลมไม่ทันก็เปียกโชกด้วยน้ำที่พุ่งออกมาจากก๊อกน้ำไม่หยุด แต่พอนักศึกษาคนหนึ่งวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่มาดู ก๊อกน้ำทุกตัวก็กลับสู่สภาพเดิม ไม่มีน้ำพุ่งออกมาจนควบคุมไม่ได้ พอลองเปิดปิดดูมันก็ทำงานตามปกติไม่มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่จึงเรียกแม่บ้านมาเช็ดน้ำที่เจิ่งนองเต็มห้องน้ำชาย
"ไอ้งูน้ำเน่า แรงมากนะแก ดีที่ไม่ระเบิดน้ำจากโถปัสสาวะออกมา" อรัณย์บ่นด้วยความเคืองแล้วยกมือลูบเสื้อตัวเอง ใช้ลมร้อนเป่าให้เสื้อเชิ้ตแห้งในพริบตาก่อนจะออกไปหาสุวิทย์ที่รออยู่ข้างนอก
"เกิดอะไรขึ้นวะ ได้ยินพี่คนนั้นบอกว่าก๊อกน้ำพังเหรอ" สุวิทย์ถามออกมา
"ใช่ น้ำพุ่งออกมาจากก๊อกน้ำอ่างล้างมือเต็มห้องน้ำเลย เปียกกันไปหมด"
"แล้วนายไม่เปียกเหรอ เห็นพี่คนเมื่อกี้เสื้อเปียกโชกเลย"
"พอดีเราอยู่ในส้วมน่ะ หวิดไปเหมือนกัน ถ้าออกมาเร็วกว่านี้อีกนิดก็เปียกไปแล้ว" อรัณย์บอกด้วยเสียงหัวเราะ
"ก็ดีละที่ไม่เปียก ไปเรียนคาบต่อไปกัน"
"อืม"
หลังจากเรียนกันจนครบทุกวิชาของวันนี้ รุ่นพี่ปีสี่ก็เรียกรุ่นน้องปีหนึ่งทุกสาขาไปรวมกันเพื่อแจ้งเรื่องงานวัฒนธรรมประจำมหาวิทยาลัย มีการออกบูธของแต่ละคณะแต่ละสาขา มีการจัดประกวดสวนหย่อม มีการออกร้านขายของ และจะมีการแข่งกีฬาระหว่างนักศึกษากับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งงานวัฒนธรรมจะมีบุคคลภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ละคณะต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้คะแนนนิยมมากที่สุด
เมื่อรุ่นพี่จัดสรรงานให้รุ่นน้องไปแล้ว อรัณย์ก็ได้รับเลือกให้ไปเป็นนักฟุตบอลของคณะร่วมกับเพื่อนในสาขาอื่นที่เคยเล่นบอลด้วยกัน ชโลทรไม่สนใจงานแข่งกีฬาจึงเลือกงานจัดสวนหย่อมแทน
พอเลิกประชุมอรัณย์ก็ไปร่วมทีมนักฟุตบอลเฉพาะกิจเพื่อจะร่วมซ้อมกัน แต่เพราะสนามฟุตบอลมีจำกัด พวกเขาจึงไปซ้อมกันที่ริมทะเลสาบซึ่งเป็นลานว่างสำหรับทำกิจกรรม
ชโลทรมองคนที่กำลังจะเริ่มซ้อมฟุตบอลด้วยแววตาคม ก็ไม่ได้อยากจะขัดขวางการซ้อมหรอกนะ แต่หมั่นไส้ไอ้นกขี้เรื้อนขนร่วงนั่น ขอเล่นกับมันหน่อยก็แล้วกัน เขายกนิ้วกระดิกนิดหน่อย น้ำมากมายก็เจิ่งนองออกมาบนลานว่าง
"เฮ้ย น้ำมาจากไหนวะ!" ทุกคนคุยกันด้วยความแปลกใจเพราะน้ำซึมออกมาจากพื้นจนนองไปทั่ว และเพราะมันเป็นดินไม่ใช่หญ้า สภาพแต่ละคนจึงเละเทะน่าดู
อรัณย์หันไปมองคนยืนแถวสวนหย่อมของคณะแล้วสะบัดมือเบา ๆ ลมหมุนรุนแรงก็พัดในสวนหย่อมจนแปลงดอกไม้ปลิวว่อน พุ่มไม้เสียรูปทรง ใบไม้ร่วงลงมาจนเต็มพื้นที่ สภาพเละเทะไม่ต่างกัน
"เฮ้ย! ลมอะไรวะเนี่ย แปลงดอกไม้เละหมดแล้ว" พวกที่มีหน้าที่รับผิดชอบสวนหย่อมถึงกับตาเหลือก
ชโลทรหันไปมองคนที่วิ่งกลางลานแล้วกัดฟันกรอด แต่อีกฝ่ายแค่แลบลิ้นแล้วยักคิ้วยั่ว
"ไอ้ไก่ต้มน้ำปลา" ชโลทรสะบัดมือทีหนึ่ง สายน้ำลึกลับเส้นเล็กก็พุ่งออกมาจากบนพื้นตวัดใส่ข้อเท้าอรัณย์ แต่อีกฝ่ายระวังตัวอยู่แล้วจึงกระโดดหลบไปได้ สายน้ำเส้นเรียวที่โจมตีพลาดเป้าจึงพุ่งใส่คนที่วิ่งตามหลังอรัณย์เข้าเต็มหน้า
"เฮ้ย! น้ำอะไรวะ" คนโชคร้ายหยุดวิ่งแล้วยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปื้อนดินเปื้อนโคลนสภาพดูไม่จืด
อรัณย์หันไปส่งยิ้มเยาะให้คนที่สวนหย่อมแล้วเล่นบอลต่อ
เมื่อลอบโจมตีไม่สำเร็จชโลทรจึงหันมาดูสวนหย่อมเละเทะจากฝีมืออรัณย์ ช่วยทุกคนปลูกดอกไม้ใหม่แล้วใช้น้ำจากใต้ดินยึดรากเอาไว้ไม่ให้มันปลิวอีก อรัณย์ก็เลิกทำลายสวนหย่อมไม่งั้นมันจะพังเกินกว่าจะแก้ไขได้ก่อนถึงวันงานวัฒนธรรม
ความวุ่นวายแปลก ๆ เกิดขึ้นทั้งวันทั้งลมทั้งน้ำ ถึงจะไม่รุนแรงแต่มันก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ จนมีใครบางคนโพล่งขึ้นมา
"ผีหรือเปล่าวะ!"
"บ้าสิ ผีที่ไหนจะออกมาหลอกกลางวันแสก ๆ แบบนี้วะ" คนหนึ่งแย้งขึ้น
"งั้นก็เจ้าที่ มีใครไปลบหลู่อะไรไว้หรือเปล่า"
"เจ้าที่เนี่ยนะ อย่าเพ้อเจ้อสิ มันจะมีจริงได้ยังไง"
"แค่บังเอิญน่า ที่นี่มันอยู่ในหุบเขา จะมีลมหมุนบ้างก็ไม่แปลกหรอก"
เสียงเล่าลือถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นดังไปทั่วคณะเกษตรศาสตร์ ถึงจะมีหลายคนให้ข้อสมมติฐานหลายแบบแต่ก็มีข้อโต้แย้งกลับในทำนองที่ไม่เขื่อว่ามันคือปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ยิ่งพวกรุ่นพี่ปีสอง ปีสาม ปีสี่ ยิ่งแย้งกันว่าตั้งแต่มาเรียนที่นี่ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน แต่เมื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างหนาหูขึ้น แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเฉพาะในคณะเกษตรศาสตร์ และในคลาสของเด็กปีหนึ่ง จะมีเกิดที่สนามฟุตบอลหรือสวนหย่อมบ้างแต่ก็ไม่บ่อยเท่าในชั้นเรียน
ข่าวลือที่เริ่มจากในคณะเกษตรศาสตร์กระจายไปจนทั่วมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นาน ทำให้อาจารย์วิษณุที่สนใจเรื่องลึกลับแวะเวียนมาดูที่คณะเกษตรศาสตร์ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่มีข่าวลือ บนทางเดินระเบียงหน้าห้องมีน้ำเจิ่งนองหลายที่ บางจุดก็มีใบไม้ปลิวลมทั้งที่บริเวณนี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ บางทีก็มีสายลมเย็นพัดผ่านไปทั้งที่ไม่มีหน้าต่าง มันช่างแปลกจริง ๆ