นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมนุษย์ทำให้ชโลทรออกอาการงงอยู่บ้างเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นทักทายอย่างไร ตอนอยู่ในปราสาทมรกตทุกคนจะต้องทักทายเขาก่อนในฐานะเจ้าชาย แต่เมื่อมาอยู่ในสังคมตัวตนของเจ้าชายจะถูกซ่อนเอาไว้และต้องทำตัวเป็นเช่นมนุษย์คนหนึ่ง
"สวัสดีรูมเมต เราชื่อมนูญนะ" มนูญทักทายรูมเมตที่พักห้องเดียวกันด้วยท่าทีเป็นมิตร
"ข้า... เอ่อ เราชื่อชโลทร" ชโลทรบอกด้วยท่าทีเชิด
"ไม่มีชื่อเล่นเหรอ"
"ไม่มี ทุกคนเรียกเราว่าเจ้า... อ่า ชโลทรนี่แหละ"
"ก็ได้ชโลทร เรียกแบบนี้ก็เท่ดี แล้วนายมาจากบ้านไหนล่ะ เรามาจากบ้านท่าน้ำอุ่น"
"เรามาจาก... เอ่อ...บ้าน... มรกต" ชโลทรตอบไปแบบมั่ว ๆ เพราะไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน
"เหรอ บ้านมรกตมันอยู่ไหนวะนั่น ไม่เคยได้ยินเลย มันอยู่อำเภออะไรล่ะ"
"ก็อำเภอนี้แหละ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักน่ะ"
"เหรอ ช่างเถอะ ลงไปหาอะไรกินกันไหม เราหิวแล้ว"
"มีอะไรให้กินล่ะ โรงอาหารยังไม่เปิดเลยนี่"
"ก็มีหลายอย่างอยู่มั้ง เห็นมีร้านไก่ทอดด้วยนี่ ไปกินกันไหม"
"ก็ได้"
"โอเค ลงไปกินไก่ทอดกัน" มนูญชวนแล้วเดินออกจากห้องพักไปก่อน
ชโลทรเดินตามไปพลางมองเพื่อนร่วมห้องที่มีรูปร่างหุ่นหมีแล้วคิดว่า เนื้อมนุษย์มันอร่อยหรือเปล่านะ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะมีกฎห้ามกินมนุษย์ แล้วในโลกมนุษย์ก็มีอะไรให้กินเยอะมากกว่าตัวมนุษย์เอง
พอออกจากหอพักเดินไปตามทางก็จะเป็นอาคารโรงอาหารของคณะซึ่งยังไม่มีร้านค้ามาเปิดขาย แต่ก็มีร้านฟาสต์ฟู้ดแฟรนไชส์ชื่อดังหลายร้านมาเปิดกันแล้ว ชโลทรเดินตามรูมเมตเข้าไปข้างใน มองป้ายอาหารที่มีหลายอย่างด้วยความสนใจ เขามองเพื่อนเลือกอาหารเป็นเซ็ตแล้วจ่ายเงินจึงทำตาม สั่งเซ็ตที่อยากกิน จ่ายเงินแล้วยืนรอ สักพักทั้งสองคนก็ถือถาดอาหารเดินไปหาโต๊ะว่างนั่ง
เพราะโรงอาหารกลางกับโรงอาหารของคณะยังไม่เปิด นักศึกษาจึงเลือกมานั่งร้านฟาสต์ฟู้ดกันจำนวนมาก บางคนไม่เข้าร้านฟาสต์ฟู้ดก็เลือกที่จะซื้อข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อไปกินแทน
"กินไก่ทอดกันไหมอรัณย์" สุวิทย์หันมาชวนรูมเมตที่พักด้วยกัน
"ไม่ล่ะ เราไม่กินไก่ ไปกินพิซซากันเถอะ" อรัณย์ชี้ไปที่ร้านพิซซาข้างร้านไก่ทอด
"ก็ได้ว่ะ มันมีโปรหนึ่งแถมหนึ่งด้วยนี่ ได้คนละถาดในราคาครึ่งเดียวเลย"
"นั่นแหละ เราอยากกินพิซซาฮาวายเอี้ยน" อรัณย์บอกแล้วเดินเข้าร้านพิซซาไปกับเพื่อน
ชีวิตนักศึกษาแสนสงบสุข ชโลทรกับอรัณย์ได้เพื่อนใหม่ ถึงครั้งแรกจะดูแปลกไปบ้างที่มนุษย์ทำตัวสนิทสนมกับเจ้าชายอย่างพวกเขา แต่สักพักก็เริ่มจะคุ้นเคยไปเองจึงเข้ากับเพื่อนรูมเมตได้ดี
พอถึงวันเปิดเรียนวันแรก หลังจากตื่นนอนและอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยชโลทรก็ออกจากห้องกับเพื่อนเพื่อจะไปหามื้อเช้ากินที่โรงอาหารของคณะซึ่งตอนนี้มีแม่ค้ามาเปิดขายจนเต็มทุกร้าน บรรยากาศสดใสคึกคักมาก พวกเขามีเรียนคาบแรกตอนเก้าโมงเช้าจึงไม่เร่งรีบในการหาซื้ออาหารมากิน
แล้วนัยน์ตาสีครามเข้มก็หันไปสบกับนัยน์ตาสีทองแดงของอีกคนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
สองเจ้าชายต่างเผ่าพันธุ์นิ่งไปสิบวินาทีกับเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ที่ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ คณะเดียวกันอีกต่างหาก แล้วต่างก็เมินหน้าหนีไปคนละทางเดินตามเพื่อนรูมเมตไปหาซื้ออาหารของตัวเอง
ชโลทรซื้ออาหารแล้วถือไปนั่งกับเพื่อน เขามองคู่อริคนละขั้วที่วางจานข้าวกับแก้วกาแฟเย็นลงบนโต๊ะตรงข้ามเพื่อนรูมเมต หรี่ตามองแก้วกาแฟแล้วกระดิกนิ้วนิดหน่อย กาแฟเย็นสีน้ำตาลก็กระฉอกออกมาใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวสะอาดของอรัณย์เป็นวงใหญ่
อรัณย์หันขวับไปยังตัวต้นเหตุทันที แต่ชโลทรนั่งกินข้าวด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้
"เฮ้ยอรัณย์ เป็นไงบ้าง กาแฟมันหกออกมาได้ยังไงน่ะ" สุวิทย์รีบหากระดาษมาเช็ดเสื้อให้เพื่อนด้วยความตกใจระคนแปลกใจ เพราะแก้วกาแฟของอรัณย์ไม่ได้วางใกล้เจ้าตัวเลย แต่วางห่างออกไปเป็นฟุต โต๊ะก็ไม่ได้กระเทือน แต่กาแฟกลับกระฉอกออกมาใส่เสื้อได้
"ไม่เป็นไรสุวิทย์ เดี๋ยวเราไปเปลี่ยนเสื้อได้" อรัณย์กัดฟันกรอดแล้วเอากระดาษเช็ดเสื้อเปื้อน ทำใจเย็นนั่งกินข้าวไปจนอิ่มก็รีบกลับหอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ ส่วนเสื้อที่เปื้อนกาแฟก็เอาไปขยี้กับน้ำแล้วใช้อิทธิฤทธิ์เป่าคราบกาแฟออกไปจนหมด เป่าเสื้อให้แห้งแล้วแขวนเอาไว้ จากนั้นรีบกลับไปสมทบกับเพื่อนรูมเมตเพื่อจะไปเรียน
ในคาบแรกเป็นวิชาพื้นฐานของเด็กปีหนึ่ง อาจารย์แนะนำตัวแล้วเริ่มบรรยายเนื้อหาสาระของวิชาที่จะต้องเรียนทั้งเทอม อรัณย์นั่งหมุนปากกาเล่นแล้วมองคนที่กำลังตั้งใจฟังอาจารย์อยู่บริเวณกลางห้อง เขากระดิกนิ้วทีหนึ่ง กระแสลมหมุนก็ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหันบนโต๊ะของชโลทร พัดเอาหนังสือเรียนปลิวไปกระแทกใส่ด้านหลังอาจารย์ที่กำลังเขียนกระดานไวต์บอร์ดอย่างจัง
"โอ๊ะ!" อาจารย์สะดุ้งแล้วหันขวับกลับมาด้วยสายตาเอาเรื่อง
"หนังสือใคร!" อาจารย์เก็บหนังสือของกลางขึ้นมาถามพลางมองนักศึกษาในคลาสที่นั่งตะลึงอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าจะมีคนหาญกล้าปาหนังสือใส่อาจารย์ตั้งแต่คาบแรก
"คนนั้นครับอาจารย์ เขาขว้างหนังสือใส่หลังอาจารย์" อรัณย์รีบบอกแล้วชี้ไปที่ชโลทร
"เฮ้ย ไอ้...!"
"นักศึกษา! ทำแบบนี้เสียมารยาทมากเลยนะ ถ้าไม่อยากเรียนก็ออกไปไม่ต้องเรียน" อาจารย์ตวาดใส่เสียงดังลั่น
"ขอโทษครับ แต่ผมไม่ได้ขว้างนะครับ" ชโลทรส่ายหน้ารัว
"ไม่ได้ขว้างแล้วหนังสือมันปลิวมาได้ยังไง" อาจารย์ทำตาดุใส่
"ไม่ทราบครับ เอ่อ ลมพัดมั้งครับ" ชโลทรยิ้มแหย จะบอกใครได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น
"ชโลทรไม่ได้ขว้างจริงครับอาจารย์ เมื่อกี้มีลมอะไรไม่รู้หมุนแรงมาก ทำปากกาผมตกโต๊ะด้วย" มนูญรีบบอก
"ผมก็ไม่เห็นเขาขว้างนะครับ" นักศึกษาอีกคนที่นั่งถัดจากชโลทรบอก
"ก็ได้ จะถือว่าเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกัน แต่อย่าให้มีแบบนี้อีกนะ" อาจารย์สำทับแล้วมองนักศึกษาต้นเหตุที่เหมือนจะย้อมผมเป็นสีน้ำเงินเข้มด้วยสายตาดุและคาดโทษ
"ครับ ผมจะระวังครับ" ชโลทรตอบแล้วกัดฟันกรอดพลางด่าไอ้นกขี้เรื้อนในใจ
อรัณย์ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ แต่พอชโลทรหันมาส่งสายตาพิฆาตใส่ เขาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก้มจดเลกเชอร์ในสมุด
เพราะเล่นกันไปคนละดอก คาบต่อไปทั้งสองคนก็เรียนแบบระวังตัวและกางม่านพลังบาง ๆ กันการลอบโจมตีของอีกคนตลอดเวลา
"น้ำมาจากไหนวะ แอร์ก็ไม่มีนี่หว่า หรือใครเอาเอาน้ำอะไรเข้ามากินในห้องเรียน" มนูญสะบัดมือเมื่อรู้สึกว่ามือเปียกน้ำ แต่พอมองรอบตัวก็ไม่ได้มีใครเอาแก้วเครื่องดื่มเข้ามาเลยสักคน จะว่าน้ำหยดจากเครื่องปรับอากาศในห้องก็ไม่ใช่เพราะห้องเรียนไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่จะเปิดหน้าต่างโล่งรับลมธรรมชาติ
"อากาศมันชื้นมั้ง เหมือนฝนจะตก" ชโลทรบอกแล้วลดพลังม่านน้ำลง
"เหรอ" มนูญมองออกไปนอกหน้าที่ท้องฟ้าแจ่มใสมาก ไม่มีเค้าของเมฆฝนเลยแม้แต่น้อย
"ว้าย! ลมอะไรเนี่ย" นักศึกษาหญิงที่นั่งข้างหน้าอรัณย์ยกมือรวบผมที่กระเซิงเหมือนถูกลมเป่าจนเสียทรง
"เออ ลมแรงมากเลย" สุวิทย์รีบใช้สองมือกดหนังสือเรียนของตัวเองที่เปิดหน้ากระดาษเหมือนถูกลมแรงพัด
"สงสัยหน้าต่างคงเปิดกว้างไปมั้ง" อรัณย์บอกแล้วลดม่านพลังลมที่หมุนรอบตัวลง
ชโลทรชำเลืองมองคนนั่งใกล้หน้าต่างห้องเรียนแล้วเมินหน้าหนี อรัณย์ก็เมินหน้าหนีไปอีกทาง อยู่ในคลาสที่มีนักศึกษาเกือบห้าสิบคนแบบนี้จะงัดกันคงไม่ใช่เรื่องง่าย พวกมนุษย์จะมีความรู้สึกไวมากกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกินกว่าความเข้าใจของตัวเอง
สองเจ้าชายต่างเผ่าพักรบกันชั่วคราวแล้วตั้งใจเรียนจนจบทุกวิชาของวันนี้ ชโลทรกับมนูญกลับหอพักแล้วไปหาอะไรกินจนอิ่มก็ไปเดินเล่นด้วยกัน ส่วนอรัณย์กับเพื่อนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเล่นเตะบอลกับเพื่อนร่วมหอพักคนอื่น
ด้วยความที่เป็นครุฑ การเคลื่อนไหวของอรัณย์จึงรวดเร็วดุจสายลม ทำเอาเพื่อนที่เล่นด้วยกันทึ่งกับสกิลการเล่นฟุตบอลของอรัณย์จนสงสัยว่าเป็นนักฟุตบอลเยาวชนมาก่อนหรือเปล่า
"ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลเยาวชนหรอก เราแค่ชอบเล่นบอลน่ะ" อรัณย์ตอบด้วยเสียงหัวเราะพลางยืดอกภูมิใจกับคำชม แต่ทำคนที่เดินผ่านมาหมั่นไส้แรง
"ไอ้นกขี้เรื้อน" ชโลทรด่าเบา ๆ แล้วกระดิกนิ้ว สายน้ำก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นเจิ่งนองตรงใต้เท้าของอรัณย์ที่กำลังเลี้ยงบอลวิ่งมาพอดี กระดิกนิ้วอีกทีหย่อมน้ำก็หมุนติ้ว ทำเอาคนเหยียบน้ำลื่นพรืดล้มหน้าคะมำ
"เฮ้ยอรัณย์ เป็นไงบ้างวะ" เพื่อนที่เล่นด้วยกันวิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ
"ไม่เป็นไร แค่ลื่นน้ำน่ะ" อรัณย์กัดฟันกรอดแล้วหันไปมองคนเดินข้างสนามที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"น้ำเหรอ" เพื่อนมองบนพื้นสนามหญ้าที่มีน้ำเจิ่งอยู่กองใหญ่ซึ่งไม่รู้มาจากไหนเพราะฤดูนี้ยังไม่มีฝนตก ไม่มีคนเอาเครื่องดื่มมาดื่มในสนามด้วย
"ช่างเถอะ" อรัณย์ขยับตัวลุกแล้วเป่าลูกบอลตรงหน้าเบา ๆ ลูกบอลก็กระเด้งแล้วพุ่งไปนอกสนามด้วยความรวดเร็ว
"ไม่ได้แอ้มหรอกไอ้นกขนร่วง" ชโลทรหลบวูบ บอลจึงลอยไปกระแทกหน้ามนูญที่เดินข้างชโลทรอย่างจังจนหงายหลัง
"โอ๊ย!"
"เฮ้ยมนูญ เป็นยังไงบ้าง" ชโลทรรีบพยุงเพื่อนลุกแล้วหันไปทางคู่กรณี
"นายเตะบอลอัดหน้าเพื่อนเราทำไมวะอรัณย์"
"เราไม่ได้ทำเว้ย! บอลมันปลิวไปเอง" อรัณย์เถียงออกมา
"ปลิวมาเองอะไรวะ ก็นายอยู่ใกล้บอลที่สุด แล้วก็เตะบอลใส่หน้าเพื่อนเราเนี่ย" ชโลทรฟ้องอีก
"เดี๋ยวนะ สต๊อปก่อนพวก" เพื่อนที่เล่นบอลรีบเข้ามาขวางคู่กรณีเพราะเห็นว่าบอลมันพุ่งไปอัดหน้ารูมเมตของชโลทรจริง แต่จะเป็นอรัณย์เตะไปก็ไม่แน่ใจเพราะอรัณย์เพิ่งจะลุกจากพื้น ไม่ได้อยู่ในท่าที่จะเตะบอลได้ จะว่าคนอื่นก็ไม่ใช่เพราะไม่มีคนอยู่ใกล้บอลเท่าอรัณย์
"ช่างเถอะ คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกัน สนามบอลมันพลาดกันได้" มนูญลูบจมูกที่โดนบอลอัดจนแดงป้อย ๆ
"ก็ได้ คราวหลังระวังให้ดีล่ะ" ชโลทรมองคู่กรณีด้วยสายตาพิฆาต แต่อีกฝ่ายแค่ยักคิ้วแล้วทำหน้าไม่ยี่หระ
"ทำไมวันนี้มีแต่อะไรแปลก ๆ วะ เดี๋ยวน้ำเดี๋ยวลม" เพื่อนร่วมคลาสที่เล่นบอลด้วยกันพึมพำเบา ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ