เธอเองก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าพวกเขาคงต้องคุยกันมาแล้วนั่นละ เจ้าหนี้โดยตรงของเธอถึงมาพูดแบบนั้นกับเธอ แต่ที่เธอสงสัยก็คือ ของแบบนี้ตกลงกันได้ง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?
นี่มันอะไรกัน
“แล้วเขาก็ยอมตามใจคุณง่าย ๆ งั้นเหรอคะ...”
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะบอกความจริงกับเธอดีไหม มันสมควรแก่เวลาแล้วหรือยัง แต่เมื่อนึกถึงปภาดาและสิ่งที่เจ้าหล่อนทำ ไม่ว่าจะกับมาโนชญ์ หรือกับเนตรา ก็ทำให้เขาคิดว่าจำเป็นต้องเล่นละครต่อไปอีกหน่อยเพื่อดัดหลังผู้หญิงคนนั้นให้ได้รับบทเรียนบ้าง “ก็เขามีภรรยาแล้ว แต่งงานกับคุณอีกไม่ได้ เขาก็เลยหาทางออกให้เราไง”
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกคะ ทำไม...”
“คุณมีแต่คำถามเหมือนผมแล้วนะ” เขายิ้มใส่ตาเธอ แล้วก้มหน้าลงไปหา ปิดปากช่างถามด้วยปากอุ่นร้อนของตน
รอบนี้ เนตรามีสติพอจะบ่ายหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้น เพราะเขาตามติดไม่ห่าง และหัวใจเธอนั่นแหละที่หวั่นไหวจนหมดแรงต้านทาน
เธอไม่เคยมีคนรัก แม้จะมีคนเข้ามาจีบบ้าง แต่เธอก็ปฏิเสธ ส่วนหนึ่งเพราะเธอยังไม่อยากมี อีกส่วนเพราะไม่อยากมีปัญหากับที่บ้าน ป้าสั่งห้ามเธอเด็ดขาดไม่ให้มีแฟน เพราะกลัวว่าจะทำให้เสียการเรียน กลัวจะโดนหลอก กลัวจะท้องก่อนวัยอันควร ที่สำคัญ กลัวเธอจะไม่มีเวลาดูแลคนในบ้าน
หรือหากมีผู้ชายคนไหนที่ไม่ยอมแพ้ ยังคงตามตื๊อเธอ ปภาดาจะเป็นคนจัดการไล่ผู้ชายพวกนั้นให้ สุดท้ายพวกเขาก็ตกหลุมรักปภาดาเสมอ
รวิเป็นผู้ชายคนแรกจริง ๆ ที่ได้จูบเธอ ได้แตะต้องเนื้อตัวเธอขนาดนี้ และมันก็ทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิง ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป
มือใหญ่และอุ่นของเขาแตะลงบนแผ่นหลังของเธอแผ่วเบา เนตราสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเหมือนเขาเอาไฟนาบ ดวงตาที่เหมือนมีดโกนอาบไฟของเขามองสบตาเธอแน่ว แล้วเธอก็เหมือนโดนมนต์สะกด จำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเขาทำอะไรกับเธอบ้าง รู้ตัวอีกที ร่างของเธอนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว มีร่างสูงใหญ่ของเขาทาบทับ ร่างสูงใหญ่ซึ่งเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น มีขนหน้าอกสีน้ำตาลขอดเป็นวง หญิงสาวเบิกตากว้าง แล้วก็รีบหลับตาลง ไม่กล้ามอง หน้าเธอร้อนซู่ไปหมด เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายโป๊ต่อหน้ามาก่อน
รวิยิ้ม มองเธอด้วยแววตาเอ็นดูสุดหัวใจ
เขาอดไม่ได้ที่ก้มลงไปงับจมูกเล็ก ๆ ของเธออย่างต้องการหยอกล้อ ยั่วเย้า และคนใต้ร่างก็ยิ่งหลับตาปี๋ ร่างสั่นเทาไปหมด
จากปลายจมูก รวิเลื่อนปากอุ่นของตนลงมาที่ปากอิ่มของเธออีกครั้ง ด้วยชักติดใจความหวานในโพรงปากนั้นเสียแล้ว บดเบียดรุกเร้าจนพอใจ เขาจึงถอนริมฝีปากออกแล้วเลื่อนลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น ดูดซับเอากลิ่นหอมผสมกลิ่นตัวเธอเข้าเต็มปอด
อารมณ์วาบหวามแล่นวนไปทั่วร่างของเนตรา แขนขาเอย ตัวเอย เหมือนหนักอึ้ง แต่ภายในท้องเหมือนมีตัวอะไรบางอย่างกระพือปีกพึ่บพั่บ หน้าเธอแดงกว่าที่เคยแดง อยากยกแขนขึ้นยับยั้งการกระทำของเขา แต่ยกไม่ไหว ได้แต่ปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจชอบ
ครู่ต่อมา รวิก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอจนหมดทุกเม็ด แต่ยังไม่ถอดมันออกจากร่าง เนินอกอิ่มบนผิวเนียนละเอียดจึงมองเห็นเพียงรำไร เส้นผมยาวสยายของเธอกระจายเต็มหมอนล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ที่ตอนนี้แดงก่ำ ดวงตาสวยซึ้งของเธอเบิกโตด้วยความตื่นเต้นผสมความหวาดหวั่นใจและไม่แน่ใจ เหมือนดวงตาของกระต่ายน้อยที่ตื่นนายพราน และมันก็จับใจคนมองยิ่งนัก
“ก่อนตามคุณไปบ้านกำนันไข่ ผมเจอพี่สาวคุณด้วย” เขาเอ่ยพลางลูบเส้นผมนุ่มสลวยของเธอเบามือ
“เจอที่ไหนคะ”
“โรงแรมที่เราพัก”
คราวนี้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“เอ๊ะ ตอนที่เจอคุณรวิ ปอยบอกจะกลับกรุงเทพแล้วนี่คะ มีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงตัวเอง แต่มือดันพลาดไปแตะโดนส่วนนั้นของเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ โชคดีที่เขายังไม่ถอดกางเกง แต่ถึงกระนั้นเธอก็หน้าแดง ชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“อยากทำความรู้จักมันเหรอ” เจ้าของส่วนนั้นยิ้มกรุ้มกริ่ม เนตราไม่ชินกับการพูดจายั่วล้อแบบนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก “ไม่ต้องโทร.หาเขาหรอก เขาบอกผมแล้วว่า เขาจะอยู่กับคุณที่นี่”
“แล้วแฟนเขาล่ะคะ”
“ผมไม่เห็นนะ”
“ทะเลาะกันแน่ ๆ เลย...” หญิงสาวทำสีหน้าลำบากใจ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เขาทะเลาะกันแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“เกี่ยวสิคะ ก็ปอยชอบให้ฉันไปไล่ณัฐกลับเวลาณัฐมาง้อ” หญิงสาวหน้ามุ่ย ยิ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ณัฐพัชร์เคยพยายามลวนลามเธอด้วยแล้ว ก็ยิ่งเผลอทำสีหน้ารังเกียจและขยะแขยงให้เขาเห็น
“งั้นรึ...”
“ฉันโทร.หาปอยดีกว่า เขาอาจมีธุระสำคัญอย่างอื่น”
“ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเท่าเรื่องของเราแล้ว” เขาปิดปากเธออีกครั้งด้วยจูบที่เรียกร้องและช่ำชอง จนเนตราอ่อนระทวยไปอีกรอบ
ถอนปากออกคราวนี้ รวิแหวกเสื้อเชิ้ตของเธอให้กว้างขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะแตะลงที่ดอกบัวคู่งามภายใต้บราเซียร์สีหวาน แล้วค่อย ๆ ทำความรู้จักมันด้วยการใช้นิ้วโป้งปาดผ่านบางเบา ส่งผลให้ร่างของเนตราสะท้านไหว สยิวในท้องน้อยง่ายดายตามประสาคนไม่เคยเรื่องพวกนี้มาก่อน ครู่ต่อมา เธอก็ฝืนใจตัวเอง ยกมือขึ้นแตะมือเขาเป็นเชิงห้าม
“เรา...หยุด...แค่นี้ได้มั้ยคะ” พยายามทำเสียงไม่ให้อ่อนไหวมากนัก