“ฮัลโหล ปอย” เมื่อเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้ว เนตราก็กรอกเสียงลงไป
“รับโทรศัพท์ได้ซักทีนะเนตร” ปภาดาส่งเสียงเกรี้ยวกราดลงมาทันที “หายหัวไปไหนมา ไปกับผัวแกมาเหรอ ผัวแกคนไหนอะ ไอ้คนที่ฉุดแกไปนั่นเหรอ”
“นี่ปอยรู้เหรอว่าเนตรโดน...เอ่อ...โดนจับตัวไป” เนตราไม่สนคำถามเรื่อง ‘ผัว’
“รู้สิ เมื่อวานฉันเจอคุณรวิ ว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน เขาบอกฉันเองแหละ”
“ว่าที่เจ้าบ่าวของปอย?” เนตราแปลกใจเป็นอย่างมากกับคำนั้นที่ออกจากปากของญาติของตน
“ใช่ ฟังนะ เนตร แกไม่ต้องแต่งงานกับคุณรวิแล้ว ดีใจมั้ย”
“เนตรไม่เข้าใจ” หญิงสาวถามเสียงตระหนก นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไม่มีอะไรเข้าใจยากเลย ก็หมายความว่า ฉันจะเป็นคนแต่งงานกับเขาตามที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรกไงล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ทำไมแกต้องถามด้วย แกควรจะดีใจสิ ที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับคนที่แกไม่ได้รักน่ะ”
“แล้วปอยล่ะ ปอยก็ไม่ได้รักเขานี่”
“แกรู้ได้ไง เอ่อ ฉันหมายความว่า เดี๋ยวอยู่ไปนาน ๆ ก็รักเองนั่นแหละ แกกลับกรุงเทพได้เลย ฉันจะอยู่กับคุณรวิเอง”
เนตรานิ่งเงียบ จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ได้ยินหรือเปล่า” ปภาดาตะคอก “ตอนนี้แกอยู่ไหน บอกให้ผัวแกมาส่งที่โรงแรมได้แล้ว มีคนมารอพบแกแน่ะ”
“ใครจ๊ะ” หลุดปากถามโดยอัตโนมัติ ทั้งที่สมองยังคิดแต่เรื่องที่ปภาดาพูด ปภาดานะหรือจะแต่งงานกับ ‘รวิ’ คำที่บอกว่าอยู่ ๆ นานไปก็รักกันเองนะหรือ จะหลุดจากปากปภาดา เป็นไปได้อย่างไร
“มาถึงก็รู้เองนั่นแหละ รีบ ๆ หน่อยก็แล้วกัน”
รวิไม่ขัดใจภรรยา เมื่อเธอบอกว่าจะกลับไปหาปภาดา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหญิงสาวคนนั้นจะเล่นเกมแบบไหน
โดยเขาจะเป็นคนไปส่งภรรยาด้วยตัวเอง
ส่วนดาริกาก็ขอตัวกลับที่พักของตนเช่นกัน แต่ก่อนไปได้กำชับกับรวิว่า ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก เธอพร้อมเสมอ จากนั้นจึงหันไปสวมกอดเนตรา
“ยินดีต้อนรับนะคะ น้องสะใภ้คนแรกของทีมอสรพิษแห่งฟากฟ้า”
เนตราเบิกตากว้าง ทำหน้าฉงน “อสรพิษแห่งฟากฟ้าเหรอคะ”
ดาริกาหัวเราะสนุก
“มีปีหนึ่ง ตะวันกับคาร์ลบินมาหาพี่ริก้าที่ฝรั่งเศส แล้วพวกเราก็ทำอะไรสนุก ๆ มัน ๆ ด้วยกันเยอะมาก จนเพื่อน ๆ ตั้งฉายานี้ให้ เพราะชื่อของพวกเราสามคนหมายถึงสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าทั้งหมดเลย สองคนนั้นแปลว่าพระอาทิตย์ ส่วนพี่ ชื่อก็แปลว่าดวงดาว”
"อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวทำเสียงรับรู้ ก่อนยกมือไหว้อังศุธรกับดาริกา “ขอบคุณมากนะคะ ที่เมตตาเนตร”
“เนตรน่ารักขนาดนี้ จะไม่ให้รักได้ไง” ดาริกาว่าพลางสวมกอดอีกครั้ง แล้วจึงปล่อย อังศุธรทำท่าจะเข้าไปกอดเนตราบ้าง แต่รวิกระแอมครั้งหนึ่งแล้วเอาตัวเข้าแทรกระหว่างกลาง จากนั้นรีบพาภรรยาไปที่รถ
อังศุธรหัวเราะก๊ากคนหวงเมีย จากนั้นจึงเดินไปส่งดาริกาขึิ้นรถบ้าง โดยรับปากว่าตอนเย็นจะตามไปปาร์ตี้ที่โรงแรม
ปณิตาขมวดคิ้วแปลกใจ เมื่อกลับจากข้างนอกแล้วเห็นส้มแป้น สาวใช้คนเดียวของบ้านกำลังทำความสะอาดในส่วนของห้องรับแขกอยู่อย่างขะมักเขม้น
“เฮ้ย พี่ทำตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่เสร็จอีก บ้านก็แค่นี้เอง” เด็กสาวถามงง ๆ มองหน้าอีกฝ่ายที่ทั้งมันแผล็บและขะมุกขะมอม
“คุณนายให้ทำสองรอบค่ะ” ส้มแป้นตอบเสียงหอบเหนื่อย ท่าทางเหมือนจะเป็นลม
“ทำไมล่ะคะ”
“ได้ยินว่าจะมีแขกสำคัญมาบ้านค่ะ”
“แขกสำคัญ?” เด็กสาวทวนคำ “ใครคะ พ่อแม่พี่ณัฐเหรอ”
“พี่ส้มแป้นก็ไม่รู้หรอกค่ะ” ตอบพลางทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรง เท้าแขนไปข้างหลัง ระหว่างนั้นเอง กชกรก็เดินออกมาจากข้างในบ้าน
“ใครจะมาคะแม่” เด็กสาวหันไปถามมารดา
“เจ้าหนี้เรา” ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ้าว ก็มาไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ จนแม่บังคับพี่เนตรบินไปให้ท่าเขาถึงภูเก็ต...โอ๊ย!” ตอนท้ายเด็กสาวร้องเสียงหลงเมื่อโดนคนเป็นแม่หยิกหมับแล้วบิดเนื้อ “เจ็บนะแม่”
“ถ้าเจ็บก็ช่วยจำด้วยว่าทีหลังอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก”
ปณิตาเบี่ยงกายออก “เปี๊ยกพูดผิดตรงไหนล่ะ ก็แม่ส่งพี่เนตรไปให้อีตารวินั่นเชือดจริง ๆ นี่”
คนเป็นแม่คว้าหมอนใกล้มือได้ก็ทำท่าจะขว้าง แต่เด็กสาวก็ไว วิ่งไปหลบข้าง ๆ แจกันใบสวย
“ขว้างมาเลยค่ะ จะได้โดนแจกันใบโปรดของแม่ มาเล้ย”
“ยายเปี๊ยก!” กชกรเรียกชื่อนั้นด้วยความขัดใจ และยอมวางหมอนลงในที่สุด “จริง ๆ เลยนะแก ไม่เคยทำอะไรให้แม่สบายใจเลย ไม่เหมือนพี่สาวแก ทั้งสวยทั้งฉลาด”
“สวยน่ะสวยอยู่ แต่เรื่องฉลาดนี่ไม่ค่อยแน่ใจ” ปณิตาไม่วายพึมพำ ผู้เป็นแม่ชี้หน้าคาดโทษ “อ้ะ ๆ เปี๊ยกไม่แกล้งแม่แล้ว เล่ามาค่ะว่าตกลงใครกันแน่ที่จะมาบ้านเรา”
เมื่อฟังแม่จบลง เด็กสาวก็โวยวายด้วยความทึ่งแบบเหลือใจ
“พี่ปอยทุเรศอะ พอรู้ว่าเขาหล่อก็เปลี่ยนใจดื้อ ๆ แบบนี้เหรอ”
“ก็ปอยมีสิทธิ์นี่ เพราะเขาคือว่าที่เจ้าสาวแต่แรก ไม่ดีหรือไง ยายเนตรสุดที่รักของแกจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักไง” คนเป็นแม่เถียงแทน
“เหอะ พี่ปอยเขาคิดว่าโลกนี้เป็นของเขาคนเดียวหรือไง ถึงได้ทำอะไรตามใจแบบนี้ ระวังเถอะจะหน้าหงายกลับมา”
“จะหน้าหงายได้ยังไง พี่สาวแกมีสิทธิ์ทุกอย่าง สวยก็สวยกว่ายายเนตร ผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบผู้หญิงสวย ๆ บ้างล่ะ” กชกรพูดด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจในตัวลูกสาวคนโต
“ถ้าคุณรวิเขาชอบพี่ปอยและไม่อยากแต่งงานกับพี่เนตรจริง เขาก็ปฏิเสธแต่แรกแล้วแม่ เท่าที่ฟังดูเขาไม่ใช่คนโง่ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าแม่หลอกเขาว่าพี่เนตรเป็นลูกแม่น่ะ”
“รู้แล้วไงยะ ก็ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรนี่ เถอะน่า แม่เชื่อฝีมือพี่สาวแกว่าจะทำให้คุณรวิเขาหลงใหลได้”
ปณิตาส่ายหน้าไปมา แล้วลุกออกจากตรงนั้น โดยมีส้มแป้นค่อย ๆ ลุกเดินตามไป
“คุณหนูเปี๊ยกขา แบบนี้คุณเนตรจะเป็นยังไงคะ จะโดนทิ้งให้เคว้งอยู่ที่ภูเก็ตมั้ยคะ” เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องของปณิตา ส้มแป้นก็ถามปณิตาด้วยความเป็นห่วงเนตรา
“เปี๊ยกไม่รู้ว่าพี่เนตรเขารู้ความจริงหรือยัง หรือรู้แล้ว พี่เขาอาจจะอยากให้เป็นไปตามที่พี่ปอยต้องการก็ได้นะ เดี๋ยวเปี๊ยกโทร.หาพี่เนตรหน่อยดีกว่า” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทร.ออก
ถึงเนตราจะไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ แต่ปณิตาก็รักมากและสงสารเห็นใจอย่างที่สุด เวลาที่เนตราโดนแม่กับพี่สาวจิกใช้ เธอจะแอบช่วย และพยายามจะไม่เพิ่มความลำบากให้อีกฝ่าย แต่เนตราก็น่ารักกับเธอนัก ทำทุกอย่างให้เธอเหมือนกับที่ทำให้ปภาดาเสมอ
สายติดแล้ว แล้วก็มีคนกดรับ เด็กสาวรีบกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล พี่เนตร...พี่อยู่กับพี่ปอยป่าวอะ”
“สวัสดีครับ” ปลายสายเป็นเสียงห้าวทุ้ม
“อ้าว ไม่ใช่เบอร์พี่เนตรเหรอคะ เอ...เบอร์พี่เนตรนะ” เด็กสาวเอามือถือออกห่างหูเพื่อเช็คเลขหมายและชื่อที่โชว์หน้าจอ ก็พบว่าเป็นเนตราจริง ๆ
“ใช่ครับ เครื่องคุณเนตรา แต่เธอลืมไว้ที่บ้านผม”
“อ้าว แล้วตอนนี้พี่เนตรอยู่ที่ไหนคะ”
“น่าจะโรงแรมที่เธอพัก”
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะเอาเครื่องไปคืนพี่เนตรล่ะคะ เปี๊ยกมีธุระด่วนกับพี่เนตรค่ะ”
“อืม...” อีกฝ่ายทำเสียงครุ่นคิด
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะคะ นั่นคุณรวิหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่”
“อ้าว แล้วคุณเป็นใคร”
“ผมก็เป็นคนที่คุณเนตรลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านไง” คราวนี้เสียงที่ตอบกลับมายียวนชัด และเด็กสาวก็เริ่มหัวร้อนเสียแล้วสิ
“พี่เนตรลืมไว้หรือคุณขโมยกันแน่ ขโมยล่ะสิ ถึงอ้ำอึ้งตอนถามว่าจะเอาเครื่องไปคืนพี่เนตรเมื่อไหร่ เลวเอ๊ย เครื่องพี่เนตรราคาไม่กี่พันบาทก็ยังขโมยเหรอวะ...เอาเครื่องไปคืนพี่เนตรเดี๋ยวนี้นะ ฉันสัญญาว่าจะบอกพี่เนตรไม่ให้แจ้งตำรวจจับนาย”
“โอ้โห! ขอบคุณคร้าบ ไม่งั้นเสียชื่อมหาโจรอย่างผมหมดที่ต้องถูกตำรวจจับด้วยข้อหาขโมยมือถือเครื่องละห้าพันกว่าบาท” แล้ว ‘มหาโจร’ ก็หัวเราะอย่างเห็นขัน
“จริง ๆ ด้วย ไอ้หัวขโมยเอ๊ย...” ปณิตาโวยวายด้วยความไม่พอใจ “เอาไปคืนพี่เนตรเดี๋ยวนี้นะ แล้วบอกให้พี่เนตรโทร.กลับเปี๊ยกด้วย” พูดจบก็กดตัดสาย แล้วหันไปทางส้มแป้นด้วยสีหน้าผิดหวัง “โทรศัพท์พี่เนตรถูกขโมยอะ อดคุยกับพี่เนตรเลย”
ขณะเดียวกัน ‘โจรขโมยโทรศัพท์’ ก็ได้แต่หัวเราะขำ ๆ อยู่ในคฤหาสน์สุดหรูของตน พร้อมกันนั้นก็ชักติดใจเสียงแจ๋ว ๆ ปลายสายขึ้นมาอย่างประหลาด