เมื่อมาถึงโรงแรม รวิมีสายเข้าพอดี เขาจึงให้ภรรยาสาวเข้าไปด้านในก่อน เขาคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจะตามเข้าไป
เมื่อผละจากสามีหมาด ๆ ของตน เนตราก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อโทร.หาปภาดา เพื่อจะถามว่าเจ้าตัวพักห้องไหน แต่หาโทรศัพท์ไม่เจอ จึงจะเข้าไปถามเบอร์ห้องที่เคาน์เตอร์ ตอนนั้นเองที่มีเสียงเรียกชื่อเธอดังมาจากทางด้านหนึ่ง
“เนตร”
เนตราหันไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเจ้าของเสียง เขาเป็นชายร่างสันทัดค่อนไปทางสูง ผิวสองสี แต่งตัวด้วยชุดสูทเป็นทางการ หน้าตาคมคาย
“อั๊ต มาได้ไง”
“เป็นเรื่องบังเอิญมาก อั๊ตมาประชุมงานที่ภูเก็ต แล้วปอยเขาโทร.หาพอดี บอกว่าเนตรกับเขาพักอยู่ที่นี่”
อั๊ตหรืออาณัติเป็นเพื่อนห้องเดียวกับเธอสมัยปริญญาตรีและเคยตามจีบเธอจนรู้กันทั้งห้อง แม้เธอจะปฏิเสธและแสดงให้รู้ว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน เขาก็ไม่ย่อท้อ เขาเคยตามเธอไปที่บ้านครั้งหนึ่ง โดนปภาดาไล่ไม่ให้ไปที่บ้านอีก แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันไปจีบและตามติดปภาดาแทนเธอ ทั้งคู่คบกันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนปภาดาจะทิ้งเขาไปควงผู้ชายคนใหม่
“จ้ะ แล้วเจอปอยแล้วเหรอ”
“ไม่เจอ เขาบอกเขาไม่อยู่ที่โรงแรม ให้เรามาเจอเนตรแทน”
หญิงสาวเลิกคิ้วงง ๆ “มาเจอเนตรเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
อาณัติยิ้มแห้ง ๆ ก่อนตัดพ้อ “น้ำเสียงห่างเหินจังเลยนะเนตร เนตรทำเหมือนเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว”
เนตรายิ่งงงหนัก มองเขาด้วยความไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เขามาที่นี่เพื่อถามคำถามนี้อย่างนั้นหรือ? แปลกไปหน่อยแล้ว
“หรือเนตรยังน้อยใจเราอะ ที่เราเอ่อ...เคย...เลิกกับเนตรไปคบกับปอย”
“นี่อั๊ตพูดอะไรน่ะ เราไม่เคยคบกันจะเลิกกันได้ยังไง” หญิงสาวเอียงคอมองเขาอย่างพิจารณา “อั๊ตต้องการอะไรกันแน่”
“อั๊ต...อยากขอโอกาสจากเนตรอีกครั้ง...คือ อั๊ตคิดอยู่นานแล้ว แต่ไม่สบโอกาสเสียที จนวันนี้ อั๊ตคิดว่าถ้าอั๊ตไม่พูด คงอกแตกตาย” เขาเว้นช่วงเพื่อเอื้อมมือมาจับมือเธอ ซึ่งเนตราก็รีบดึงออกทันทีและถอยห่างเขาอย่างไว้ตัว
“ปอยให้อั๊ตทำแบบนี้เหรอ” เธอหลุดปากในสิ่งที่รู้กันดี ต่อให้ปภาดาทิ้งเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นทาสรัก ไม่ว่าปภาดาจะสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามหมด แม้แต่ยอมเป็นตัวตลกให้ปภาดาหัวเราะเยาะกลางมหาวิทยาลัยก็เคยมาแล้ว
“ทำไมดูถูกความรู้สึกของอั๊ตขนาดนี้ล่ะเนตร อั๊ตผิดไปแล้วเรื่องปอยน่ะ และอั๊ตก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าจริง ๆ อั๊ตรักใคร ใครที่เหมาะสมกับอั๊ต ใครที่อั๊ตอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้”
แม้จะไม่เคยรักเขาและไม่เคยเสียใจที่เขาเลิกจีบเธอไปเดินตามปภาดา แต่เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้ เธอก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่เอ่ยอะไรออกไป เป็นอาณัติที่เอ่ยขึ้นอีก
“ได้ไหม เนตร ให้โอกาสอั๊ตอีกทีได้ไหม”
“เห็นทีจะไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีสามีแล้ว” เสียงห้าวห้วนของรวิดังขึ้น ก่อนร่างสูงใหญ่จะก้าวมายืนเคียงข้างภรรยาสาว พร้อมยกมือโอบไหล่เธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ อาณัติเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยอะไร ปภาดาก็มาถึง
“อ้าว อั๊ต มาแล้วเหรอ เป็นไง ได้คุยกับแฟนเก่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ตกลงคืนดีกันหรือยัง...” เธอทักอาณัติเสียงใส ก่อนหันมาทางชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างเนตรา ส่งยิ้มหวานไปให้ “สวัสดีค่ะคุณคาร์ล มาแล้วเหรอคะ ปอยรอคุณตั้งนานแน่ะ ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้มั้ยคะ”
“คุยกับผม?” รวิชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่ค่ะ เปิดโอกาสให้คนรักเขาคุยกันดีกว่า...อั๊ตสู้ ๆ นะ ขอให้คืนดีกับเนตรสำเร็จ เนตรเองก็เหมือนกัน อย่างอนนานนักเลย สงสารอั๊ตอ่ะ เขาใจจะขาดแล้วรู้ป่าว” หันไปส่งยิ้มเชิงบังคับให้สองหนุ่มสาวออกจากตรงนั้นเสียที อาณัติจึงเดินนำเนตราเข้าไปที่เก้าอี้ที่ก่อนนี้เขานั่งรอเธอ “ตามไปสิจ๊ะ เนตร อั๊ตเขามารอเนตรหลายชั่วโมงเลยนะ ไปคุยกับเขาหน่อย”
เนตราถอนหายใจยาวครั้งหนึ่ง แล้วยอมเดินตามอาณัติไป โดยตั้งใจว่าจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลย
ส่วนปภาดาหันมายิ้มหวาน ๆ ให้รวิ แล้วผายมือให้เขา “เชิญค่ะ”
รวิมองตามภรรยาของตนด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้มีความหึงหรือหวงแต่อย่างใด เพราะเขาสืบเรื่องราวของเธอและคนในบ้านมาหมดแล้ว รู้มาหมดแล้วว่าเธอไม่เคยมีแฟน มันไม่ใช่อย่างที่ปภาดาพูดแน่ ๆ
ปภาดาเดินนำเขาไปยังเก้าอี้ที่อยู่มุมติดกับประตูทางเข้าโรงแรม เนื่องจากอาณัติกับเนตราอยู่มุมด้านในแล้ว
เธอนั่งลงก่อนด้วยกิริยาท่าทีเย้ายวนที่ถูกฝึกมาอย่างดี ซึ่งเห็นแล้ว รวิก็ได้แต่มองด้วยแววตาว่างเปล่าติดจะเยาะ ผู้หญิงที่มีแต่ความสวยก็เลยคิดว่าความสวยจะทำให้ได้ทุกอย่างสินะ!
“มีอะไรจะคุยกับผม” ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งตรงข้ามด้วยท่าทีสบาย ๆ ยกเท้าไขว่ห้าง วาดแขนยาว ๆ ไปตามพนัก ซึ่งเป็นท่านั่งที่ปภาดาเห็นแล้วอยากร้องกรี๊ด เขาดูเท่และเซ็กซี่เอามาก ๆ และผู้ชายแบบนี้แหละที่เธอคู่ควร ไม่ใช่ณัฐพัชร์หน้าจืด ๆ ขี้เก๊ก และชอบทำตัวกร่าง ซ้ำยังชอบใช้กำลังกับเธอบนเตียงคนนั้น
“ปอยจะขอคุยกับคุณตรง ๆ นะคะ วันที่คุณไปที่บ้านของปอยวันแรก ปอยรู้นะว่าคุณปลอมตัวเป็นทนาย แล้วให้ทนายปลอมตัวเป็นคุณ ”
คิ้วเข้มถูกยกขึ้นเป็นเชิงถามว่า แล้วไง?
“แหม คุณรวิน่าตี” เธอส่งยิ้มเซ็กซี่กลับไปให้ มือเรียวทำท่าจะข้ามโต๊ะมาตีแขนเขา ซึ่งพอเธอก้ม ก็ทำให้เห็นร่องอกขาวเต่งตึงและนวลเนียน แต่รวิไม่สนใจ เขาเบือนสายตาไปชะเง้อมองภรรยาสาวของตน ซึ่งก็เห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น “ต้มพวกเราเสียสุกเลยนะคะ แต่ก็นับว่าสวรรค์มีตาให้ปอยรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร”
รวิยังคงเงียบ รอฟังเธอพล่ามต่อไป
“ก่อนอื่น ปอยต้องขอโทษที่วันนั้นไม่ได้อยู่ต้อนรับพวกคุณ เพราะว่ามีธุระเรื่องงานด่วนน่ะค่ะ เลยเท่ากับเปิดโอกาสให้เนตรเขาสวมรอยเป็นว่าที่เจ้าสาวแทนเลย”
รวิแสยะยิ้ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะใช้ลูกไม้ตื้น ๆ ในการเล่นงานเนตราและหาทางจะแต่งงานกับเขา แต่ก็เอาเถอะ นั่งดูเธอเล่นละครก็สนุกดี
“อ้อ คุณเนตราสวมรอยเองเลยเหรอครับ” เขาขยับตัวนั่งตัวตรงอย่างสนใจ ท่าทีสบาย ๆ หายไป ซึ่งเห็นแล้วปภาดาก็ยิ้มพอใจ