“ไม่ได้เรื่องเลยเนตร” กชกรตำหนิด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและผิดหวัง “ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้”
“ก็คุณรวิไม่อยู่นี่คะ”
“แล้วทำไมไม่รู้จักเอาอกเอาใจคนรอบตัวเขาไว้บ้างล่ะ นี่ไปตบหน้าเขาอีก โอ๊ย ป้าจะเป็นลม แบบนี้ถ้าเขาหาเรื่องจะไม่แต่งงาน แล้วก็ยึดบ้านยึดเงินเรา จะทำยังไงกัน”
เนตราก้มหน้านิ่งด้วยความน้อยใจ ขณะที่ผู้เป็นป้าได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความโมโห เป็นจังหวะเดียวกับที่รวิโทร.เข้ามา
“เนี่ยๆ เขาโทร.มาแล้ว จะโดนต่อว่าอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” บ่นเสร็จก็ปั้นหน้ายิ้ม แล้วกดรับ กรอกเสียงหวานลงไป “สวัสดีค่ะ คุณรวิขา คงทราบเรื่องที่หลาน เอ๊ย ลูกสาวดิฉันเผลอทำร้ายร่างกายทนายของคุณแล้วใช่มั้ยคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ...อะไรนะคะ ไปไหนนะคะ”
กชกรนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางหันไปมองหน้าหลานสาวตนอย่างใช้ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “ตกลงค่ะ”
ครู่ต่อมา กชกรก็วางสายด้วยรอยยิ้มกว้าง หันไปทางเนตราอีกครั้ง
“โชคดียังเป็นของแกที่คุณรวิเขาไม่ถือโทษโกรธ”
เนตรากับส้มแป้นหันสบตากันแล้วถอนหายใจโล่งอก ขณะที่อีกฝ่ายเอ่ยต่อ
“แต่มีข้อแม้...ว่าพรุ่งนี้แกต้องไปภูเก็ตกับเขา”
“อะไรนะคะ!” เนตราร้องเสียงหลง
“คราวนี้ห้ามพลาดอีกนะ แกจะต้องทำให้เขารักแกหลงแก แล้วก็ยอมแต่งงานกับแกให้เร็วที่สุด”
“คุณป้าคะ เนตรขอไม่ไปค่ะ” ปฏิเสธเสียงแน่นหนัก
“แกต้องไป!”
“ไม่ค่ะ”
กชกรถลาเข้ามาจับตัวเธอแล้วฟาดแรงๆ ที่ต้นแขน
“จะไปหรือไม่ไป”
“ให้เนตรทำอย่างอื่นนะคะ แต่เนตรไม่ไปทำแบบนี้” เธอยกมือไหว้ขอร้องอย่างน่าสงสาร เพราะแน่ใจแล้วว่าการไปต่างจังหวัดกับว่าที่เจ้าบ่าวมันหมายถึงอะไร
“ไม่ได้ แกต้องไป!” เน้นเสียงแน่นหนักแล้วผลักร่างบางออกห่างตัวแรงๆ เนตราเซน้อยๆ
“ใครจะไปไหนคะคุณแม่” เสียงสดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เธอเป็นเด็กสาววัยประมาณยี่สิบ หน้าตาสะสวย น่ารัก แต่งตัวสมวัยและทันสมัย
ปณิตา ลูกสาวคนเล็กของกชกรนั่นเอง
“ให้พี่เนตรไปซ้อมฮันนีมูนกับว่าที่เจ้าบ่าวจ้ะ”
ปณิตาหันมองเนตรา เห็นสีหน้านั้นแล้วก็ให้เห็นใจยิ่งนัก “เขามีแต่ฮันนีมูนหลังแต่งนะแม่”
“สมัยนี้จะก่อนหรือหลังก็มีค่าเท่ากันแหละ”
“พี่เนตรไม่ใช่พี่ปอยนะที่จะไปกับผู้ชายได้ง่ายๆ” เด็กสาวพูดอีก
“ยายเปี๊ยก!” คนเป็นแม่กรีดเสียงและเงื้อมือทำท่าจะฟาดแขนเธอ เด็กสาวรีบโดดออกห่าง แต่ยังไม่วายพูด
“ก็จริงนี่แม่ ทำไมต้องให้พี่เนตรทำอะไรฝืนใจแบบนี้ด้วยล่ะ นี่ถ้าเป็นพี่ปอยนะ แม่ไม่ต้องบังคับเลย”
ส้มแป้นก้มหน้ากลั้นยิ้มขำ ขณะที่กชกรชี้หน้าลูกสาวคนเล็ก “ยัง ยังไม่หยุดอีก จะไปไหนก็ไปไป๊ ช่วยอะไรใครเขาไม่ได้ก็อย่าทำให้หงุดหงิด”
“งั้นไปกินข้าวกับเพื่อนนะ เบิกตังค์ด้วย” ยื่นมือมาตรงหน้า กชกรทำหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ยอมควักให้แต่โดยดี
ปณิตารับเงินมาแล้วก็หันไปส่งยิ้มให้กำลังใจเนตรา
“โชคดีนะพี่เนตร” จากนั้นก็เดินจากไป
เนตราหันไปทางผู้เป็นป้าอีกครั้ง “คุณป้าคะ เรื่องนี้...”
“จะปฏิเสธทำไมให้ป้าหงุดหงิด หา เนตร ยังไงแกก็ต้องเสียตัวให้เขาอยู่แล้ว จะตอนนี้หรือตอนไหนก็มีค่าเท่ากัน อ้อ ไม่สิ เสียตัวตอนนี้มีค่ามากกว่า สิบล้านเชียวนะ...นังแป้น ไปจัดเสื้อผ้าให้นายของเอ็ง เอาเสื้อผ้ายายปอยน่ะ ใส่ไปเยอะๆ มีแต่สวยๆ เซ็กซี่ๆ ทั้งนั้น ลำพังแค่เสื้อผ้าเจ้านายเอ็ง เดี๋ยวว่าที่เจ้าบ่าวจะนึกว่าไปเที่ยวกับแม่ชี!”
โทรศัพท์ของรวิดังขึ้น ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านข่าวธุรกิจผ่านจอมือถืออยู่ในห้องนอน ชื่อที่แสดงอยู่หน้าจอคือ Daddy
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว รู้ได้ทันทีว่าท่านโทร.มาทำไม ไอ้มาโนชญ์ขี้ฟ้อง!
“ครับ แด๊ด...”
“คาร์ลทำอะไรอยู่” เสียงบิดาถามเชิงดุ
“ไอ้โนชญ์มันฟ้องแด๊ดว่าไงล่ะครับ” เขาทำเสียงเบื่อๆ
“พ่อเข้าใจว่าคาร์ลไม่พอใจ แต่นี่ไม่ใช่วิธีของสุภาพบุรุษ”
“ผมกับแด๊ดคิดต่างกัน กับคนที่ไม่ให้เกียรติเรา เราไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเขา”
“พ่อถึงบอกว่าพ่อเข้าใจ แต่หนูคนนั้น เนตราน่ะ โดนบังคับ เพราะเธอเป็นแค่หลานสาวที่ต้องทดแทนผู้มีพระคุณ จะทำอะไรก็ให้เกียรติเธอบ้าง”
รวิเงียบ นึกถึงใบหน้ารูปไข่หวานละมุน แต่ดวงตาติดจะเศร้าของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา แต่ครู่เดียวก็สลัดออก เขาไม่เชื่อความหวานความเศร้าแบบนั้นหรอก เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยปางตายเพราะสองสิ่งนี้แหละ!
“เอาเป็นว่า ผมจะทำในสิ่งที่เจ้าหนี้อย่างผมควรจะทำและควรจะเรียกร้องก็แล้วกันนะแด๊ด แค่นี้ก่อนนะครับ ฝากความคิดถึงนวลด้วย”
รวิส่งรถมารับเนตราที่บ้านตรงตามเวลาที่นัดไว้ เป็นรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ซึ่งกชกรเห็นแล้วก็ได้แต่ทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย
“ว่าที่ผัวแกนี่แสบไม่ใช่เล่นนะ” กชกรเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “แต่ก็อีกแหละ อาจเพราะเจ้าสาวเป็นแก ไม่สวยเหมือนยายปอย เขาก็เลยส่งรถกระจอกๆ แบบนี้มา”
เนตราไม่พูดไม่ตอบโต้อะไร สีหน้าเธอเรียบเฉยและสงบ วันนี้เธออยู่ในชุดแต่งกายทะมัดทะแมง กางเกงขายาว เสื้อยืดพอดีตัว มีเสื้อคลุมสวมทับ และรองเท้าผ้าใบ
“โชคดีนะคะ คุณหนู” ส้มแป้นกอดอวยพร มองหญิงสาวด้วยความสงสาร
“ขอบคุณค่ะ...” แล้วเธอก็หันไปยกมือไหว้กชกร
“โชคดีนะจ๊ะหลานรัก” กชกรบ๊ายบายใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีความเห็นใจหรือสงสารเธอแม้แต่น้อย เนตราสะกดกลั้นความอดสู แล้วก้าวขึ้นรถ
กชกรโทร.หาปภาดาอีกครั้ง เพื่อบอกข่าวดี “ยายเนตรไปแล้วลูก ไปแล้ว”
“เย้ๆ” ลูกสาวเธอชูมือดีใจผ่านกล้องโทรศัพท์ “ขอให้เนตรทำสำเร็จเนอะแม่เนอะ จะได้หายใจหายคอคล่องขึ้นมาบ้าง...โอเค แม่ แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” แล้วทางนั้นก็วางสายไป กชกรเองก็กลับเข้าบ้านเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอก มีเพียงส้มแป้นที่ได้แต่มองตามรถคันนั้นด้วยความเป็นห่วงเนตราสุดหัวใจ