นั่นเอง หญิงสาวจึงเอามือลง ปล่อยแจกันให้ร่วงหลุดมือ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง เธอเงยหน้ามองฮีโร่หนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอได้ทันเวลา เขาอ้าแขนออกพลางพยักหน้า เนตราก็โผเข้าหาร่างสูงใหญ่นั้นอย่างคนขวัญเสีย ร่างเธอสั่นน้อย ๆ ด้วยความใจหายนัก เธอ...เกือบเสียทีมันไปแล้ว
ทางด้านรวิ เขารับร่างเธอเข้าสู่อ้อมอกกว้าง แล้วกอดกระชับเพื่อปลอบขวัญ
“ไม่เป็นไร ๆ คุณปลอดภัยแล้ว” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยนอยู่เหนือศีรษะ ทั้งที่ในใจนั้นอยากจับไหล่เธอเขย่ามากกว่าว่า หนีมาทำไม???
ครู่ต่อมา คนที่ตัวสั่นงันงกก็ค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อผละออกจากอกเขา แล้วพนมมือไหว้
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยดิฉันไว้ทัน...ว่าแต่คุณทนายรู้ได้ยังไงคะว่าดิฉันอยู่ที่นี่”
รวิไม่ตอบอะไร เขาตรงไปหยิบเป้ของเธอแล้วออกคำสั่ง “กลับโรงแรม”
หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่กลับค่ะ”
คราวนี้เขาหันขวับมามอง ดวงตาคมราวมีดโกนเหมือนมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ “จะอยู่ให้มันข่มขืนให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ย้ายที่พักก็ได้ค่ะ แต่จะยังไม่กลับไปที่นั่น”
“เนตรา” เขาเรียกเสียงหนัก “จนป่านนี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจ...ขอเป้คืนด้วยค่ะ”
“ผมแทบคลั่งตอนคุณหายไป แล้วก็ตามหาคุณเหมือนหมาบ้า คิดหรือว่าผมจะปล่อยให้คุณหายไปอีก”
เนตราเงยหน้ามองคนพูดด้วยดวงตาเหมือนนางกระต่ายน้อยมองนายพรานผู้อารี
เขาพาตัวเธอมาให้นายของเขา แต่เวลานี้เขาทำเหมือนกับว่าห่วงเธออย่างนั้นหรือ เธอเชื่อความรู้สึกนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
อ้อ! อาจไม่ได้ห่วงเธอ แต่เขาต้องทำตามหน้าที่ เขาทำเพื่อนายของเขา
ทันทีที่คิดอย่างนั้น แววตาของเธอก็สลดลง คนอย่างเนตราไม่มีสิทธิ์จะหวังความรักความเป็นห่วงจากใครอยู่แล้ว
“เนตรา” เสียงของรวิอ่อนโยนลง “ผมเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม”
หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง เพื่อค้นหาความจริงใจในดวงตาคู่นั้น ไฟในดวงตาที่เมื่อครู่นี้เหมือนจะเผาเธอให้มอดไหม้ กลายเป็นกองไฟที่แสนอบอุ่น
“ขอบคุณนะคะ” เธอพึมพำเหมือนละเมอ “แต่คุณทนายได้โปรดเข้าใจดิฉันด้วย”
คิ้วเข้มของรวิเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“ฉันขอเวลาทำใจหน่อย เรื่องคุณรวิน่ะค่ะ..แล้วฉันจะกลับไปหาเขาเมื่อถึงเวลา”
รวินิ่งไปครู่หนึ่งก็มีทีท่าเข้าใจเธอมากขึ้น แต่ก็แกล้งทำยิ้มเยาะ
“เพราะเขาขี้เหร่สินะ”
เนตราส่งวงค้อนให้เขา เน้นย้ำเหลือเกินนะเรื่องนี้
“ต่อให้เขาหล่อเหมือนคุณ ฉันก็ต้องขอเวลาทำใจอยู่ดี...ตกลงนะคะ คุณกลับไปก่อน ฉันจะไปหาที่พักใหม่”
รวิไม่พูดอะไรอีก เดินนำเธอออกจากห้อง ทำเหมือนว่าจะทำตามคำขอร้องของเธอ
ระหว่างทาง สวนกับเจ้าหน้าที่ผู้ชายของรีสอร์ต ที่หน้าอกข้างซ้ายบอกตำแหน่งของเขาว่าเป็นผู้จัดการ
“ขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเหตุไม่ดีขึ้น ทางเรายินดีรับผิดชอบด้วยการไม่คิดค่าเช่าคุณผู้หญิง แต่ขอความกรุณาอย่าแจ้งความเลยนะครับ” เขารีบเอ่ยก่อนโค้งศีรษะเป็นการขอโทษ
“เกิดขึ้นบ่อยสินะ” รวิวิเคราะห์จากท่าทีที่ไม่ได้มีความตกใจของผู้จัดการ มีแต่ความกังวลกลัวจะเสียชื่อเสียงของรีสอร์ตเท่านั้น
อีกฝ่ายก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมตอบ
“หมอนั่นมันเป็นใคร” เขาถามออกไปตรง ๆ ลองมาอีหรอบนี้ แสดงว่าหมอนั่นต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากพอ
“เอ่อ...” สีหน้าของอีกฝ่ายลำบากใจ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมให้ตำรวจเป็นคนถามเองก็แล้วกัน”
“อย่านะครับ” ผู้จัดการรีบห้ามไว้ “ถ้าคุณแจ้งความ พวกผมเดือดร้อนแน่ ๆ คือ...เขาเป็นหลานชายเจ้าของรีสอร์ตครับ เพิ่งมาอยู่ไม่นาน มันชอบเข้าหาเด็กเสิร์ฟผู้หญิงและนักท่องเที่ยวผู้หญิงที่มาคนเดียว มีเรื่องที เจ้าของก็ใช้เงินปิดปากที ถ้าเราปล่อยให้ลูกค้าแจ้งความได้ พวกเราจะโดนลงโทษกันหมด ฐานทำให้รีสอร์ตเสียหาย”
“โดยไม่สนว่าจะมีผู้หญิงอีกกี่คนที่ต้องโดนทำร้ายงั้นเหรอคะ” เนตราอุทานด้วยความตระหนกและผิดหวัง “เป็นแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“พวกผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ เราเป็นแค่ลูกจ้าง ตำรวจท้องที่บางคนก็เป็นเพื่อนกับเจ้าของ” น้ำเสียงของผู้จัดการเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ต้องมีใครสักคนจัดการได้สิคะ...”
รวิพยักหน้าเห็นด้วย หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ส่วนเนตรา หญิงสาวตัดสินใจว่าจะยังไม่แจ้งความก็แล้วกัน แต่ได้ขอร้องให้ผู้จัดการบอกกับพนักงานคนอื่น ๆ ให้คอยช่วยเหลือหรือเตือนนักท่องเที่ยวผู้หญิงคนอื่นให้ระวังตัวให้จงมาก เพราะอาจไม่โชคดีเหมือนเธอ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจากมา
“น่าจะมีใครทำอะไรได้นะคะคุณทนาย จะปิดข่าวแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ อันตรายสำหรับผู้หญิงที่มาคนเดียว” เนตรายังคงติดใจเรื่องนี้ ก่อนหันหลังกลับไปมองทางด้านหลัง ซึ่งตอนนี้เปิดไฟทุกจุด ด้านหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าเข้ม ขับรีสอร์ตให้ยิ่งสวย น่าเข้าพัก “ดูสิคะ มันสวยมากเลย”
รวิหันไปมองตามสายตาเธอ แล้วก็พบว่ามันสวยจริง ๆ นั่นละ เพียงแต่เขาเคยเจอที่ที่สวยกว่านี้มาเยอะแล้ว จึงไม่ตื่นตาตื่นใจ ผิดกับเธอที่เอาแต่มองด้วยความทึ่ง ตื่นตาตื่นใจเหมือนเด็ก ๆ เขาอดอมยิ้มไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็นึกเห็นใจเธอขึ้นมาครามครัน
ตามที่บิดาให้ข้อมูลมา เธอถูกเลี้ยงเหมือนเด็กในบ้านเท่านั้น ไม่ค่อยมีโอกาสไปไหนเหมือนลูก ๆ ของเจ้าของบ้าน เลยไม่ค่อยได้พบได้เจออะไร ชีวิตวน ๆ เวียน ๆ อยู่แค่บ้าน ครัว และตลาดเท่านั้น
เอาไว้แต่งงานแล้ว จะพาเที่ยวรอบโลกเลยนะ
“ไปเถอะ” เขาพยักหน้าให้เธอ
หญิงสาวอิดออดเล็กน้อยก็ยอมก้าวตามเขา
“คุณทนายคะ คุณเข้าใจฉันและยอมทำตามที่ฉันขอร้องใช่มั้ยคะ” ก้าวเร็ว ๆ ตามมาเอ่ยในสิ่งที่กังวลใจ รวิทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
หญิงสาวยิ้มกว้าง เงยหน้ามองเขาเหมือนเด็กที่ผู้ปกครองยอมตามใจ “ขอบคุณค่ะ”
รวิเผลอมองรอยยิ้มนั้นนิ่ง ส่วนเจ้าของรอยยิ้มก็ได้แต่มองหน้าเขางง ๆ ว่าเขามองเธอทำไมนักหนา
“เอ่อ...เมื่อกี้คุณชวนฉันกลับ จะไม่กลับแล้วเหรอคะ”
รวิรู้สึกตัวว่าตัวเองพลาดไปแล้วที่แสดงความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างให้เธอรับรู้ เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยเสียงเรียบติดจะดุ
“ไปสิ เร็ว ๆ ด้วย ผมเหนื่อยแล้วก็หิวมาก” แล้วเขาก็ออกเดินเร็ว ๆ ไปยังรถที่มีตราสัญลักษณ์ของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งติดไว้ โดยไม่หันมามองเธออีก