ขากลับ สองหนุ่มสาวไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ เพราะต่างคนต่างก็กำลังใช้ความคิดของตัวเอง จนกระทั่งถึงโรงแรมนั่นละ รวิถึงเอ่ยขึ้น
“ยังไง ผมก็จะไม่เปลี่ยนความรู้สึกจากคุณ”
เนตรายังคงเงียบ ลงจากรถได้เธอก็เดินลิ่ว ๆ เพื่อจะเข้าไปในโรงแรม รวิรีบก้าวตาม โดยหารู้ไม่ว่ามุมหนึ่ง มีคนกำลังแอบมองเขาอยู่ แล้วใครคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาใครบางคน
รวิก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็ตามเธอทัน
“เนตรา ฟังผมก่อน” เขาคว้าข้อมือเธอเอาไว้ เนตรารีบดึงออกทันที
“กรุณาให้เกียรติว่าที่นายหญิงของคุณด้วยนะคะคุณคาร์ล...พรุ่งนี้ดิฉันจะกลับไปหาคุณรวิที่โรงแรมนั่น และจะคุยเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อย เราจะจัดงานแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”
“เอางั้นเลยเหรอ” เขาถามและเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว เนตราไม่ได้มองหน้าเขา จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น
ระหว่างรอลิฟต์ เนตรามองตรงที่ประตูลิฟต์ ส่วนรวิเอาสองมือล้วงกระเป๋าและมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าตลอดเวลา
“พรุ่งนี้คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่เที่ยวค่ะ จะกลับไปหาคุณรวิ” เธอตอบทันที และเอ่ยชื่อว่าที่เจ้าบ่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงต่างจากเคย ราวกับว่าชื่อนี้เป็นหลักที่หัวใจเธออยากยึดโยงเอาไว้ไม่ให้หวั่นไหวไปกับคนข้าง ๆ
“เดี๋ยวเขาก็ให้ผมพาคุณเที่ยวอยู่ดีนั่นแหละ”
“ถ้างั้น เดี๋ยวฉันจะบอกกับเขาเองค่ะ” เธอพูดจบ ลิฟต์ก็มาถึงพอดี
ไม่นาน ลิฟต์ก็พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นที่พักอยู่
“ฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยนเมื่อเดินมาส่งเธอที่หน้าห้อง เนตราทำเสียงรับทราบแล้วรีบเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้อง
ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาพูดกับเธอนั้น เป็นเรื่องจริงหรือเขาแค่หยอกล้อเธอเล่น หรือเขามีแผนอะไรหรือเปล่า แต่เธอจะต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด นอกจากเพราะมันไม่เหมาะสมแล้ว เธอก็ไม่อยากให้เขากลายเป็นคนทรยศเจ้านาย ผู้ที่เขาเล่าให้ฟังระหว่างรับประทานอาหารว่า รักและเคารพเหมือนคนในครอบครัว
เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้ว เนตราก็เปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากปิดเครื่องเกือบทั้งวัน มีข้อความบอกว่ามีสายที่ไม่ได้รับเกือบร้อยสาย มาจากรวิ มาจากส้มแป้น จากป้ากชกร และจากปภาดา ส่วนในไลน์ก็มีข้อความด่าจากป้า เมื่อรู้จากคาร์ลว่าเธอหายตัวไป
หญิงสาวถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความเหนื่อยหนักในหัวใจ ที่ป้าเอาแต่ด่า ไม่ได้ใส่ใจถึงความรู้สึกของเธอสักนิดเลย
หยดน้ำหยดอุ่นพร้อมใจกันมาออรื้นที่หัวตา แต่เธอยังไม่ทันจะได้ใช้นิ้วกรีดมันทิ้ง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อน จากปภาดานั่นเอง คงเพราะมีข้อความแจ้งเตือนว่าหมายเลขของเธอสามารถติดต่อได้แล้ว
“เนตร อยู่ไหน แล้วปิดเครื่องทำไม หา ทำไมติดต่อไม่ได้ เป็นบ้าอะไร!” ทันทีที่กดรับสาย ฝ่ายนั้นก็กรอกเสียงแหลมที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดลงมา
“ปอยมีอะไรเหรอ” เธอกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตา
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก หายไปไหนมา คนเขาตามหาตัวให้วุ่นไปหมด นี่อย่าบอกนะว่าแกจะหนีงานแต่งงานน่ะ”
“เปล่าจ้ะ เนตรก็แค่ขอเวลา...ทำใจนิดหน่อยเท่านั้น”
“โอ๊ย จะต้องทำใจทำไม ถึงเขาจะขี้เหร่ แต่เขาก็รวยมากนี่ ชีวิตเนตรก็จะยิ่งกว่าตกถังข้าวสารเสียอีก สบายไปยันชาติหน้านั่นแหละ”
“ตกลงที่โทร.หาเนตร เพราะอะไร” เธอถามย้ำจุดประสงค์ของอีกฝ่าย
“แค่จะบอกว่า ไม่ต้องสาระแนบอกว่าที่ผัวเนตรล่ะว่าปอยอยู่ที่นี่ด้วย เข้าใจหรือเปล่า”
“อ้าว ยังไม่กลับเหรอ” ตอนรู้ว่ารวิให้ทนายพาเธอมาภูเก็ต เนตราก็ตกใจเหมือนกันว่ารวิจะบังเอิญเจอปภาดากับณัฐพัชร์ไหมนะ ภูเก็ตก็เล็กแค่นี้ ความบังเอิญอาจเล่นงานเอาได้ แต่ก็นึกได้ว่า วันนี้ครบกำหนดที่ปภาดาบอกว่าจะอยู่ที่นี่แล้ว
“ยังสิ ผัวมีธุระต่อ...แค่นี้แหละที่จะโทร.มาบอก อ้อ แล้วก็อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ แม่จะช็อกตายอยู่แล้ว”
“จ้ะ” เธอรับคำ พลางก็นึกว่า ก็ไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้วละ...
“แล้วนี่ได้เสียกะเขาไปยัง” ปลายสายโพล่งถาม
“ว้าย” เนตราอุทานเสียงตกใจ “พูดอะไรน่ะ”
“โอ๊ย มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องอายแล้ว และมันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารีบแต่งงาน”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก และเนตรก็ยัง...ไม่มีอะไรกับเขาหรอกจ้ะ”
“แล้วจะเล่นตัวไปถึงไหน หลับหูหลับตาเอา ๆ ไปเหอะ หนี้จะได้หมดเสียที ถ้าเนตรยังเล่นตัวอยู่แบบนี้ แม่ก็ทุกข์ ปอยก็ไม่สบายใจจริง ๆ เสียที”
คำพูดมักง่ายที่ออกจากปากลูกพี่ลูกน้องทำให้เนตราน้ำตาไหล ปภาดาพูดออกมาได้อย่างไรประโยคพวกนั้น
“คืนนี้ก็เผด็จศึกเขาซะ แล้วคุยเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อย เข้าใจใช่มั้ย... แค่นี้นะ”
ปภาดาวางสายไปแล้ว แต่เนตรายังคงนั่งนิ่งด้วยความอดสูชีวิตตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อคืน ก่อนนอน รวิโทร.ข้ามห้องมาชวนเธอลุกไปทานมื้อเช้าด้วยกัน ซึ่งเนตราก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตามปกติเธอก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว
เมื่อเจอกันหน้าห้องในตอนเช้า รวิก็ส่งยิ้มให้เธอ มองเธอที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้น รองเท้าสานสีน้ำตาลด้วยความพึงพอใจ ส่วนเขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสไตล์ฮาวาย กางเกงขาสั้นเช่นเดียวกัน
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยคุณ” เขาชวนคุยระหว่างเดินไปรอลิฟต์ด้วยกัน
“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ ด้วยความจริง เพราะความเหนื่อยล้าบวกกับยอมรับความจริงได้แล้ว ทำใจได้แล้วว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก เธอจึงผ่อนคลายมากขึ้น สามารถนอนหลับสนิทจนถึงเช้านั่นละ
“น่าอิจฉา...ผมนอนไม่หลับเลย” เขาทำเสียงอ้อน มองเธอเชิงตัดพ้อ “เพราะคุณนั่นแหละ”
“อย่ามาโยนโทษให้ฉันนะคะ ฉันอยู่ของฉันดี ๆ” เธอทำเสียงไม่พอใจ คราวนี้รวิเผลอหัวเราะ อยากจะบอกนักว่า เธออยู่ดี ๆ ที่ไหนกัน เธออยู่แบบน่ารักต่างหากเล่า