“จริง ๆ ในสัญญาระบุแค่ว่า เจ้าสาวต้องเป็นทายาทของคุณประพล ซึ่งคุณป้าของคุณก็เอาจุดนี้มาซอกแซกได้ ถือว่าผม...เอ่อ...เจ้านายของผมน่ะ พลาดเอง”
“แต่คุณรวิสามารถแย้งได้นี่คะว่า ฉันไม่ใช่ทายาทที่แท้จริง”
เจ้าของชื่อรวิตัวจริงเลิกคิ้ว “คุณอยากให้แย้งหรือไม่อยากให้แย้งล่ะ”
เนตราชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันก็...แค่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับคุณรวิเขาน่ะค่ะ หนี้ตั้งสิบล้าน เจ้าสาวควรจะสวยแบบปอย ไม่ใช่เด็กกะโปโลอย่างฉัน”
“นิยามความสวยของคนเราไม่เหมือนกันนี่ เนตรา ไม่คิดว่าเขาจะปิ๊งคุณบ้างเหรอ”
“ไม่ทราบสิคะ ฉันไม่ค่อยได้มองหน้าเขาเท่าไหร่”
“เพราะเขาขี้เหร่มากสินะ...ผมถามจริง ๆ เลยนะ ตอบแบบไม่ต้องสร้างภาพนะ คุณทำใจได้จริง ๆ เหรอ”
“คุณทนายถามเหมือนกับว่าไม่เคยเห็นคนที่เขาขี้เหร่ ๆ มีแฟนงั้นแหละค่ะ ฉันน่ะ เชื่อเรื่องความดีและความใกล้ชิดนะ ถ้าคุณรวิเขาเป็นคนดี เข้ากันได้ ฉันก็คงรักเขาได้ไม่ยาก พ่อฉันน่ะ ขี้เหร่กว่าคุณรวิอีกค่ะ แต่ลุงบอกว่าแม่รักพ่อมาก เพราะพ่อเป็นคนดี ขยันมาก รักครอบครัว แล้วก็มั่นคงกับแม่คนเดียว” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด แม้ว่าจะไม่เคยได้เห็นหน้าท่านและจำอ้อมกอดท่านไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“นับว่าน่าอิจฉาที่ได้พบคู่แท้ของตนจนวันสุดท้ายของชีวิต” รวิเอ่ยเหมือนรำพึง เสียงของเขาเบาลง แววตาก็ไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่าง
เนตราเหลือบสายตาขึ้นมองเขาอย่างพิจารณา เห็นบางความเศร้าและเจ็บปวดในสีหน้าและแววตาคู่นั้น บวกกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ ก็ทำให้พอเดาออกว่าเขาน่าจะมีอดีตรักที่เจ็บปวดมา แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี จะปลอบใจ ก็ไม่รู้เรื่องแน่ชัด จะถามก็กลัวเขาว่าละลาบละล้วง จึงทำได้เพียงแค่เงียบและหันไปมองทะเลยามค่ำต่อไป
“คุณอยากรู้เรื่องของผมหรือเปล่า” อยู่ ๆ คนที่นั่งตรงข้ามก็เอ่ยขึ้น
“คะ?” เธอละสายตาจากทะเลมามองเขาด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ก็ผมเห็นคุณทำหน้าสงสัยเหมือนอยากรู้เรื่องของผม”
เนตรารีบสั่นหน้าปฏิเสธ “ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากรู้”
“ดี! ผมจะเล่า” เขาทำเสียงเหมือนไม่พอใจที่เธอไม่สนใจเขา เนตราเลยได้แต่มองเขางง ๆ
แบบนี้ก็ได้เหรอ เธอไม่อยากรู้ก็จะเล่าเนี่ยนะ แปลกคนแท้...
ระหว่างรับประทานอาหาร รวิก็เล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟังไปด้วย ตักอาหารบริการเธอไปด้วย เนตราจำต้องยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อาจปฏิเสธว่า เขาทำให้เธอรู้สึกดีมากจริง ๆ ตาคม ๆ ที่เหมือนมีดโกนอาบไฟเวลานี้เหมือนมีใครเอาน้ำเชื่อมไปราดไว้ ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นทุกที ๆ
แต่แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่า เธอไม่มีสิทธิ์รู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น เพราะเธอกำลังจะแต่งงาน และว่าที่เจ้าบ่าวก็เป็นเจ้านายของเขาด้วย
“พอแล้วค่ะคุณทนาย ฉันอิ่มแล้ว” เธอรีบห้ามด้วยน้ำเสียงห่างเหินเมื่อเขาทำท่าจะตักอาหารใส่จานให้อีก
“กินไปนิดเดียวเอง จะอิ่มได้ไง...คุณผอมเกินไปนะ ผมชอบ...เอ่อ รวิเขาชอบผู้หญิงมีเนื้อมีหนังหน่อยนะ”
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นอย่างที่เขาชอบด้วยล่ะคะ ฉันก็เป็นฉันแบบนี้” เธอรีบค้าน ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาบอกให้เธอทำ “แต่คุณบอกมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาชอบคนอวบ ฉันจะผอมยิ่งกว่าไม้เสียบผี!” เธอทำท่าทางมุ่งมั่น
เห็นท่าทางของเธอแล้ว รวิก็อดยิ้มขำไม่ได้ แต่เขายังไม่ทันจะพูดอะไร ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ เสียก่อน
“เฮ้ คาร์ล”
รวิสะดุ้งเล็กน้อย ด้วยกลัวความลับจะหลุดตรงนี้
เจ้าของเสียงทักเป็นหญิงสาวหน้าเฉี่ยว แต่งตัวเซ็กซี่น่ามอง
“ริก้า” เรียกชื่อนั้นแล้ว เขาก็ลุกขึ้นเพื่อสวมกอดเธอ ก่อนผละออก
“เซอร์ไพร้ส์มาก ไม่คิดว่าจะได้เจอมึงที่นี่ มึงมาทำอะไร แล้วทำไมไม่บอกกู” หญิงสาวผู้มาใหม่ถามด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ กูมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ กะว่าธุระเสร็จค่อยบอกมึง”
“แล้วนี่มากับใคร แด๊ดดี๊กับมัมมาหรือเปล่า” ถามแล้ว ดาริกาก็หันไปทางเนตรา ดวงตาที่ได้รับการตกแต่งเนียนกริบเบิกกว้างออกเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้ เนตราส่งยิ้มกลับ มองความสวยความเก๋ของอีกฝ่ายด้วยความทึ่งและชื่นชม
“ยังไม่มา เดี๋ยวจะมา” รวิตอบสั้น ๆ
เป็นคำตอบที่ทำให้ผู้มาใหม่ยิ่งสงสัยแปลกใจ แต่รวิไม่เปิดโอกาสให้ถามอะไรมาก เขาจัดการแนะนำสองสาวให้รู้จักกันสั้น ๆ จากนั้นก็ไล่สาวสวยออกจากโต๊ะ
“มึงทิ้งโต๊ะมานานแล้ว กลับไปได้แล้วไป”
ริก้าหรือดาริกาหัวเราะ มองหน้าเขาล้อ ๆ แต่ก็ยอมขยับตัวแต่โดยดี “กลับก่อนนะคะ คุณเนตรา แล้วพบกันใหม่ค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” เนตรายกมือไหว้ และเมื่อดาริกาเดินพ้นไปแล้ว เธอก็อดชมไม่ได้ “พี่เขาสวยจังเลยนะคะ เท่มากด้วย"
"อือ เขาเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ตะวันเพื่อนสนิทของผมน่ะ" เขาหมายถึงอังศุธร "...ตอนหลังเลยสนิทกันสามคนเลย"
"ดิฉันเพิ่งรู้ว่าคุณชื่อคาร์ล” เนตราเอ่ยขำ ๆ เพราะนั่งเครื่องมากับเขา แล้วนี่มาทานข้าวกับเขา ก็เพิ่งจะรู้ชื่อ
“ก็คุณไม่ถาม”