ย้อนความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน

1778 Words
ท้องฟ้ายังไม่กระจ่างชัดปกคลุมกึ่งความมืดปนสว่าง ต้อมเดินไปยังสวนมะม่วงที่เขาปลูกเมื่อสองสามปีก่อน จนตอนนี้ได้เนื้อได้ผลมากินและขายเพื่อยังชีพ กว่าจะจัดการเก็บมะม่วงเสร็จเกือบเที่ยง แต่ยังดีมีรถมารับผลผลิตถึงสวน เขาเลยสบายกายไม่หนักมาก เมื่อรับเงินมาก้อนหนึ่งจึงรีบไปฝากยังธนาคาร หลังจากนั้นต้อมจึงรีบไปหาอาคมที่บ้าน สองเท้าของต้อมก้าวเข้าไปยังบ้านจัดสรรพ ทำเลนั้นอยู่ห่างตัวเมืองพอสมควร ไกลจากบ้านของเขาอยู่หลายกิโลเมตร ต้อมจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยทำไมถึงไม่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ แต่ฟ้ายังเป็นใจให้ได้พบเจอเพื่อนเก่า “เข้ามาก่อนสิต้อม” อาคมเปิดประตูรั้วและเชื้อเชิญต้อมมายังห้องรับแขก “บ้านนายน่าอยู่จัง” ต้อมนั่งลงบนโซฟา “น่าอยู่แต่หนักมาก ผ่อนธนาคารเดือนหนึ่งเป็นหมื่น ไม่เหมือนนายมีบ้านพ่อบ้านแม่ให้อยู่ เอ่อ ลืมถามมีเมียหรือเปล่า เราจะได้วางตัวถูก” อาคมอมยิ้มนิดๆ “ไม่มี” ไม่มีคำถามต่อจากนี้ด้วยอาคมรู้อยู่แล้ว ต้อมจึงสบายใจมากขึ้นเมื่อไร้การถามต่อ เพราะเป็นสิ่งอันอึดอัดพอสมควรถ้าต้องตอบคำถาม ว่าทำไมไม่มีเมียต้อมยังไม่แปลกใจไม่หาย ทั้งที่รู้อยู่ว่าเขาเป็นแบบนั้นใยต้องถามกันตลอดเมื่อพานพบ “ตั้งแต่เรียนจบนายก็หายไปเลยนะ ไปอยู่ไหนมาบ้างเนี่ยเราอยากรู้จัง” “หลายทีนะและสุดท้ายอยู่ที่เชียงใหม่” “ไปไกลจัง แต่ก็ดีนะเราอยู่กรุงเทพหลายปี พอมีลูกเราเลยกลับมาอยู่บ้านดีกว่า เพราะสภาพแวดล้อมมันดีมากกว่า” “จริงด้วย ลูกนายอายุเท่าไรแล้วล่ะ” “ลูกเรามีสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ วันนี้ลูกชายคนโตก็อยู่นะ พรุ่งนี้น่าจะกลับกรุงเทพแล้วแหละ” “ดีจังมีลูก เราก็อยากมีเหมือนกัน” ต้อมเผลอความในใจที่เขาอยากได้และอยากมี แต่ไม่สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง “อ้าว อยากมีทำไมไม่หาเมียล่ะ” “เอ่อ” “อ่อ ลืมไป เปลื่ยนเรื่องคุยดีกว่า” “อือ” “เดือนหน้าจะมีเลี้ยงรุ่นนะ เราได้บอกเพื่อนๆ เขาดีใจกันยกใหญ่จะได้เจอนาย” “เหรอ” “ใช่ นายต้องไปนะเพราะเมื่อก่อนมีแต่คนถามหานาย เมื่อได้เจอนายแล้วทุกคนล้วนดีใจนะ คิดถึงตอนเรียนเนาะสนุกมาก จนไม่อยากจะแก่เลย” “นายก็ยังไม่แก่นี่” ต้อมพูดเอาใจเพื่อน “นายคนเดียวมั้งไม่แก่ เรานี่แก่มากเป็นลุงแล้ว อีกหน่อยน่าจะเป็นตาในไม่ช้า” “มันก็เป็นไปตามวัยนั่นแหละอย่าคิดอะไรมากเลย” “คงงั้น แต่ที่เราชวนนายมาวันนี้ มาดื่มเหล้ากันก่อนเจอวันจริงในเดือนหน้า” “เดือนหน้าอีกไม่กี่วันแล้วนิ” สมองของต้อมครุ่นคิดนับวันทันที “ใช่ ไปเจอกันที่เพชรบูรณ์ คงเดชไปด้วยนะนายจะได้เจอไง” อาคมแหล่สายตามอง อยากรู้ภายในจิตใจนั้นได้แสดงออกทางสีหน้าไหม “ทำไมต้องคงเดชด้วยล่ะ คนอื่นตั้งเยอะที่เราอยากเจอ” “ใช่เหรอ อือ แล้วแต่นายก็แล้วกันอยากเจอใคร คงเดชมีลูกช้านะตอนนี้น่าจะแปดเก้าขวบ ไม่เข้าใจทำไมมีลูกช้าจังเลย” “ไม่ถามล่ะ” “ไม่เอาดีกว่า เมียเราเอาเหล้ามาแล้วกับแก้มด้วย” ต้อมยิ้มให้ส้มทันทีเมื่อวางขวดและแก้วเหล้าบนโต๊ะ ส่วนลูกชายของอาคมนั้นถือกับแก้มสองอย่างมาวางตรงกลาง “นี่ อาคารลูกชายเราไง ไหว้คุณอาเขาสิ” “หวัดดีครับ” อาคารยกมือไหว้ต้อมอย่างนอบน้อม สายตาของต้อมมองแวบเดียวเขาก็รู้ได้ทันที ว่าลูกชายของอาคมนั้นน่าจะเป็นแบบเดียวกับเขาอย่างแน่นอน “ลูกเราหล่อใช่ไหม” อาคมอวยลูกตัวเองเป็นการใหญ่ “อือ” ต้อมแค่พยักหน้า “เราก็เป็นห่วงมันเหมือนกัน ไปอยู่กรุงเทพกลัวจะไปทำสาวท้อง ไม่ใช่ไรกลัวเรียนไม่จบ” อาคมเปิดขวดเหล้าพร้อมเทใส่แก้ว สิ้นเสียงของอาคมลูกชายของเขาก็เดินคอตกเข้าไปยังในครัว แต่ก็ไม่พ้นสายตาของต้อมที่มองตามไปด้วยท่าทีครุ่นคิดและอดเป็นห่วงไม่ได้ “คิดถึงวันแรกที่นายดื่มเหล้าไม่ได้เลยนะ วันนั้นนายเมามากเรายังอดแปลกใจไทำไมนายกล้าดื่ม” “เข้าเมืองตาลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามไม่ใช่เหรอ” “อือ จริง คิดย้อนไปแล้วอดขำไม่ได้เลย” “เราก็ขำตัวเองเหมือนกัน” สองเพื่อนต่างรสนิยมแต่สนิทกันเป็นเพื่อนแท้ ที่ห่างหายไปนานเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง จึงคุยกันแต่เรื่องความหลังครั้งเก่าก่อน หลังเลิกเรียนโบ้หัวโจกแห่งรุ่น อยากสมานสานสัมพันธ์บรรดาเพื่อนๆ ที่พึ่งได้เจอกันไม่นาน จึงมีการนัดกันไปดื่มกินบ้านของเขาเอง บางคนได้ไปบางคนติดธุระบ้านไกลก็ปฏิเสธ ยกเว้นต้อมไม่สามารถขัดใจบรรดาเพื่อนๆ ได้เลย โดยในเย็นนี้หลังเลิกเรียนโบ้ได้นำรถยนต์มา ต้อมจึงถูกล้อมหน้าล้อมหลังไม่ให้หลบหนีไปไหน เขาจึงจำใจขึ้นรถไปและท้ายที่สุดต้องนั่งล้อมวงในวงเหล้า ภายในวงเหล้านั้นมี โบ้ คงเดช อาคม จืด และ ปิ่นสาวคนเดียวในกลุ่ม ส่วนอีกห้าหกคนจะตามมาสมทบทีหลัง ต้อมนั่งมองแก้วเหล้าที่วนมาถึงตรงหน้า ด้วยความฉุนของกลิ่นต้องกลั้นหายใจ ในขณะเดียวกันมือข้างขวายกแก้วดื่มทันใด รสชาติได้รับช่างบาดคอขม ดื่มและกลืนยากจนเกินไป เกือบทำให้ต้อมคลายออกมา ด้วยความห่วงหน้าตายังอดทนกลั้นใจกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็ว “ให้ได้อย่างนี้สิเพื่อน” คงเดชที่นั่งใกล้ๆ ยกแก้วน้ำให้ดื่มกลั้วคอ มือข้างเดิมรีบรับแก้วไว้แล้วรีบกลืนลงคอทันที เลยทำให้ต้อมนั้นรู้สึกดีใจแต่ความร้อนเข้าสู้บริเวณใบหน้า แดงก่ำทั่วใบหน้าและรู้สึกตุบๆ บนศีรษะ “แบบนี้ต้องให้รางวัล” คงเดชจับข้างศีรษะของต้อมโน้มมาใกล้ๆ พร้อมกับใช้ริมฝีประกบแก้ม “ให้มาดื่มเหล้า ไม่ใช่มาจูบกัน” จืดเพื่อนอีกคนที่หน้าตา จืดๆ พูดขึ้น โดยมีสาวปื่นนั่งข้างๆ มองแล้วอมยิ้ม แก้วหนึ่งมาแก้วสองต้องมีแก้วสามต่อมาแก้วสี่อีกครั้ง ต้อมเริ่มไม่ไหวแก้วห้าเพราะเป็นเหล้าเพรียวๆ เขาเริ่มรู้สึกมึนหัวและอยากอาเจียน ต้อมจำเป็นต้องหยุดดื่มแล้วรีบลุกขึ้นไปยังหน้าต่าง ปล่อยอาหารออกอยู่หลายครั้งหลายคราจนรู้สึกจะพยุงตัวไม่ไหว ยงดีมีโบ้เจ้าของบ้านคอยดูแล ลูบหลังให้เป็นระยะจนดีขึ้น “ไปนอนในห้องเราก่อน” โบ้พยุงร่างของต้อมนอนลงบนพื้นในห้องนอนของเขา ต้อมไม่ไหวที่จะลืมตาจึงปล่อยกายปล่อยใจให้สู่ความหลับ เพราะทนต่ออีกไม่ไหวเนื่องด้วยปวดหัวหนึบๆ อยู่เป็นช่วงๆ มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนมาปลดเข็มขัดของเขา ดวงตาที่หลับค่อยๆ เบิกขึ้นทีละน้อย ทำให้เห็นภาพคนที่นั่งข้างๆ ความคิดของต้อมไม่เข้าใจว่าคงเดชจะมาแกะเข็มขัดของเขาทำไม แต่เมื่อต้อมลืมตาขึ้นมาคงเดชได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป ความไม่เข้าใจสับสนมาในหัวของเขา แต่ด้วยความเมาเจึงไม่สามารถจะเบิกตาให้กว้างขี้นได้อีก ต้อมจึงหลับตาลงอีกครั้งและหลับไปในที่สุด “ต้อม ต้อม ตื่นกลับบ้านได้แล้ว” โบ้ได้เขย่าร่างของต้อมให้ตื่น ต้อมลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งด้วยความมืน ถึงจะยังมีความรู้สึกว่าเมาอยู่ แต่ในเมื่อได้นอนพักนานพอสมควร จึงยังพอมีสติและร่างกายเริ่มฟื้น ต้อมพยุงตัวลุกขึ้นยืนเดินไปยังนอกห้อง เมื่อต้อมออกไปนอกห้อง คนแรกที่เขามองหาแต่ไม่เห็นนั่นคือคงเดช “ไหวไหม” อาคมเดินเข้ามาใกล้ๆ “ไหว” “ถ้าอย่างงั้นกลับกัน เดี๋ยวไอ้โบ้ไปส่งที่หอใน” ใบหน้าของต้อมขยับเป็นการรับรู้ ค่อยๆ เดินไปยังรถยนต์แล้วเปิดประตูออกเข้าไปนั่ง เพียงแค่นั้นต้อมก็หลับลงอีกครั้ง มารู้สึกตัวอีกที่เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มปลุกให้ตื่น “ตื่นได้แล้วไอ้ต้อม” ต้อมลืมตาขึ้นในขณะเขาก้มหน้าฟุบอยู่บนโต๊ะ เขาผงกศีรษะขึ้นภาพตรงหน้าไม่ใช่หอพักชาย แต่เป็นใบหน้าอาคมในวัยเกือบห้าสิบ “ยังคออ่อนเหมือนเดิมนะไอ้ต้อม” อาคมนั่งอมยิ้ม “เราหลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” ต้อมพูดขึ้นด้วยความมึนงงและหนักศีรษะอย่างมาก “ไม่ถึงสิบแก้วนายก็ฟุบหลับกองกับพื้นโต๊ะ นายไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเมาจนหลับไป” “เราไม่รู้ตัวเลย ขอบใจมากนะที่ปลุก เดี่ยวเราต้องกลับบ้านแล้ว” ต้อมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวเราให้ลูกไปส่ง พรุ่งนี้ตอนเช้าเรากับลูกจะเอารถไปส่งนายที่บ้านเอง นายจะขับรถกลับได้ไงมันอันตราย” “อือ ก็ได้” อาคารเด็กหนุ่มได้พาต้อมไปยังรถและขับไม่ได้เร็วมาก เพื่อวามปลอดภัยของเพื่อนพ่อและตัวเอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านสวนของต้อม “ขอบใจมากนะ” ต้อมมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วอมยิ้ม “ไม่เป็นไรครับอา แต่ทำไมอาถึงยังไม่มีลูกล่ะ” อาคารถามด้วยความใคร่อยากรู้ “อือ จะให้อาตอบว่าอย่างไงดีล่ะ อาก็ไม่รู้นะว่าทำไมเหมือนกัน รีบกลับเถอะเดี๋ยวดึกมันอันตราย” “ครับอา” ต้อมลงจากรถแล้วยืนมองรถของอาคมที่ลูกชายของเขาขับมาส่ง สายตาที่ไม่สามารถเบิกกว้างได้มาก มองไปยังรถคันนั้นจนหลับสายตา หลังจากนั้นต้อมจึงเดินเข้าไปยังบ้านด้วยความมึนเมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD