จูบนั้นมีความหมาย

1691 Words
ดวงตาที่เล็กหรี่ลงจนหลับ แต่ริมฝีปากบนแก้มยังอยู่อย่างเดิมเป็นเวลา ต้อมเริ่มลืมตาขึ้นทีละนิดแล้วหันหน้ามา คงเดชได้หยุดสัมผัสแก้มอันผ่องใส “ไอ้เดชนายจะจูบไอ้ต้อมอะไรทุกวัน” โบ้ไม่วายพูดทุกวันตอนเช้า ต้อมไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะทุกเช้าคงเดชจะมาจูบมาหอมแก้มอยู่ประจำ จนเขาเคยชินไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก ต้อมมองเห็นสองสาวหนึ่งหนุ่มหวานนั่งอยู่อีกโต๊ะ เขาจึงเดินเข้าไปหาเพื่อเข้ากลุ่มนี้ เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกว่ามาอยู่กับชายแท้นับสิบ “นั่งลงสิ ไปนั่งตรงนั้นอยู่ได้” ปื่นสาวผิวเข้มเอ่ยขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่าจิตดีนั่งเงียบไปเลย” ต้อมผิดสังเกตเห็นจิตดี มีท่าทีซึมลงจนเขาแปลกใจ “เรามาเรียนวันนี้เป็นสุดท้ายนะที่เรามานี่จะบอกพวกเธอนั่นแหละ เดี๋ยวจะกลับแล้วเพราะอยู่ถึงเย็นก็ไม่มีความหมายอะไร” “ทำไม เพราะอะไรเหรอ” ดวงตาที่ค้างและริมฝีปากอันอ้าขึ้นเล็กน้อย มองใบหน้าอันขาวใสที่ปนด้วยความเศร้า “เราคิดว่า เรียนคณะนี้คงไม่เหมาะกับเรา ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ เดี่ยวเราไปช่วยแม่ขายของดีกว่า” มือของจิตดีประสานกันส่วนนิ้วหัวมือถือถูสัมผัสกันไปมา “ลองคิดๆ ดีนะ เรียนไปก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ปีหน้าค่อยออกก็ได้ และอีกอย่างปีแรกเรียนวิชาในคณะน้อย ส่วนใหญ่เรียนวิชาอื่นๆ ถ้าปีหน้าไม่เรียนเธอยังโอนหน่วยกิตได้” ต้อมไม่อยากให้จิตดีออกกลางคัน ทั้งทีเรียนได้ไม่กี่วันเท่านั้น “เราคิดดีแล้วขอบใจเธอมากนะต้อม เธอก็เหมือนกันถ้าเรียนไม่ไหวก็ออกซะ ดูแต่ละคนชอบแกล้งเธอ ตอนนี้ยังไม่ค่อยสนิทอีกหน่อยคงหนักกว่านี้อย่างแน่นอน” “ขอบใจนะ เราเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด” “ไม่ต้องกลัวไปหรอกจิตดี เราจะดูแลต้อมเองเราผ่านมาหมดแล้ว ผู้ชายพวกนี้ต้องกลัวเราต่างหาก ขืนมาเซ้าซี้จับทำผัวให้หมด” แหวนแอบมองผู้ชายคนหนึ่งที่เขาชอบเพียงแรกพบ “จร้าแม่คนเก่ง” ปื่นสาวคมเข้มมองค้อน “เธอกล้าเหรอแหวน” ต้อมเอ่ยขึ้น “อุ๊ย กล้าสิ แต่เราจะยกเว้นคงเดชไว้หนึ่งคน เอาไอ้ให้เธอถ้ามีโอกาสจัดการซะ ถ้าทำไม่เป็นเดี๋ยวเราจะสอนให้” แหวนหัวเราะร่าๆ เมื่อจินตนาการภาพคงเดชกับต้อม “เธอก็แนะนำเพื่อนดีๆ หน่อยสิ” ปื่นมองค้อน “ความจริงเราก็อยากอยู่กับพวกเธอนะ แต่เราต้องไปแล้วแหละถ้าเราว่างๆ จะมาเที่ยวหานะ เอ่อ ต้อมเราให้เบอร์โทรที่บ้านไว้กับปื่น ถ้ามีอะไรโทรไปคุยกับเราได้นะ หรือเขียนจดหมายไปก็ได้ ที่อยู่เราให้ปิ่นไว้หมดแล้วนะ” เมื่อจิตดีพูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าออกจากโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่มองทั้งสามคน ต้อมรู้สึกใจหายเหมือนกันที่เพื่อนได้หายไปหนึ่งคน ถึงแม้จะรู้จักภายในไม่กี่วัน แต่ความผูกพันยังพอมีบ้าง “หายไปทีละคน หวังว่าเราสามคนคงยังอยู่กันครบจนจบการศึกษานะ” ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แน่นอน อยู่จนจบแถมมีผัวอีกหลายคน” “เธอนี่คิดแต่เรื่องแบบนี้หนอ” ปื่นถึงกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่หวั่นถึงแม้เป็นสาวคนเดียวในกลุ่ม เพราะถึงอย่างไรเธอยังพออุ่นใจบ้างที่มีแหวนกับต้อม “ไอ้ต้อม” เสียงตะโกนเรียกอย่างดังมาจากอีกกลุ่มหนึ่งที่มีแต่ผู้ชาย “ผัวเรียกแล้ว” แหวนอมยิ้ม “ปล่อยให้เรียกไปอย่างนั้นแหละ” ต้อมเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกยืน “ปล่อยให้เรียกแล้วจะไปไหนล่ะนะ” “เข้าห้องน้ำก่อน” ต้อมเดินไปยังห้องน้ำทันที เพราะเขารู้สึกปวดฉี่ เมื่อไปถึงยังห้องน้ำเขาไม่สามารถฉี่ตรงบริเวณโถฉี่ได้ ด้วยความอายจึงเข้าไปในห้องน้ำ ช่วงเวลาที่เขากำลังปลดตะขอกางเกง พลันได้ยินเสียงตะกุกตะกัด ต้อมจึงเกิดความสงสัยเลยไม่กล้ารูดซิปลงมา เขาจึงใส่ตะขอไว้ตามเดิมแล้วค่อยเปิดประตูออกไปดูนอกห้อง และสิ่งที่เขาพบเห็นคือโบ้ขี่คอคงเดช ใช้มือเกาะขอบห้องน้ำมองเข้าไป “พวกลามกดูอะไรกัน” ต้อมตะโกนเสียงดัง “ฉลาดนี่” โบ้พูดขึ้นหลังจากหันหน้ามามอง ส่วนคงเดชย่อตัวต่ำลงให้โบ้ลง ต้อมมองค้อนสองคนนั้นแล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำ ส่วนโบ้กับคงเดชยังเดินตามไม่เลิกก้าวเท้ายาวกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันต้อม “ไอ้ต้อมขี้แตกเหรอ เหม็นมากเลย ก้นเปียกน้ำด้วย” โบ้ตะโกนอย่างดัง “บ้า” ต้อมหยุดเดินแล้วหันหน้ามาต่อว่า “ได้ล้างมือหรือเปล่า” คงเดชย้ำอีกครั้ง “ไม่ได้ล้างหรอก” ต้อมยื่นมือเพื่อแกล้งคงเดช ความคิดที่ต้อมทำผิดคาด เพราะคงเดชจับมือของต้อมไว้ พร้อมกับดึงมาดมแล้วทำท่าชื่นใจ “มือทั้งนุ่มทั้งหอม” ต้อมรีบดึงมือกลับทันที สายตาของต้อมมองไปรอบๆ เห็นนักศึกษาคณะอื่น ต่างนั่งมองแล้วอมยิ้มหัวเราะกันอย่างขบขัน ต้อมรู้สึกเขินและอายจึงรีบเดินไปอย่างรวดเร็วยังโต๊ะตัวเอง “โดนอีกแล้วเหรอ ถ้าเป็นเรานะจะจับไอ้นั่นเลย อย่าหาว่าเราสอน ถ้าไอ้เดชหรือไอ้โบ้มันแกล้งอีก อย่ายอมมันเราต้องเอาคืน อย่าหงิมๆ ติ๋มๆ แบบนี้รู้ไหม” แหวนแนะนำด้วยความหวังดี เพราะถ้าใครแกล้งเธอนี่คือวิธีการเอาคืน ใช้แล้วได้ผลหลายคนไม่กล้าแหย่เธออีกเลย “อือ เดี๋ยวเราจะทำตามที่เธอบอก” “ให้มันแน่นะ กลัวถึงเวลานั้นทำเป็นหงออีกตามเลย” “ต้อมไม่ได้ก๋ากั๋นอย่างเธอนี่ ต้องค่อยๆ ฝึกกันไป” ปื่นสาวคมเข้มพูดขึ้นมีรอยยิ้มบนใบหน้า “ได้เวลาเข้าเรียนแล้วไปที่ห้องกันเถอะ” ต้อมหยิบสมุดสองเล่มที่วางซ้อนกันมากอดไว้ที่อก ทั้งสามได้เดินไปยังห้องเรียน เมื่อไปถึงอาจารย์ประจำวิชายังไม่มา บรรดาเพื่อนร่วมห้องก็เดินไปเดินมา บางคุยกันเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวข้างห้อง ส่วนต้อมกำลังจะนั่งลงก็ถูกคงเดชเอามือมาบีบที่ก้น “อุ๊ย” ต้อมตกใจกระดกก้นหนี ความตกใจของต้อมยังไม่จางหาย เสียงกระแอ้มของแหวนดังขึ้น เขาจึงหันไปมอง เห็นแหวนใช้สายตามองไปที่เป้ากางเกงของคงเดช สายตาของต้อมมองตามไปด้วย แต่ใจยังไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น เมื่อเขายังนิ่งคงเดชยิ่งได้ใจจับก้นเขาบ่อยขึ้น ต้อมเลยตัดสินใจทำตามคำแนะนำของแหวน มือขาวๆ นุ่มๆ ยื่นไปคว้ามับที่เป้ากางเกงคงเดชไว้ แต่แล้วคำแนะนำของแหวนไม่เป็นผล คงเดชยืนนิ่งให้จับอยู่อย่างนั้น จากอ่อนๆ กลายเป็นแข็งต้อมสัมผัสได้เขาจึงหันไปมองแหวนเพื่อขอคำแนะนำ ใบหน้ายังไม่ทันได้เห็นแหวนเลย คงเดชเดินเข้ากอดร่างของต้อมไว้ แล้วก้มลงหอมแก้มขาวนวลผุดผ่อง พร้อมก้มลงไซร้ซอกคอซ้ายขวา มืออันนุ่มนิ่มที่จับของเข็งต้องปล่อยออก แล้วมาดันหน้าอกของคงเดชให้ออกห่าง ริมฝีปากคงเดชซุกซอนไซไซร้ซอกคอของต้อมอย่างใคร่กระหาย จนความรู้สึกของต้อมตะเลิดไปไกล แต่มือที่ดันหน้าอกไว้ทำให้ต้อมและคงเดชได้สติกลับคืนมา “เราขอโทษนะ” คงเดชขยับใบหน้าออกห่างพร้อมเม้มริมฝีปากโดยมีมือปิดไว้สายตามองขึ้นบนด้วยความรู้สึกผิด “ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เราก็ไม่อยากทำอย่างเมื่อกี้เหมือนกัน” “ต้อม” คงเดชเรียกส่วนมือจับพวงมาลัยรถไว้แทน “มีอะไรเหรอ” ต้อมค่อยๆ หันหน้ามามองด้วยอยากฟังคำพูดของชายหนุ่มที่ยังรัก “คือ เรา มีเรื่องอยากบอกนาย แต่ทำไมเราไม่กล้าบอกก็ไม่รู้ นายเข้าใจไหมตั้งแต่สมัยเรียนกันแล้วจนถึงตอนนี้ แต่มันคงบอกไม่ได้อีกแล้ว เราเลยคิดว่าไม่น่ามาเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่หนอ” “ใช่ ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว เราไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอกันอีก แต่เป็นอะไรที่เจอกันแล้ว รู้สึกแบบนี้มันเจ็บลึกๆ ดีนะทรมานสะใจดี” “นายซาดิสต์ชอบความเจ็บปวดเหรอ แต่เราคงไม่ไหวหรอก เรามีครอบครัวที่ต้องดูแลมีเมียแสนดีมีลูกน่ารัก แต่ในเมื่อเราได้เจอกันแล้วคงเป็นเรื่องยากที่ไม่เจอกัน อือ เราก็คบกันแบบเพื่อนสักวันเวลาคงช่วยเราสองคน” คงเดชก้มลงใช้หน้าผากพิงพวงมาลัยไว้ คำพูดของคงเดชได้เตือนสติต้อมอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจตามความคิดของคงเดช ที่พูดขึ้นเมื่อครู่นี้ อย่างไม่มีข้อแม้แต่อย่างใด “เราไปก่อนนะ อย่างไงเราคุยกันทางแชทก็ได้ นี่ก็ดึกมากแล้วจอดรถตรงนี้นานเกิน โชดดีนะเพื่อน” ต้อมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยถอนหายใจพร้อมหลับตาสักพัก พอเขาลืมตาขึ้นหันมองคงเดชที่เปลื่ยนมานั่งนิ่งๆ ต้อมหันหน้ากลับแล้วเปิดประตูรถ พร้อมกับก้าวเท้าลงไปยืนอยู่ข้างๆ มองรถค่อยๆ แล่นออกไป ส่วนตัวเขาหันหลังกลับเดินเข้าไปยังโรงแรมอย่างดิ่งในความรู้สึก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD