ตอนที่ 7 | ปุบปับ…รับโชค

1844 Words
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก “เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ” “ขอบคุณค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม “ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า” ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทาง รถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ… 14:40 น. ณ บ้านสวนเคียงดาว รถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ “เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิงยาวแบบไม่แวะพักเลยล่ะ Rrrrrrr ~ ติ๊ด! มือเรียวกดรับสายก่อนจะยกขึ้นแนบใบหู “สวัสดีค่ะ” เสียงหวานของเมจิเอ่ยทักขึ้นก่อน (สวัสดีค่ะ…พี่ฝนนะคะจากบริษัทออลเดย์) “เอ่อ…อ๋อ ค่ะ!” บริษัทออลเดย์งั้นหรอ…มือบางยกโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมาดูเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาอีกครั้งก่อนจะแนบมันกลับเข้าที่เดิม (ไม่ทราบว่าตอนนี้พูดสายอยู่กับคุณเมจิไหมคะ) “ใช่ค่ะ” (พอดีพี่เพิ่งเปิดดูเรซูเม่ของเราที่ส่งเข้ามาเมื่อวาน…ดูแล้วน่าสนใจดีค่ะเลยอยากนัดสัมภาษณ์กับเราไม่ว่าพอจะสะดวกไหมเอ่ย?) เสียงผู้หญิงวัยกลางคนถามกลับมาพร้อมกับรอคำตอบ “สะดวกค่ะ! พี่ฝนแจ้งเวลาและวันที่ที่สะดวกมาได้เลยค่ะ” เมจิตอบทันทีอย่างไม่ลังเล (อืม…วันนี้ห้าโมงเย็นทันไหมจ๊ะ) เมจิดึงโทรศัพท์ออกจากข้างใบหูอีกครั้งแล้วเหลือบตามองดูเวลาที่โชว์อยู่บนหน้าจอ…มีเวลาประมาณสองชั่วโมงงั้นหรอ…ทันอยู่นะ! “ได้เลยค่ะ! เมต้องเตรียมตัวยังไงบ้างคะ” (เดี๋ยวพี่ส่งลิงก์สัมภาษณ์งานให้เราทางอีเมลอีกที พอถึงเวลาที่นัดไว้ก็กดเข้ามานะ…อีกอย่างขอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมให้ดูดีนิดนึงนะจ๊ะเราต้องเปิดกล้อง…เพราะตำแหน่งที่เราสมัครเข้ามาจะต้องพบเจอกับลูกค้าของบริษัทซึ่งปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องดูรูปลักษณ์ภายนอกระดับนึง) ปลายสายเอ่ยบอกกับเธออย่างตรงไปตรงมา “เมเข้าใจค่ะ รับทราบค่ะ” “ได้จ้ะ ไว้คุยกันตอนเย็นนะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะ” พอปลายสายตัดไปเมจิก็ไม่รอช้ารีบขนสัมภาระของตัวเองลงจากรถก่อนจะวิ่งไปบอกที่บ้านว่ามีสัมภาษณ์งานด่วน แล้วก็ติดสปีดใส่เกียร์หมาเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วแสงชนิดที่ว่าพ่อกับแม่และพี่สาวต้องงงไปตามๆ กัน… 16:45 น. “ฟู่ววว ใจเย็นๆ แกทำได้อยู่แล้วสบายมาก!” นิ้วเรียวที่ตอนนี้กำลังพิมพ์ยุกยิกอยู่บนคีย์บอร์ดนัยน์ตาสวยก็เพ่งอยู่บนหน้าจอที่กำลังค้นหาประวัติบริษัทออลเดย์และรายละเอียดยิบย่อยที่สำคัญเพื่ออ่านผ่านๆ ตาสักเล็กน้อยและก็กำลังปลอบใจตัวเองไปพลางๆ เพื่อไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้ ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดประกอบกับมีเวลาเตรียมตัวน้อยเลยทำให้คนตัวเล็กค่อนข้างประหม่าอยู่เหมือนกัน “โอเค น่าจะเพียงพออยู่…แกทำได้อยู่แล้วเมจิ!” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากมั่นใจว่าอ่านเนื้อหาสำคัญได้อย่างครบถ้วนก่อนจะสำรวจใบหน้า ผม และการแต่งกายของตนเองแล้วกดเข้าลิงก์ที่พี่ฝนส่งให้เธอทางอีเมลสำหรับนัดสัมภาษณ์ในครั้งนี้ คลิก! เธอเลือกเข้ามาก่อนเวลาประมาณห้านาทีทำให้ตอนนี้กล้องของฝั่งตรงข้ามก็เลยยังปิดมืดอยู่… 17:00 น. ตรงเป๊ะ! พรึบ! กล้องจากฝั่งตรงข้ามก็เปิดขึ้น (อ้าว! มารออยู่ก่อนแล้วหรอเรา) คนนี้พี่ฝนที่เป็นคนโทรหาเธอช่วงบ่ายสินะ… “สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ พอดีตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ” เมจิยกมือขึ้นไหว้หญิงวัยกลางคนในจอเพราะเท่าที่ดูอายุน่าจะห่างกับเธอไม่น่าต่ำกว่าสิบห้าปีเห็นจะได้ (โอ๊ย อย่าไหว้ๆ พี่รู้สึกแก่เลย 5555 มาๆ เริ่มสัมภาษณ์กันดีกว่าไม่ต้องเกร็งนะชิลๆ) 15 นาทีผ่านไป… (55555 พี่ชอบเราๆ ฉลาดไหวพริบดีแต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตัวแบบนี้น่าจะรับมือกับลูกค้าของบริษัทเราได้อย่างดีเลยล่ะ) “แหะๆ ขอบคุณค่ะ” ร่างบางตอบก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณอีกครั้งกับคำชมที่ได้รับจากพี่ฝน คำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์ตอนเริ่มต้นก็เหมือนกับการสัมภาษณ์งานทั่วๆ ไปเพราะเท่าที่เธอสังเกตพี่ฝนน่าจะอยากวัดไหวพริบและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเธอมากกว่ารวมไปถึงความสามาถในการรับมือกับแรงกดดันต่างๆ เนื่องด้วยลักษณะงานที่ต้องเจอแขกคนสำคัญของบริษัทอยู่บ่อยครั้ง… (เราพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่…ถ้าวันพุธที่จะถึงนี้สะดวกไหมจ๊ะ) “อะ อันนี้คือเมได้งานแล้วหรอคะ!?” (ใช่จ้ะ…ว่ายังไงเมจิ?) พี่ฝนถามย้ำก่อนจะยิ้มเอ็นดูกับใบหน้าของเมจิที่ตอนนี้เหมือนคนกำลังสันสบงุนงงกับตัวเอง วันพุธที่จะถึงนี้งั้นหรอ… นี่วันจันทร์แปลว่าก็มีเวลาเตรียมตัวพรุ่งนี้แค่วันเดียวทันไหมนะ? แต่นี่บริษัทอันดับหนึ่งของประเทศที่มีคู่แข่งเป็นแสนคนแต่เขาเลือกเธอเลยนะเมจิ…จะมัวแต่คิดอะไรอยู่ล่ะ! “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา!” เสียงหวานตอบพี่ฝนไปด้วยความหนักแน่น (หึ ต้องแบบนี้ยังไงเดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดให้เราอีกทีนะแล้วเจอกันวันพุธนะจ๊ะ) “ได้เลยค่ะ ขอบคุณพี่ฝนมากๆ เลยนะคะ” “จ้า” หลังจากที่กล้องของอีกฝ่ายปิดลงร่างแบบบางของเมจิก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น นี่ฉันต้องทำอะไรก่อน…ควรเริ่มจากตรงไหนดี? โครก คราก ~ โครก คราก ~ เสียงคำรามดังมาจากท้องของหญิงสาว มันกำลังโวยวายเรียกหาอาหาร “กินข้าวก่อนแล้วกัน!” ห้องทานอาหาร “แอ้…อ้อ อู๋อ้ายอานแอ้วอ้ะ” “นี่ แกช่วยเคี้ยวข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูดได้ไหม” เมจิทำหน้ามุ่ยเพราะโดนแม่ทำเสียงดุใส่ ก็คนมันหิวนี่แต่ก็อยากบอกเรื่องสำคัญเธอจึงรีบกลืนข้าวลงคอไปเพื่อจะได้พูดได้ชัดๆ “เมจะบอกว่า…เมได้งานทำแล้วนะ” “บริษัทอะไร? / ที่ไหน? / เริ่มงานเมื่อไหร่?” เสียงพ่อแม่และพี่สาวของเธอถามขึ้นมาพร้อมกัน “บริษัทออลเดย์ ที่กรุงเทพฯ เริ่มงานวันพุธนี้” “หา! ทำไมกะทันหันแบบนั้นล่ะ” เป็นเสียงแม่ที่ดังขึ้นมาคนแรก “เมว่าเขาน่าจะต้องการคนด่วนนะเหมือนขาดอยู่ตำแหน่งนึง” “นี่มันบริษัทระดับประเทศเลยนะ เห็นเขาว่าให้เงินเดือนดีมากด้วย… ดีแล้วล่ะคว้าไว้ก่อนโอกาสทองไม่ได้หาได้ง่ายๆ” เสียงพี่โมนาพูดเสริมอธิบายขึ้นมา “อืม ถ้าเป็นงั้น ทำไรเสร็จเราก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว ไม่ต้องห่วงงานที่บ้านยังไงพี่เราเขาก็กลับมาช่วยดูอีกคน” พ่อพูดบอกลูกสาวคนเล็กของบ้าน “โอเชชช งั้นเมขึ้นไปจัดของก่อนนะ” เมจิเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหอมแก้มทั้งสามคนอย่างที่เธอทำเป็นประจำแล้วเดินกลับขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ห้องนอนเมจิ กริ๊ก! เสียงล็อกประตูห้องดังขึ้นหลังจากที่ร่างบางเพิ่งเดินกลับเข้ามา ขาเรียวสวยเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองที่วางอยู่ขึ้นพร้อมกับส่งข้อความบอกไลลากับพี่วินว่าเธอได้งานแล้ว ก่อนจะวางมือถือลงกลับที่เดิมแล้วไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นทั้งหมดลงกระเป๋า… 21:30 น. “เฮ้อออ กว่าจะหมดเอาเรื่องอยู่นะ” ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นพึมพำออกมาหลังจากเก็บของใช้จำเป็นทั้งหมดลงกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่เหลือบางอย่างค่อยไปซื้อเอาละกัน ติ๊ง ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังขึ้น พี่วิน : เก็บของเรียบร้อยหรือยัง? พี่วิน : ทำอะไรเสร็จแล้วบอกนะครับ เดี๋ยวพี่โทรไป เมจิ : เพิ่งเสร็จเลย งั้นเดี๋ยวเมอาบน้ำก่อนนะ “คิกคิก” เสียงหวานใสหัวเราะคิกคักกับตัวเองอย่างไร้สาเหตุแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป ผ่านไปยี่สิบนาทีคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนก็ปีนขึ้นเตียงโดยไม่ลืมที่จะหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหาชายหนุ่มใส่แว่นที่กำลังยิ้มให้เธอผ่านรูปโปรไฟล์ ตื่อดือดึ๊ง ตื่อดือดึ๊ง ~ (ไง โทรมาเองคิดถึงพี่หรอครับ) แค่เสียงก็ยังต้องหล่อขนาดนี้เลยหรอเนี่ย… “ช่ายยย ใจแทบขาด! 55555” เมจิตอบกลับกึ่งเล่นกึ่งกวน (หึ ตัวแสบ…ไหนยังไงได้งานแล้วหรอ) “ใช่แล้วของบริษัทออลเดย์ที่พี่บอกเมเลย…ต้องขอบคุณพี่วินเลยนะเนี่ย” (เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นมากินข้าวกับพี่ทุกเย็นแทนแล้วกันนะครับ) “โหหห พี่อยู่แถวไหนก่อนเกิดไกลกับเมทำไง” เธอบ่นทำเสียงงึมงำในลำคอ (ก็แล้วเราพักแถวไหนล่ะ) เออนั่นสิ!! นี่ฉันนอนไหนล่ะพรุ่งนี้!!!! “เมยังไม่รู้เลย…ลืม” เมจิตอบเสียงอ่อย (อืม จริงๆ พี่มีคนรู้จักเขาหาคนเช่าห้องอยู่ คอนโดเดียวกับพี่เลยไม่ห่างจากบริษัทมากด้วย) “ราคาสูงมากไหมอะ” คนตัวเล็กถามออกไปตามตรง (ไม่หรอกเดี๋ยวพี่คุยกับเขาให้…หรือถ้าอยากประหยัดกว่านั้นก็มานอนห้องพี่) “ขอปฏิเสธขอเสนอค่ะ!” (5555 ไม่สนใจหน่อยหรอ ฟรีก็ได้) เสียงทุ้มเข้มขำออกมาแต่ก็ยังไม่ลดความพยายามที่จะโน้มน้าวต่อ “ยืนยันคำตอบเดิมค่ะพี่ ~”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD