ตอนที่ 13 | หาเรื่อง

1644 Words
“อ๋อค่ะ… พี่โคบี้เมก็นึกว่าเบอร์ใคร” กึก! เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่กำลังเดินไปที่รถของตัวเองหยุดชะงักลงก่อนจะหันกลับมามองร่างบางที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ (เลิกงานแล้วหรอ) เสียงทุ้มปนขี้เล่นถามขึ้น “ใช่ค่ะ เมเพิ่งเลิกงาน” (แล้วตอนนี้เมอยู่ไหน) “เมอยู่ที่ลานจอดรถค่ะ” เมจิตอบคนปลายสายก่อนจะหันมองพี่วินที่ตอนนี้กำลังยืนมองเธออยู่ (รอแปปนึงพี่กำลังไป ติ๊ด!) ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ตอบอะไรปลายสายก็ถูกตัดไปก่อน… “พอดีคุณโคบี้โทรมาคงจะคุยเรื่องงาน พี่รอเมแปปนึงนะ” เมจิเอ่ยบอกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอมากนัก ตึก ตึก ตึก! เสียงเท้าหนักของผู้ชายดังขึ้นด้านหลังเมจิ พร้อมกับนัยน์ตาคมที่มองลอดผ่านแว่นเลยคนตัวเล็กไปยังด้านหลังของเธอ “เมจิ” เสียงทุ้มของโคบี้ดังขึ้นทำให้ร่างบางหันกลับไปตามเสียงเรียก “นี่ถ้าพี่มาช้าอีกนิดเราต้องออกไปจากบริษัทแล้วแน่ๆ เลย” ตาคมสีน้ำตาลเข้มของโคบี้ละออกจากร่างแกร่งด้านหลังแล้วพูดกับเธอ “พี่จะคุยกับเมเรื่องงานหรอคะ” “อืมใช่ พี่เห็นผังที่เราส่งมาแล้วอยากคุยรายละเอียดด้วยหน่อย” “เอ่อ…หมายถึงตอนนี้ใช่ไหมคะ?” “ก็ถ้าเป็นไปได้…เพราะพรุ่งนี้พี่ต้องเอาเข้าที่ประชุมช่วงเช้า” คนตัวสูงที่ยังคงอยู่ในชุดสูทสีเทาพูดพร้อมกับสอดมือหนาเข้ากระเป๋ากางเกงสแล็กส์ของตนเอง “สะดวกไหมครับ นี่ก็เย็นพอดีกินข้าวไปคุยไปทีเดียวเลยก็ได้” “…” “หรือติดธุระกับใครหรือเปล่า…นั่นแฟนเราหรอ?” โคบี้ที่เห็นเมจิยังคงยืนนิ่งเลยถามย้ำอีกครั้งอย่างคนต้องการคำตอบก่อนจะเอนหัวเล็กน้อยเพื่อมองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง “เอ่อ…คือ” คนตัวเล็กอ้ำอึ้งก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพี่วินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “…ไม่ใช่แฟน” เสียงทุ้มเข้มของวินพูดออกมาหลังจากยืนเงียบอยู่นาน “ค่ะ…เป็นพี่ที่รู้จัก” เมจิรีบพูดตามน้ำ…แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกหวั่นเล็กน้อยกับคำตอบของเขา นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่… “อืม งั้นก็ไม่น่าติดปัญหาอะไรเราไปกันเลยไหม” โคบี้พูดชวนพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทางเข้าของคอมมูนิตี้ “ค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าก่อนจะสาวเท้าเดินตามร่างสูงไปโดยไม่ได้หันกลับมามองชายหนุ่มอีกคน ติ๊ง! ประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนออกจากกันก่อนที่โคบี้และเมจิจะเดินเข้าไป นิ้วแกร่งกดปุ่มขึ้นไปยังชั้นที่เป็นโซนอาหารของออลเดย์คอมมูนิตี้มอลล์ บรื๊นนน!! ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิทก็มีเสียงเร่งความเร็วรถอย่างแรงขับออกจากตัวบริษัทไป…ดังแทรกเข้ามา “หึ” มือหนายกขึ้นลูบคางตัวเองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ร้านอาหาร “ผังที่เมส่งไปให้ข้อมูลครบไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามคนฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้กำลังนั่งกินอาหารไปด้วยและเปิดไฟล์งานผ่านมือถือของตนเองดูไปด้วย “ครบแล้วนะ ดีเลยมีบอกขนาดพื้นที่ด้วย” เสียงทุ้มตอบแต่ตาก็ยังไม่ละออกจากหน้าจอ “พี่สนใจล็อกตรงไหนหรอ” “ใจจริงอยากได้ล็อกตรงทางขึ้นจากบันไดเลื่อนมาเพราะคนจะเห็นก่อนเลยแต่พื้นที่มันไม่พอ” เมจิพยักหน้ารับรู้อย่างคนเข้าใจเพราะโปรเจกต์ของพี่โคบี้คืออยากทำเป็นเหมือนตู้คีบตุ๊กตาขนาดใหญ่พิเศษที่ติดตั้งแขนจับไฮดรอลิคด้านในแล้วคลุมด้วยตู้กระจก เครื่องจักรและหุ่นต่างๆ ที่เธอพอทราบรายละเอียดคร่าวๆ จากการนั่งคุยกันจะเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมดซึ่งด้วยความที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติทำให้ต้องใช้พื้นที่เยอะตามไปด้วย “อืม…ยังไงคงต้องรอเอาเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” โคบี้พูดออกมาเสียงเนือยๆ ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้ากลับขึ้นมามองเมจิ “ค่ะ ถ้าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือมีอะไรที่เมช่วยได้บอกได้เลยนะคะ…แต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยเมยังใหม่กับงานนี้มากๆ” เธอพูดบอกเขาไปตามตรง “เข้าใจครับ เมทำได้ดีแล้วไม่ต้องกังวล” “ขอบคุณค่ะ” เป็นคนรวยคงไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆ คิดกันหรอกเพราะตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอทั้งสีหน้าน้ำเสียงและแววตาดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด เขาคงจะหัวหมุนวุ่นอยู่กับงานทั้งวันเลยสินะ “เรากลับกันดีกว่าพี่รบกวนเวลาเมมาพอสมควรแล้ว” สองทุ่มครึ่งแล้วหรอเนี่ย… “ไม่เป็นไรเลยค่ะเมยินดีช่วยเต็มที่” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส “ขอบคุณที่มากินข้าวเป็นเพื่อนพี่ด้วย ถ้าไม่มีเมจิกินเป็นเพื่อนพี่ต้องเหงาแน่เลย” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย “พี่ก็พูดเกินไปๆ” เมจิส่ายหัวไปมากับคำพูดของโคบี้ที่ดูจะเกินจริง “55555 ไม่เชื่อพี่หรอ” เธอมองผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้แววตาของเขากลับมาฉายความขี้เล่นอีกครั้ง 21:10 น. คอนโดหรูใจกลางเมือง ประตูรถคันสีขาวเปิดออกหลังจากที่เพิ่งจอดสนิทได้ไม่นานตามมาด้วยร่างบางของเมจิที่ก้าวลงจากรถมุ่งตรงไปยังลิฟต์ของคอนโด เธอแยกกับโคบี้ที่ร้านอาหารก่อนจะรีบตรงดิ่งกลับมาที่คอนโดในทันที ขนาดเริ่มค่ำแล้วยังใช้เวลาตั้งเกือบสี่สิบนาทีทั้งๆ ที่ระยะทางจากบริษัทกับห้องพักของเธอไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่นัก นิ้วเรียวกดลิฟต์ที่ใกล้จะปิดสนิททำให้ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งดวงตาเรียวสวยปะทะเข้ากับร่างแกร่งของวินที่ยืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ด้านใน “พี่เพิ่งกลับมาหรอ” เป็นคนตัวเล็กที่เอ่ยทักเขาออกไป “อืม” “พี่กินอะไรหรือยัง ไปไหนมาหรอ” “กินแล้ว ไปตีกอล์ฟมา” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยตอบด้วยความเรียบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นอะไรของเขานะหรือว่าเหนื่อยหรอ…เมจิที่สัมผัสได้ถึงความไม่ปกติของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรออกไป “เป็นไงบ้างกินข้าวกับทายาทเคซีกรุ๊ป” วินถามขึ้นก่อนจะหันมามองเธอด้วยสายตาไร้ความหมาย “ก็ไม่มีอะไรนะคุยแต่เรื่องโปรเจกต์ที่จะทำ” “อืม” ร่างสูงตอบแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเอง “พี่อยู่ชั้นไหน?” เสียงหวานถามคนข้างตัวเพราะเธอไม่เห็นชั้นอื่นมีแต่ชั้นบนสุดที่ถูกกดค้างไว้ “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่งที่ห้อง” “แค่นี้เองเมไปเองได้” เธอตอบเขาแต่ไม่ได้รับสัญญาณอะไรตอบกลับจากคนตัวสูงจนลิฟต์ทะยานขึ้นสู่ชั้นที่ 24 หมับ! แขนเรียวถูกคว้าไว้ด้วยข้อมือหนาในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ “ก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่ง” น้ำเสียงเย็นพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาเรียวสวยที่ก้มมองมือหนาที่กำลังกำข้อมือของเธอเอาไว้ เมจิเลือกที่จะไม่ปฏิเสธและปล่อยให้กายแกร่งเดินไปส่งเธอจนถึงที่หน้าห้อง “ถึงแล้ว พี่ปล่อยสิ” เธอก้มลงมองข้อมือของตนเองที่ยังถูกเขาจับเอาไว้อยู่ “ทำไม พี่โดนตัวเราไม่ได้หรอหรือรวยไม่พอ” นัยน์ตาคมจ้องหญิงสาวตรงหน้านิ่ง “ถ้ารวยเท่าโคบี้จะให้จับไหม…” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันหลังจากที่คนตัวสูงพูดขึ้นมาอีก…นี่เขากำลังหาเรื่องกันหรือไง!? “พี่พูดอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน” “หื้ม…กินข้าวกับมันอร่อยกว่ากินกับพนักงานแบบพี่ไหม” “…” เมจิเลือกที่จะเงียบ “หึ ยังไงผู้หญิงก็ต้องชอบคนรวยสินะ” “เฮ้ออออ! พี่หยุดพูดไร้สาระได้ไหม เมไปทำงานไม่ได้มีอะไรสักหน่อยอีกอย่างใครก็ไม่มีสิทธิโดนตัวเมทั้งนั้นแหละ” ร่างบางร่ายยาวอย่างคนเริ่มหมดความอดทน “ถึงต่อให้รวยงั้นหรอ” กายแกร่งขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้คนตัวเล็กกว่าได้กลิ่นเหล้าที่คลุ้งออกมาจากตัวชายหนุ่ม “นี่พี่กินเหล้าแล้วขับรถกลับมาหรอ?” “ตอบพี่” เมาสินะ… “เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ…ตอนนี้ไม่น่าจะรู้เรื่อง” เมจิเอ่ยตัดบทก่อนจะบิดข้อมือออกจากมือหนาแล้วเปิดประตูเข้าห้อง กึก! ประตูห้องที่กำลังจะปิดลงถูกมือหนาค้ำไว้อย่างไม่ต้องสงสัย “ตอบพี่” “พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ยหรือกำลังไม่พอใจที่เมไปกินข้าวกับคุณโคบี้” ปากบางพูดออกไปอย่างคนหมดความอดทน…อาการที่เขากำลังเป็นอยู่เธอก็คิดออกได้แค่นี้แหละ “…” นัยน์ตาคมจ้องใบหน้าสวยนิ่ง “มันไม่มีอะไร…อีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกันพี่ก็เป็นคนพูดเองนะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆ “เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันสินะ” วินพูดออกมาไม่เต็มเสียงก่อนจะออกแรงดันประตูให้เปิดกว้างขึ้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไปภายในห้อง ปึง กริ๊ก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD