ตอนที่ 3 | กะทันหัน

2535 Words
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม” คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น “งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า” พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงาน พี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว? เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จ Rrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน (แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน) เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย “เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ” (ไปกับเพื่อนเราอะหรอ) “เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว” (อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!) มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-T พอตั้งสติได้เมจิก็รีบเดินไปเช็กหน้าและผมอีกรอบหน้ากระจก ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วรองเท้าที่เข้าชุดกัน “เอ้อ จริงสิ เกือบลืมแล้วไหมล่ะ” คนตัวเล็กที่กำลังกึ่งล่กกึ่งลนนิดหน่อยนึกขึ้นได้ว่าทำคุ้กกี้มาฝากเขาด้วยเลยเดินกลับไปหยิบกล่องขนมที่ใส่ถุงผูกโบว์สีชมพูไว้ติดมือมาโดยไม่ลืมแชร์โลเคชั่นให้พี่วินทางข้อความก่อนจะเดินออกจากห้องไป ตลาดไนท์มาเก็ต 18:20 น. “โอเค ใจเย็นๆ ไว้นะ หน้าสวย ผมสวย ชุดสวยแล้ว สบายมาก ฟู่วว” เมจิที่ยังคงอยู่ในรถหลังจากมาถึงและจอดนิ่งๆ มาได้สักพักเพราะต้องการทำใจตัวเองให้สงบก่อน…ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงชนิดที่ว่าจังหวะสามช่าก็สู้ไม่ได้ ครืดดด ครืดดด ~ ติ๊ด! (พี่ถึงแล้ว…ให้พี่รอที่ไหน) “อ้อ! เมถึงแล้วๆ กำลังไปพี่อยู่ตรงไหน?” มือเรียวรีบคว้าหยิบกระเป๋าที่วางไว้เบาะข้างๆ แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถมาโดยไม่ลืมหยิบถุงคุกกี้ติดมือมาด้วย ทำให้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูมีถุงขนมห้อยอยู่ ส่วนอีกข้างก็เอากระเป๋าสะพายขึ้นไหล่พร้อมกับปิดประตูรถแล้วเดินตรงไปตรงทางเข้าหน้าตลาด ร่างแบบบางเดินลัดเลาะผ่านลานจอดรถออกไปแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง (อืมมม เมใส่เสื้อสีอะไร?) “สีเขียวค่ะ กระโปรงเทา ตอนนี้เมอยู่หน้าร้านเอ่อ…พะโล้นายพล” (หันกลับมาสิ…) เอาแล้วไง…พล็อตนี้เหมือนในหนังเลย เมจิค่อยๆ หมุนตัวหันกลับไปทางที่ตัวเองเพิ่งเดินมา ไม่ต้องใช้เวลาหานานสายตาก็ปะทะเข้ากับชายหนุ่มผมดำปรกลงมาที่หน้านิดหน่อยแบบไม่ได้ตั้งใจเซต รูปร่างดีใส่แว่นและน่าจะสูงราวๆ เกือบ 190 ได้นะ เขายืนอยู่คนละฝั่งถนนกับเธอในชุดเสื้อยืดสีดำธรรมดากับกางเกงขาสามส่วนและกำลังส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธออยู่…แต่ความหล่อนั้นโครตไม่ธรรมดา! “หึ เป็นอะไร ตะลึงความหล่อพี่หรอ” ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พูดเปล่าเขายกมือโบกไปมาและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยที่นัยน์ตาคมก็จ้องหน้าเธอไม่กระพริบ “…!!!” เมจิสะดุ้งนิดนึงก่อนสติจะกลับเข้าร่างหลังจากที่มัวแต่พินิจพิจารณาอยู่จนไม่รู้ว่าเขาข้ามฝั่งมาอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ “เอ่อ…” พูดอะไรดีนะ นี่ฉันลืมลิ้นไว้ที่ห้องหรือเปล่า… “พี่ว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม หิวแล้ว” คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าเล็กน้อย วินเลยถือวิสาสะจับไหล่เมจิหมุนตัวบังคับให้เดินเข้าไปในตลาด…ด้วยความที่ตลาดค่อนข้างใหญ่มีทั้งโซนเสื้อผ้าแฟชั่น ของใช้ สินค้าวินเทจ และของกินหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหารธรรมดา โซนซุ้มขายอาหารจนไปถึงร้านอาหารกึ่งบาร์และประกอบกับช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้มืดคนก็ยิ่งหนาตามากกว่าเดิม “เราอยากกินอะไร?” คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ ถามขึ้นหลังจากที่เดินกันมาได้สองสามล็อก “ข้าวขาหมูนี่ก็ได้…ค่ะ” ตาเรียวสวยเหลือบไปเห็นอะไรใกล้ตัวก็ตอบไปก่อนเพราะสมองน้อยๆ ประมวลผลไม่ทัน “5555 โอเคๆ” วินเดินนำเข้าไปก่อนจะให้เมจินั่งรอที่โต๊ะแล้วตัวเองเดินไปสั่งข้าวให้ ไม่นานนักป้าเจ้าของร้านก็เอาข้าวขาหมูสองจานมาวางตรงหน้าคนทั้งคู่ “เป็นอะไร…ทำไมไม่เห็นเจื้อยแจ้วเหมือนเวลาที่พี่โทรหาเราเลย” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ ของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม…กะล่อนจริงๆ ด้วยตาคนนี้ “ก็เมไม่ชินนี่แล้วนั่นมันในโทรศัพท์ไง…พอปากดีได้อยู่” คนตัวเล็กกว่าตอบกลับแต่ลดระดับเสียงเบาลงตรงช่วงท้ายประโยคพร้อมกับสบสายตาไปแปปนึงแล้วรีบดึงสายตากลับมามองจานข้าวตรงหน้าของตัวเองต่อเพราะทนต่อความแพรวพราวเล่นหูเล่นตาของพี่แกไม่ไหวจริงๆ “โครตจะน่าแกล้งเลย 5555” ตึก ตึก ตึก เสียงเท้าของคนสองคนที่กำลังเดินเล่นตรงโซนวินเทจอีกมุมนึงของตลาดหลังจากผ่านการกินข้าวด้วยกันเรียบร้อยด้วยอาการเก้ๆ กังๆ ของเมจิที่ยังไม่คุ้นชินกับผู้ชายตรงหน้า “จริงสิ ลืมให้พี่เลย” เสียงหวานพูดขึ้นก่อนจะหันไปยื่นถุงขนมที่ตั้งใจทำมาฝากส่งให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ “อะไรหรอ?” “คุกกี้น่ะ เมทำมาให้พี่” “หรอ…” เสียงทุ้มเอ่ยแค่นั้นแต่มือหนาล้วงเข้าไปในถุงก่อนจะหยิบคุกกี้ขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วทำท่าจะแกะ “พี่จะกินเลยหรอ พี่อย่าเพิ่งกินสิ ไว้กินที่บ้านๆ” เมจิรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกับรีบเอานิ้วเรียวจับแขนเสื้อผู้ชายแล้วดึงเบาๆ อยู่อย่างนั้นเป็นเชิงบอกว่าอย่าเพิ่งกิน…ก็ถ้ากินตอนนี้แล้วไม่อร่อยฉันจะทำหน้ายังไงเล่าพี่แกยิ่งดูเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาอยู่นะ นัยน์ตาคมหลุบตามองเมจิที่กำลังทำท่าทางอย่างกับลูกแมวเรียกร้องความสนใจก่อนจะยิ้มออกมาแล้วแกะคุ้กกี้รูปหมีส่งเข้าปากตัวเองไปให้คนตัวเล็กเห็นอย่างจงใจ “…” กินไปจนหมดแล้วทำไมไม่พูดอะไรเลยนะมัวแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น “…” “พี่เงียบทำไม” “รอดูอาการก่อนไงว่ากินแล้วจะตายเปล่า” วินตอบก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยเพราะอยากแกล้งคนตัวเล็ก เพี๊ยะ! มือเล็กฟาดเข้าที่แขนแกร่งไปไม่แรงมากอย่างอดทนไม่ไหวแต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะชอบใจซะอย่างงั้น… นี่จะไม่เกรงใจแล้วนะถ้าจะกวนกันขนาดนี้! ถึงแม้จะคิดในใจแต่สีหน้ากับแววตาของเธอต้องแสดงออกมาแน่ๆ “อร่อยดี…ขอบคุณครับที่ทำมาให้…จริงๆ” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะย้ำท้ายประโยคเพราะดูจากสีหน้าของเมจิตอนนี้ที่ดูเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังพูด “…” แป๊ก! ฟึ่บ! ใบหน้าสวยหันมองตามเสียงที่ได้ยินมาสักพักหนึ่งก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับสนามไดร์ฟกอล์ฟที่อยู่ติดกับตลาดเพราะเธอเห็นลูกกอล์ฟลอยออกจากฝั่งตัวอาคารลงสนามหญ้าเป็นระยะๆ “อยากตีกอล์ฟหรอ?” พี่วินเอ่ยถาม “ไม่หรอกเมไม่เคยเล่น ตีไม่เป็นด้วย” “ลองไหม? พี่สอน แต่เดี๋ยวไปเอาไม้ที่รถก่อน” “…” เธอพงกหัวหงึกๆ แทนคำตอบก่อนตาจะเป็นประกายตื่นเต้นออกมาแล้วเดินตามร่างสูงกลับไปยังลานจอดรถ… “พี่ส่งมาเดี๋ยวเมช่วยถือให้” เมจิเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นคนตัวสูงหยิบไม้กอล์ฟออกมาจากหลังรถแค่สามสี่ไม้ “ไม่ต้อง…มาเอานี่ไป” วินเดินไปที่ประตูท้ายก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวโคร่งสีแดงออกมาแล้วส่งให้ร่างบางที่กำลังยืนงงจ้องเขาอยู่ “คือ…?” เสียงหวานเอ่ยถาม “ใส่คลุมสิ เข้าไปงี้เด่นเกิน เอากางเกงด้วยไหม” “เอ่อ เมว่าไม่ต้องก็ได้ชุดมันกระชับน่าจะตีได้อยู่นะ” “ไม่ ใส่เสื้อ” อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ทำเสียงเข้มขึ้นมาเพื่อแสดงความชัดเจนให้รู้ว่าเขาไม่ยอมถ้าเธอจะไม่ใส่ ซึ่งคนตัวเล็กที่เห็นแบบนั้นก็แอบงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะคิดว่าอาจจะดูไม่เหมาะกับสถานที่เลยหยิบเอาเสื้อมาจากเขาแล้วใส่ทับก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าหล่อคมที่ก็กำลังใช้สายตามองลอดผ่านแว่นมาที่เธอเหมือนกัน… “อืม โอเคอยู่กางเกงไม่ต้องก็ได้ ตามพี่มา” เมจิเดินตามไปอย่างว่าง่ายโดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิมแต่ก็ได้แต่คิดในใจว่า…เธอใส่เสื้อคลุมสีเขียวมาแล้วเขาให้เปลี่ยนเป็นสีแดง…แล้วมันเด่นน้อยกว่าเดิมตรงไหน? พอเดินเลาะทางด้านหลังตลาดมาได้สักพักก็มาถึงหน้าสนามไดร์ฟ พี่วินเดินไปตรงเคาน์เตอร์แล้วชำระเงินหลังจากนั้นก็มีพนักงานเดินนำเราทั้งสองคนพร้อมกับถาดลูกกอล์ฟในมือขึ้นบันไดพาไปที่ชั้นสองก่อนจะเดินต่ออีกหน่อยแล้วหยุดที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่ แป๊ก! ฟึ่บ! แป๊ก ฟึ่บ! คนตัวเล็กที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกหันมองรอบๆ ตัว ส่วนมากที่เห็นจะมีแต่ผู้ชายวัยสามสิบขึ้นไปจนถึงเลขสี่เลขห้าแล้วท่าทางแต่ละคนก็ดูชำนาญจนทำให้เธอเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมา กลับก่อนดีไหมนะเรา…ดูทรงแล้วเหมือนจะพาตัวเองมาขายหน้าต่อหน้าผู้ชายแน่ๆ “มายืนตรงนี้สิ…เดี๋ยวพี่สอนจับไม้ก่อน” ไม่ทันแล้วสินะ…เอาก็เอา! ขาเรียวก้าวลงไปตรงแผ่นหญ้าเทียมตามที่เขาชี้นิ้วบอกแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวสูงกว่าที่ยืนถือไม้รออยู่อีกฝั่งหนึ่ง เขาย้ายมายืนอยู่ข้างๆ เธอก่อนจะส่งไม้กอล์ฟให้เธอเป็นคนถือไว้พร้อมกับจับมือเธอวางบนไม้อีกทีแล้วขยับมันพลิกไปมาซ้ายนิดขวาหน่อยจนได้ท่าทางที่ถูกต้อง “ถนัดไหม? นิ้วชี้กับนิ้วก้อยต้องเกี่ยวกันแบบนี้แล้วไม่ต้องกำแน่นเกินไป” ตาคมมองผ่านแว่นหันมาหาเธออย่างรอคำตอบ “ถนัดนะ” “โอเค งั้น…ยืนเท้าแยกกันอีกนิด ไม่ๆ แบบนี้” วินไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาหาร่างบางแล้วเอามือจัดท่าทางปรับการยืน หลัง ขา และสะโพกให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องเช่นกัน “พี่แอบแต๊ะอั๋งเมเปล่าเนี่ย คิกคิก” เธอแกล้งพูดหยอกไปเล่นๆ “หึ ถ้าแต๊ะอั๋งพี่ไม่จับแค่นี้หรอก…ลองยกแขนตีดู“ พูดจบก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเมจิตามเดิม แป๊ก! ฟึ่บ! ว้ายยย! ฉันตีโดนด้วย…ใช่ แค่ตีโดนไม่วืดแต่ท่าไม่ได้สวยอะไรหรอกน่าจะออกเกร็งๆ -.- “พี่เห็นไหม เมตีโดนด้วย” เธอยิ้มให้เขาอย่างภูมิใจ “อืม ไหนจัดท่าเองแล้วตีใหม่ซิ” เอาแล้วไง… ร่างบางที่กำลังนึกและจัดท่าทางของตัวเองอยู่ว่าต้องจับไม้แบบไหนและยืนยังไงแต่อยู่ดีๆ เสียงทุ้มก็พูดอะไรไม่รู้ขึ้นมา “ผิวขาวเนียนดี ไม่มีขนด้วย” “…หื้ม?” “ขาเมไง” ก่อนจะส่งสายตากวนๆ มาให้ “นี่พี่มองไรเนี่ย…” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน “เห็นไหม บอกแล้วว่าต้องใส่เสื้อมาถ้าจะก้มขนาดนี้ป่านนี้นมหกหมดแล้ว” “โง้ยยย…ช่วยโฟกัสที่การตีหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้พร้อมกับใช้น้ำเสียงประชดกลับไป…เขามันกะล่อนตัวพ่อ! “หึ ครับๆ” สาวน้อยในเสื้อสีแดงไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เลือกที่จะตีไปอีกสองสามทีด้วยท่าทางเกร็งๆ แบบคนเพิ่งเริ่มก่อนจะสลับให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายรับช่วงตีต่อส่วนเธอกลับมานั่งที่โต๊ะและมองเขาที่กำลังยืนตั้งท่า แป๊ก! ฟึ่บ! โหหห ตีสวยมากกกก มากแบบมากๆ ท่าทางที่ดูมั่นคงกับแขนแกร่งๆ ที่มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายไม่บอกก็รู้ว่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและคงตีมานานมากแล้วสินะถึงได้เท่ห์ระเบิดระเบ้อขนาดนี้… “เท่ห์มาก! สุดยอด!” เสียงหวานเอ่ยชมพร้อมกับปรบมือรัวๆ และยกนิ้วโป้งให้เขา ทำให้ชายหนุ่มที่พอเห็นแบบนั้นก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ จนกระทั่งผ่านไปสองชั่วโมงทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากสนามไดร์ฟหลังจากตีกันไปหกถาดแบบเหงื่อตก “ชอบไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับแขนแกร่งที่ถือไม้กอล์ฟแกว่งไปมาข้างลำตัว “เมชอบนะ…สนุกดีเหมือนได้ออกกำลังกายด้วย แต่เมคงต้องฝึกอีกเยอะเลย” “งั้นก็ดีสิ มาตีกับพี่บ่อยๆ พี่จะได้มีเพื่อนตีด้วย” เขาบอกกับเธอแล้วหันหน้ามามองอย่างรอคำตอบ “อืม ก็ถ้ามีโอกาสมาก็จะมาค่ะ” เธอเอ่ยตอบเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างรับรู้ สองหนุ่มสาวเดินคุยกันมาเรื่อยๆ ตลอดทางจนไม่นานก็พากันมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถคันสีขาวของเมจิก่อนที่คนตัวเล็กจะหมุนตัวกลับไปหาชายหนุ่มที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังของเธอ “งั้นเมกลับก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ปากเล็กพูดบอกพร้อมคลี่รอยยิ้มสวยออกมา “อ้อ! จริงสิ เดี๋ยวเสื้อเมซักแล้วเอามาคืนให้นะ” เธอพูดต่อเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อของเขาอยู่ “ครับผม พี่ต้องกอดลาเราหน่อยไหม” พูดเล่นแต่สายตาไม่เล่นเลยแฮะ… “ไม่ต้อง!!” หึ่ย ตานี่หนิ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD