( หนูยิ้ม )
ก๊อก ๆ ๆ
“พี่หน่อย ตื่นยัง”
....เงียบ คือดี เคาะจนมือจะหักแล้วเนี่ยยังไม่ตื่นอีกเหรอ จำได้ว่าฉันมาเรียกตั้งแต่หกโมงเช้า ห่างกันครั้งละสิบนาทีอย่างกับนาฬิกาปลุกที่ตั้งเลื่อนไว้ แต่ขอโทษ พี่แกไม่มีวีแววว่าจะเปิดประตูเลย นี่มันปาเข้าไปเจ็ดโมงแล้ว
“พี่หน่อย....อ๊ะ!...ตื่นแล้ว..”
เปิดประตูสักที แต่งตัวเรียบร้อย พร้อมกระเป๋าเป้ทำงาน แสดงว่าตื่นนานแล้ว แล้วไอ้ที่ฉันเรียกกับเคาะจนมือจะพังนี่คือ?
“งงอะไร ไม่ไปทำงานไง”
“เอ้า ให้มาปลุก แล้วพี่แต่งตัวเรียบร้อย คือไรอะ..ตื่นนานแล้วทำไมไม่บอก เจ็บมือหมดแล้วเนี่ย”
“ให้มาปลุกไม่ได้บอกว่าจะมาเปิดนี่ นอนแก้ผ้าจะให้มาเปิดเหรอ”
นั่น! เดินหนีอีกละ ฉันวิ่งเข้าห้องตัวเองรีบเอากระเป๋าและสัมภาระเท่าที่จำเป็นและไม่ลืมถุงแซนด์วิช ก่อนจะรีบวิ่งตามให้ทันผู้ชายขาโหด เกิดอารมณ์ไม่ดี ได้ให้ฉันไปทำงานเองแน่ ยิ่งจำทางไม่ได้อยู่
ระหว่างทางฉันก็เก็บของหลังรถคุณพี่เธอเล็กน้อย เพื่อวางของของตัวเอง และหยิบถุงแซนด์วิชมากินระหว่างทาง
“ซื้อเมื่อคืนเอามากินเช้า หุ่นอย่างกับตะเกียบ ลดความอ้วนเหรอ”
“...กินไหมคะ” ถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“มือไม่ว่าง"
"งั้น....ก็ไม่ต้องกิน" ฉันก็ลอยหน้าลอยตากินต่อไปค่ะ กลิ่นของแซนด์วิชก็ลอยคลุ้งไปทั่วรถเลยทีเดียว ก็ไม่ได้ถามนะว่ากินในรถได้ไหม แกะเลย
“เฮ้ย มือไม่ว่างแต่ก็อยากกินนะไอ้ดำ” โอ้โห... อยากจะด่าว่าไอ้หล่อ
“ขาวจ้า คุณพี่ขาว คุณพี่หล่อ” ประชด...
แต่ก็แบ่งแซนด์วิชพอดีคำป้อนให้กับพ่อเทพบุตรที่ว่าจี้จุดอ่อนที่ฉันไม่ขาว ฟังเสียงฉันประชดนางก็ยิ้มกริ่มชอบใจ ฉันด่าใครไม่เป็นไง ชีวิตหนูยิ้ม ผู้ไม่สวย ไม่เรื่องมาก และไม่ยอมอ้วน!
ตลอดทางฉันก็กินคำป้อนคุณพี่เธอคำไปตลอดทาง เวลาที่คุณพี่นิดหน่อยตั้งท่าจะพูดก็ป้อนเลยค่ะ จะได้ไม่พูดให้ส่อเสียดใจฉัน
เมื่อมาถึงบริษัท ฉันก็แยกไปยังออฟฟิศ ซึ่งวันนี้เอ็มดีของบริษัท ลูกค้าต้องการคุยกับฉัน เมื่อวานที่เข้ามาเอ็มดีไม่อยู่ ได้ยินชื่อเสียงลือนามมาว่าเอ็มดีบริษัทนี้หล่อมาก เป็นหนุ่มตาใส่ลูกครึ่งอเมริกา ฉันก็แต่งตัวดูดีมาเต็มที่
ย้ำนะ! ว่าแค่ดูดี เพราะฉันผิวคล้ำเลือกเสื้อผ้าอะไรก็ลำบาก ขนาดลิปทาปากยังเลือกไม่เข้ากับตัวเอง
ฉันถูกเลขาของเอ็มดีเชิญเข้าไปในห้องรับรองที่แอร์เย็นฉ่ำ เพียงอึดใจเดียวเลขาคนเดิมก็เข้ามาพร้อมกับเอ็มดีหนุ่มรูปหล่อที่เข้าตาคุณหนูยิ้มมาก ความสูงราว ๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรได้ประมาณโดยสายตา เพราะฉันสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร กับรอยยิ้มและหน้าตาหล่อเหลาที่เห็นเด่นมาแต่ไกล
โอ้ย....หนูยิ้มจะละลาย
“นี่คุณหนูยิ้มจากบริษัท xx ค่ะ” เลขาฯ คนเดิมแนะนำ
“สวัสดีค่ะ คุณริชาร์ท” หนูยิ้มทำการบ้านมาดีเสมอ “ต้องขอโทษจริง ๆ กับความผิดพลาดของทางเรา หนูยิ้มตรวจสอบความผิดพลาดแล้ว เกิดจาก...”
“ชื่อน่ารักนะครับ”
เอ่อ... เอ็มดีที่นี่จะอารมณ์ดีไปไหม ชมฉันขณะที่กำลังอธิบายงานที่ท่องมาเป็นหน้ากระดาษเนี่ยนะ แต่ก็รู้สึกดีแหะ
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ตามมารยาท ถึงแม้โดยส่วนตัวจะเป็นคนที่ไม่เชื่อคำชมของทุกคนอยู่แล้ว ความรู้สึกลึก ๆ มันบอกว่าเขาชมไปงั้นแหละไม่ได้จริงใจกับคนอย่างฉันจริง ๆ
“มีชื่อเล่นไหม คือ...ผมเรียกยากจัง”
“....” ชื่อจริงก็หนูยิ้ม ชื่อเล่นก็หนูยิ้ม แล้วจะเอาชื่อไหนละ “เรียกยิ้มอย่างเดียวก็ได้ค่ะ”
“ยิ้ม...น่ารักจัง”
โอ๊ย.. เป็นตาที่เซ็กซี่มาก ทำไมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ขนาดนี้ ยิ่งเวลาเรียกชื่อฉันนะ น่ารักเป็นบ้า
แต่เริ่มตะหงิด ๆ ใจละ ทำไมดูสายตาเขามันดูหวานเยิ้มจัง ไม่ได้จะจีบฉันใช่ไหมเนี่ย แต่หล่อขนาดนี้จะมาจีบฉันเชียวเหรอ
“ผมขอจีบยิ้มได้ไหม”
“ห๊ะ!....” เป็นเสียงที่หายเข้าไปในลำคอเลยละ
หัวจงหัวใจไม่มีเหลือ... มันหยุดเต้นไปเรียบร้อย ลมหายใจที่หายเข้าออกเป็นปกติก็กลั้นไว้ราวกับโดนสั่งห้าม
ไม่ได้หูฟาดใช่ไหม...
อะไรกันเนี่ย
ชีวิตที่มันเคยซ้ำซากจำเจมันจะเปลี่ยนอะไรเบอร์นี้ ได้มาร่วมงานกับพี่สุดหล่อขาโหด และยังมีผู้ชายที่เป็นถึงผู้บริหารที่หล่อระดับเทพมาขอจีบ
บ้าไปแล้ว
++++++++
( นิดหน่อย )
ผมชื่อนิดหน่อย อายุยี่สิบเก้าปี
เรียนจบวิศวะมาก็เที่ยวเตร่ไปเรื่อยไม่ได้ทำงาน ที่บ้านรวยไงไม่ต้องทำก็มีเงินใช้ จนเมื่อบริษัทที่บ้านมีปัญหาและต้องการคนไปแก้งานให้ เลยอยากเป็นลูกที่ดีรับอาสามาแก้ให้เพื่อแลกกับการขอไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟนสักอาทิตย์
การทำงานก็ได้พี่สาวที่เป็นผู้จัดการแผนกคุณภาพให้การช่วยเหลือ โดยบอกว่าจะส่งผู้ช่วยไปให้ รับรองอย่างนั้นอย่างนี้ว่ามีประโยชน์ ก็คงมีประโยชน์แหละเพราะเมื่อเช้าเพิ่งจะแกล้งให้น้องดำมายืนเคาะประตูปลุก จะว่าไปก็หน้าตาน่ารักพอเข้าวัดแล้วผีไม่หลอก แต่เรื่องหุ่นนี้เอาการเลย หน้าอกหน้าใจนี่กินขาด แต่อย่างว่าผมมันรักแฟน ไม่สนหรอก อีกอย่างแค่สีผิวก็ไม่ใช่ละ ผมมันต้องขาวตัวเล็กนมใหญ่ ๆ
....นั่นละประเด็น
นี่ผมแก้งานแต่เช้า แม่ผู้ช่วยคนดีที่พี่สาวบอกว่ามีประโยชน์บอกว่าไปคุยงานกับผู้บริหาร นี่หายไปจะสามชั่วโมงละยังไม่โผล่หัวมาเลย โดนผู้บริหารคาบลงน้ำไปกินแล้วมั้ง
เรื่องความกวนตีนของผมไม่ต้องพูดถึง เป็นมาตั้งแต่เกิด แก้ไม่ได้ เว้นแต่อยู่กับแฟนอย่างน้องส้มโอที่ส้มโอสมชื่อ อันนี้มันจะไม่ค่อยมีเวลากวนตีน ต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด
ระหว่างที่ผมกำลังต่อสายวงจร และจัดโปรแกรมในโน้ตบุ๊กที่พกมา สายตาก็มองไปเห็นน้องดำผู้ที่พี่สาวว่ามีประโยชน์ มองจนแน่ใจชายในชุดสูทที่เดินมาคู่กันคือผู้บริหารของบริษัทลูกค้าที่ผมกำลังแก้งานอยู่ ดูจากสายตาแล้ว ไอ้ที่มีประโยชน์ที่พี่สาวว่า คงเป็นเพราะไอ้ผู้บริหารนี่ชอบน้องดำแน่
....อย่างว่าล่ะ หน้าฝรั่งแบบนี้ชอบดำ ๆ ชัวร์
เห็นขายาว ๆ เดินแยกจากพ่อฝรั่งเดินมากลาย ๆ คงจู๋จี๋กันมาหนำใจแล้วแน่ ๆ น้องดำนมตูมถึงเดินมาได้
“ยากไหมพี่” สิ่งแรกที่ถาม
“จะช่วยไง?” ก็มันพูดดี ๆ ไม่เป็น จะให้ผมบอกว่า ไม่ยากครับ ยากครับ ทำไม่ได้หรอก มันคันลิ้น “แฟนเหรอ”
“เปล๊า!” ตอบซะเสียงสูงเลย จะเชื่อดีไหมเนี่ย แต่ช่างเถอะ ที่แน่ ๆ ไอ้หมอนั่นชอบ ที่เป็นประโยชน์คือการแก้งานครั้งนี้มีผู้บริหารหนุนหลัง ไม่สำเร็จก็ไม่น่าต้องถึงกับตายคงจะพอมีน้องดำนมตูมขวางเอาไว้ได้
น้องดำก็ดูจะง่ายไปหมด พื้นที่ว่างก็มีแต่ฝุ่น น้องนางก็นั่งลงอย่างไม่กลัวเปื้อนจนผมต้องหันมอง เธอรวบกระโปรงสั้น ๆ แล้วเอาเข่าลงกับพื้นฝุ่น
“ไปนั่งไกล ๆ เกะกะ” ไล่เพราะไม่อยากให้นั่ง คงเจ็บเข่าแน่ ๆ
“หิวแล้วพี่ ไปหาไรกินกัน”
“ไอ้ฝรั่งไม่พาไปเลี้ยงข้าวเหรอ”
ถามไปงั้นแหละ ไอ้มือก็รวบเก็บข้าวของ
สงสาร...เดี๋ยวก็จะเป็นลมเป็นแล้งไป
ไอ้ผมถึงจะปากหมาแต่ก็ไม่ได้ใจดำ ขนาดเมื่อคืนถามยามว่าน้องดำได้ลงมากินข้าว พอรู้ว่าไม่ได้ลงมายังซื้อแซนด์วิชไปให้กิน ดูดีเหมือนเป็นพระเอก
“ไม่กล้าไปกินกับเค้า อายคนอื่น”
“......” คืออะไร อายคนอื่น
เด็กสมัยนี้มีเรื่องอายคนอื่นด้วยเหรอ ดูจากท่าทาง ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปมีระดับผู้บริหารมาพาไปกินข้าวคงจะรีบจนตาลีตาเหลือก
“เขาเป็นถึงผู้บริหารนะพี่ หนูมันแค่พนักงาน เขาไม่ได้จริงจังหรอก”
“.....” มีความระบาย อย่าบอกนะว่าน้องดำไม่เคยมีแฟน
“หิวพี่ ไปเถอะ”
“ไม่เคยมีแฟนเหรอ”
“......”
เงียบ... ใบหน้าจากดำเป็นแดงเลยทีเดียว ไม่มีแฟนชัวร์...โตเป็นคนมาได้ไงวะเนี่ย ไม่เคยมีแฟน
ร้านอาหารข้างทาง
ผมเป็นคนที่มีเงินก็จริง แต่ชีวิตติดดินเสียยิ่งกว่าอะไร ถ้าไม่ได้ความหน้าตาดีที่มีมาแต่เกิดนี้ผมคงดูไม่ได้ นี่ก็เพิ่งโกนหนวดเคราเพราะน้องส้มโอบ่นว่าเหมือนโจร ก็เลยโกนเอาใจแฟน
น้องดำยังนั่งเหม่อ ปากบอกว่าหิวให้พามากินข้าวแต่ก็เขี่ยอยู่นั่น
"เฮ้ย.. หิวจริงปะเนี่ย!" อ่าว ๆ ช้อนเชิ้นกระเด็นออกจากมือหมด เสียงดังแค่นี้ก็ตกใจ..หรือผมเสียงดังไปวะ
เธอกุรีกุจอเปลี่ยนช้อนแล้วตักข้าวเข้าปาก อะไรวะ...ไม่เถียงสักคำและต้องชวนคุยยังไงล่ะเนี่ย
"เอาอะไรอีกเปล่า" ทำเสียงเบากว่าเดิมเพื่อจะได้คุยกันง่าย ๆ หน่อย
"อิ่มแล้วพี่"
"....." มันเพิ่งกินไปสามคำหลังจากช้อนมันตก อะไรของมันวะ
"พี่...คือ....ไม่มีอะไรละ" อ่าว... อะไรของน้องดำเนี่ย
"ลีลา จะถามอะไรก็ถามมา"
"คือ...พี่ว่าหนูสวยไหม"
แค่ก ๆ ๆ
คนกำลังกินน้ำ เจอคำถามนี้เข้าไปถึงกับสำลัก จะตอบยังไงล่ะ ไม่สวยมันร้องไห้โฮแน่ จะบอกว่าสวยมันก็ไม่สเปคเราจะสวยยังไง แต่ก็ดูดีน่ารักอยู่
"ไม่ต้องตอบแล้วพี่ อิ่มแล้วกลับเหอะ" ลุกจากโต๊ะไปเลย
ความรู้สึกผิดขึ้นมาเต็มอกเลยที่ไม่ได้ตอบไป นี่ก็คงมโนไปต่าง ๆ นา ๆ เลยล่ะสิ
ระหว่างทางขับรถกลับมาที่บริษัท แม่หนูน้อยผิวสีแทนก็เอาแต่นั่งเงียบ หน้าตาเหม่อเหมือนคนคิดอะไรหลายเรื่องในชีวิต
ปลอบผู้หญิงก็ไม่เป็น พูดดีกับใครเขาก็ไม่ค่อยถนัด
"...ชอบไอ้เอ็มดีนั่นละสิ"
"อะไรพี่ ก็...ก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น"
"พี่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ดูออกมันก็ชอบหนูยิ้ม" พูดดีที่สุดแล้ว เท่าที่จะพูดได้
เงียบ... ยังเงียบ พูดขนาดนี้มันยังเงียบอีกเหรอวะ
ผู้หญิงนี่อะไรก็ไม่รู้...
"ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบผู้หญิงอย่างหนูยิ้ม สวยก็ไม่สวย จนก็จน พี่ก็พูดไปเรื่อย"
"....." ว่ากูพูดไปเรื่อยอีก
"หนูยิ้มชินแล้ว มีแต่คนชอบแกล้งหนูยิ้ม"
"......"
ผมนี่ไปไม่เป็นเลย เจอผู้หญิงที่รู้จักกันไม่กี่วันมาดราม่าใส่แบบนี้ ยอมเลยยอม...เอ้า!! ดราม่าให้เต็มที่ไปเลยอีหนูเอ้ย