-สนามบินสุวรรณภูมิ-
“ยินดีต้อนรับกลับไทยครับนาย” ภาคเดินเข้ามารับนายของเขาอย่างนอบน้อม ก่อนที่เขาจะเดินนำร่างสูงออกไปยังรถหรูที่จอดรออยู่หน้าประตูทางออกของสนามบิน
“ฉันไม่อยู่ 3 เดือน เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างรึป่าว”
“คุณมาวิน...ช่วงนี้เขาหายเงียบไปครับ ส่ายของเรารายงานว่าเขาบินไปอเมริกาตามคำสั่งของคุณหญิงครับ”
“อืม” ฮันเตอร์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินตามลูกน้องคนสนิทของเขาออกไป
“อคินเรื่องสัญญารีบจัดการให้ฉันด้วย” ฮันเตอร์หันกลับไปบอกกับลูกน้องคนสนิทของเขาอีกคนที่กำลังเดินตามหลังมาเสียงเรียบ
“ครับนาย”
“นายครับเดือนหน้าคุณหนูจะคลอดลูกแล้วนะครับ” ภาคที่ช่างใจอยู่นานพูดขึ้น ก่อนจะหันกลับไปดูปฏิกิริยาของเจ้านายของตัวเองเล็กน้อยอย่างหวั่นใจ
“ท้อง 8 เดือนแล้วงั้นเหรอ”
“ครับนาย”
“งั้นฉันคงต้องเตรียมของรับขวัญหลานสินะ” ฮันเตอร์พูดขึ้นก่อนที่มุมปากของเขาจะยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“คะ ครับ”
“หึหึ”
~~ครืนนนนนนนน ครืนนนนนนนน~~
“ว่าไง...” ภาครับสายทันทีที่เห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ พร้อมกับมือหนาอีกข้างกดเปิดประตูรถตู้คันหรูให้กับนายใหญ่ของเขาไปด้วย
“มึงว่าไงนะ?” ภาคตะคอกถามปลายสายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ พร้อมกับมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ภายในรถหรูอย่างลำบากใจ
“แน่ใจใช่ไหม?” ร่างสูงเอ่ยถามปลายสายออกไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนที่เขาจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ลงไปยังกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?” ฮันเตอร์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างรอคำตอบ
“คะ คือว่า...”
“ไอ้ภาค”
“คุณกวินกับคุณหนูประสบอุบัติเหตุครับ คะ คุณกวินเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ”
“แล้วฮันนา...?” ฮันเตอร์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้ากลับไปอีกครั้ง พร้อมกับหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้
“คุณหนูอยู่ในห้องผ่าตัดครับ”
“รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด” ฮันเตอร์พูดขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับจ้องไปยังถนนตรงหน้านิ่งๆ
“ครับนาย”
ชีวิตนี้เกิดมาเขาไม่เคยหวาดกลัวหรือเสียน้ำตาให้กับเรื่องใดเลย พ่อกับแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่ฮันนายังเป็นเด็ก ส่วนฮันเตอร์ในวัย 17 ปีเขาต้องกลายเป็นคนที่เข้มแข็งและเป็นที่พึ่งให้กับน้องสาวของเขา เพราะทั้งคู่เหลือกันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ถ้าเขาอ่อนแอแล้วใครล่ะที่จะคอยปกป้องผู้หญิงอีกคนที่เขารักที่สุดในชีวิต...
ถึงจะมีคุณยายรับพวกเขาไปเลี้ยงดูเอาไว้ แต่นั่นก็เป็นเพราะความจำเป็น ไม่ใช่เพราะความรักหรือความเมตตาใดๆ ทั้งนั้น เธอเป็นญาติที่พวกเขาเหลืออยู่เพียงคนเดียว ถ้าทิ้งขว้างพวกเขาไปโดยไม่ดูดำดูดีก็คงจะถูกครหาอยู่ไม่ใช่น้อย และมันจะมีผลกระทบต่อเกียรติและชื่อเสียงที่เธออุตส่าห์สะสมมานานหลายปีตั้งแต่สามีของเธอยังมีชีวิตอยู่
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยมอบความรักและความอบอุ่นให้กับเขาและน้องสาวเลยแม้แต่น้อย เท่าที่เขาจำความได้ครอบครัวที่ ‘เขา’ เหลืออยู่มีเพียง ‘ฮันนา’ เพียงคนเดียวเท่านั้น
‘ท่านผู้หญิงบุษบา’ เธอเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม มีแต่คนเคารพนับถือ เหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้รังเกียจหลานชายกับหลานสาวมันเริ่มมาจาก...ตอนที่พ่อและแม่ของเขาให้กำเนิดลูกชายคนแรก วันนั้นท่านผู้หญิงบุษบาซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณยายของฮันเตอร์โกรธมากที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอไปคว้าเอาลูกพ่อค้าธรรมดาๆ มาเป็นสามี เธอจึงพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทำลายความรักของคนทั้งคู่ได้เลย
จนกระทั่งพ่อและแม่ของฮันเตอร์ค่อยๆ ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ จากการค้าขาย ทั้งสองเริ่มจากทำธุรกิจเล็กๆ เก็บหอมรอมริบจนมีทุกวันนี้ หลังจากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ของพวกเขาก็ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในที่สุด ทั้งคู่ทิ้งเงินมหาศาลไว้ให้กับฮันเตอร์และฮันนา
ในตอนนั้นฮันเตอร์ยังมีอายุเพียง 17 ปี ตามกฎหมายยังถือว่าเขาเป็นผู้เยาว์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่หลังจากที่เขาอายุ 20 ปีบริบูรณ์ เขาจึงได้ทวงคืนทุกอย่างที่เป็นของเขาและน้องสาวกลับคืนมาจนหมด ฮันเตอร์ใช้เงินและความรู้ที่พ่อกับแม่ของเขาทิ้งไว้ให้สร้างเนื้อสร้างตัวจนเขามีทุกวันนี้...
“ให้คนของเราไปสืบมาว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือมีใครจงใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” ฮันเตอร์พูดขึ้นในขณะที่สายตาของเขายังคงจ้องมองไปยังถนนตรงหน้าด้วยแววตาที่นิ่งเฉย ถ้ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุเขาจะพอยอมรับและเข้าใจได้ แต่ถ้ามีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนี้เขาไม่มีวันปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างแน่นอน
นอกจากฮันนาจะเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาแล้ว กวินสามีของเธอก็ยังเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายของเขาอีกด้วย ถึงเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ที่ทั้งคู่คบกัน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายน้อยสาวและเพื่อนรักของเขาให้ระคายเคืองเลยแม้แต่น้อย
“ครับนาย” อคินน้อมรับคำสั่งของนายใหญ่อย่างนอบน้อม...
“นายครับ...คนของเราพึ่งรายงานเข้ามาว่ารถได้พุ่งเข้าไปชนกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างถนนครับ เธอเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันครับ”
“จัดการชดใช้ค่าเสียหายตามสมควร”
“ครับนาย”
-โรงพยาบาล-
“คุณหนูอยู่ที่ห้องผ่าตัดครับนาย” ภาคเอ่ยบอกกับนายของเขาทันทีที่รถหรูจอดสนิท
“...” ฮันเตอร์เดินไปยังทางเดินตรงหน้านิ่งๆ แววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ปึก!!!
“...” ฮันเตอร์เดินชนเข้ากับหญิงสาวที่วิ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างแรง ดีที่แขนแกร่งคว้าเอวบางของเธอไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นเธอคงล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นอย่างแน่นอน
“ฮึกกก ขอโทษค่ะ” ร่างบางตรงหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษเขาเสียยกใหญ่
“...” เขาทำเพียงมองไปที่เธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องผ่าตัดทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“คุณหมอเป็นอย่างไรบ้าง” ฮันเตอร์เอ่ยถามร่างสูงที่พึ่งเดินออกมาเสียงเรียบ
“คนไข้เสียเลือดมากครับ ผมเสียใจที่ต้องแจ้งกับคุณแบบนี้...”
“...”
“เธออาจจะมีเวลาเหลืออยู่ไม่มาก”
“หมายความว่าไง?” ฮันเตอร์ตะคอกถามร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงดังลั่น...
“ขณะทำการผ่าตัดเธอไม่ยอมให้เราใช้ยาสลบครับ เพราะกลัวว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอรอคุณอยู่ด้านในครับ...” หมอหนุ่มเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะหลบทางให้เขาเดินเข้าไปหาผู้ป่วยที่นอนรออยู่ด้านในตามคำขอร้องของเธอ
“พะ พี่ฮันเตอร์” ฮันนาร้องเรียกพี่ชายของเธอพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเขา
“จะ เจ็บตรงไหนรึป่าว?” ฮันเตอร์เอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมือหนาลูบลงที่หัวของน้องสาวของเขาเบาๆ อย่างทะนุถนอน
“ไม่เจ็บเลยค่ะ...พี่ฮันเตอร์คะ น้องฝากลูกของน้องด้วยนะคะ ต่อไปนี้เธอเหลือเพียงแค่พี่คนเดียวแล้ว” ฮันนาเอ่ยบอกกับพี่ชายของเธอด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“พะ พูดอะไรแบบนั้น...ลูกของน้อง น้องก็ต้องเป็นคนเลี้ยงเองสิ” ฮันเตอร์ตอบร่างบางตรงหน้ากลับไปเสียงสั่น
“หึหึ น้องกับกวินตั้งชื่อให้เธอว่า ‘ฮาญา’ ค่ะ”
“น้องจะไม่เป็นอะไรพี่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้องหาย”
“ฝากฮาญาด้วยนะคะ”
“พี่...”
“รับปากน้องสิคะ”
“...”
“พี่ฮันเตอร์”
“อืม...พี่รับปาก”
“...” ฮันนายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหลับตาลงช้าๆ...
ตืดดดดดดด!!!