ตกค่ำ รอบคฤหาสน์เงียบสงบ มีแค่แสงไฟสลัว สีเหลืองนวลจากจุดต่างๆ ทั้งรอบกำแพง และจุดสำคัญที่ต้องการให้โดดเด่นต่อสายตาผู้คนที่ผ่านมาไปมา เปรียบความตระการตาเสมือนรับโล่ได้ ทว่าบรรยากาศต่างกันโดยสิ้นเชิง
ใช่ คงไม่มีอีกแล้วเสียงเด็กกำพร้าเหล่านั้น ที่หัวเราะร่วนยามหยอกล้อกันเองอย่างสนุกสนาน แว่วดังตามลมมาปะทะหูเธอ ในสมัยยังอยู่ที่เก่า มุมโปรดเวลาอ่านหนังสือ ถึงจะจับใจความไม่ได้เพราะแสงจากตะเกียงไม่พอ แต่มันทำให้เธอไม่เหงา และรู้ซึ้งเสมอว่าไม่ได้มีตัวคนเดียว ความเงียบซึ่งคืบคลานเข้ามาถึงในห้อง เอมิเลียนั่งกอดเข่า ไม่กล้าหยิบจับอะไรมาอ่านทั้งนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟให้สว่าง อาศัยเพียงไฟจากข้างนอก ที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา พร้อมกับสายลมโชยบางเบา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแค่สามครั้ง พลางประตูถูกเปิดออก ไม่ทันให้เวลาหญิงสาวได้เตรียมตัว เธอผงกหัวที่แนบเข่าขึ้นมองหน้า ตกใจเล็กน้อยในวินาทีแรก ก่อนจะถอนหายใจพรืดในนาทีหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นซีอาร์
" ทำไมถึงอยู่มืดๆ แบบนี้ละคะคุณ"
พรึ่บ
หล่อนถือวิสาสะเปิดไฟให้ ยกถาดอาหารมาวางกลางโต๊ะ
" อาหารเย็นค่ะ"
เอมิเลีย หย่อนเท้าลงพื้น มองกับข้าวสลับกับหล่อน
" เอ่อ..."
" มีคำสั่งจากนายท่านค่ะ ว่าคุณหนูจะต้องทานข้าวที่นี่"
" คุณหนู? "
เอมิเลียชะงัก ชี้หน้าอกตัวเอง ซีอาร์ยิ้มกว้าง
" เป็นน้องสาวบุญธรรมของนายท่านแล้วนะคะ ลืมไปแล้วหรือ.."
"น้องสาว? "
"ใช่ค่ะ นายท่านออกตัวเองเลยนะ คุณหนูอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ประเดี๋ยวก็คงชินไปเอง ตอนนี้ทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ "
ความสงสัยไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ทั้งหัวของเอมิเลียเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ทว่า เธอเลือกที่จะนั่งนิ่ง ถามตัวเองในใจ มากกว่าถามหล่อน
" ขอบคุณค่ะ"
เธอยิ้มบางให้กับซีอาร์ จนกระทั่งหล่อนออกไป และไม่วายโค้งคำนับให้เธอ
ทางด้านของครูซัส หลังเดินทางมาถึงที่หมาย ก็รีบดับเครื่อง เร่งฝีเท้าฝ่าผู้คนไปยังคนที่นัดเอาไว้ทันที
มิเชล นางแบบสวยหุ่นสูงปราดเปรียว นั่งเท้าคางหมุนหลอดในแก้วน้ำดื่มอยู่ที่โต๊ะ นับหนึ่งถึงร้อยหวังสยบความร้อนภายในใจให้เย็นลง หลังรอแฟนหนุ่มเป็นชั่วโมง แต่ยังไม่เห็นเขา จนกระทั่งเขามาถึง ครูซัสนั่งลงตรงกันข้าม มองหน้าหล่อนสีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จา
" อีกแล้วนะคะครูซ ฉันรู้ คุณลืม.."
มิเชลบ่นอุบ พลางสะบัดหน้าไปทางอื่น หวังให้เขาง้อ
" ไม่เอาน่า คุณก็รู้ ผมงานยุ่ง"
" ยุ่งตลอดเลยนะคะ จะยุ่งแบบนี้ ไปจนถึงวันแต่งงานของเราหรือเปล่า"
" เงียบซะมิเชล แล้วสั่งอาหารให้ผม"
แต่เหมือนไม่เป็นผล เมื่อชายหนุ่มเสียงทำขรึมใส่ หล่อนหันกลับมา จำใจต้องเป็นฝ่ายยอมเอง เพราะไม่อยากให้เขาอารมณ์เสีย นึกจะลุกก็ลุก อย่างเช่นครั้งก่อนๆ ที่เขาเคยทำ
ตลอดในช่วงดินเนอร์ มิเชลนับครั้งการช้อนตามองจากแฟนหนุ่มได้เลย เขาดูพิถีพิถัน ตั้งใจทานสเต๊กตรงหน้า จนหล่อนรู้สึกถึงความผิดปกติได้ เขาไม่สนใจหล่อนและพูดน้อยกว่าที่เคย คนรู้นิสัยเขาดีอย่างมิเชล ย่อมมองออก
" คุณมีความลับกับฉัน "
มันไม่ใช่คำถาม แต่มันคือการเค้นให้เขาพูด ครูซัสวางช้อนกระทบจาน มองหน้าหล่อนนิ่ง รอเคี้ยวเนื้อคำสุดท้ายในปากให้หมด แล้วกระดกน้ำตามก่อน จึงจะเริ่มพูด
" แล้วยังไง?"
" คุณโกหกฉันไม่ได้หรอก "
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เลือกที่จะไม่หลบตา และตอบประโยคเดิม
" บิ๊กครูซ ... คุณก็รู้ฉันเป็นใคร แฟนคุณนะ "
" แล้วไง "
" ก็ไม่แล้วไง แค่ฉันจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ "
หล่อนยักไหล่ ครูซัสละสายตา ตัดความหงุดหงิด เบือนหน้าไปทางอื่นแทน ก่อนมิเชลจะเบิกตาอ้าปาก เมื่อนึกขึ้นได้ และคิดว่าใช่แน่นอน
" ใช่ สามปี ...สามปีแล้ว "
"....."
" คำขอของแม่คุณ ...ใช่มั้ย? "
นิ้วเรียวผลักคางเขาหันมาสบตาตัวเอง ครูซัสขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมแสดงอาการโกรธขึ้นมาทันที
" ใช่... ต้องใช่แน่ๆ คุณเงียบแบบนี้ "
เหลือบตามองปลายนิ้วหล่อน ที่กระดกขึ้นลงชี้หน้าเขา ก่อนมิเชลลดมันลง เผลอลืมไป เขาไม่ชอบ หล่อนอาจจะถูกเขาหักนิ้วเอาก็ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด หล่อนเค้นต่อ ลนลานถามเสียงดัง ทำคนรอบข้างเริ่มมอง ต่างจากเขาที่เอาแต่นั่งนิ่ง หญิงสาวได้ทีเอาใหญ่
" แม่คุณก็ตายไปตั้งนานแล้ว คุณไม่ทำตาม เธอคงไม่รู้หรอกน่า "
" มิเชล! "
" ทำไมคะ?!"
" อย่าล้ำเส้น.."
ครูซัส เดือดดาล ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หลังกดเสียงต่ำและวางธนบัตรไว้กลางโต๊ะโดยไม่เรียกพนักงานมาคิดเงิน เดินดุ่มๆรุดหน้ามายังชั้นล่าง อาการเขาไม่สบอารมณ์ตั้งแต่นั้น มิเชลทำเขาหัวเสียและหงุดหงิด จนคิดว่าคุยกันต่อไปคงไม่รู้เรื่อง ขืนยังอยู่ต่อ คงมีแต่การทะเลาะ
ต่างจากที่หล่อนวิ่งตาม เลือกที่จะคุยกับเขา มากกว่าปล่อยให้ค้างคาจนถึงเช้า
" หยุดเดี๋ยวนี้นะคะครูซ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้ การเดินหนี ทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ มันเสียมารยาท"
แน่นอน เขาชะงักก็ตอนถึงลานจอดรถแล้ว ก่อนหน้านี้หล่อนวิ่งตามเขาไม่ทัน ครั้นจะตะโกนโผงผางห้ามกันในตึก ก็มีแต่จะขายหน้าผู้คน
ครูซัสหยุดเดินกลางคัน มิเชลหน้าเกือบคะมำตำแผ่นหลังเขา ดีที่เท้าชะงักทันเสียก่อน
" คุณคิดว่าคุณเป็นใคร มิเชล "
" เลิกหยิ่งได้แล้วน่า เลิกวางท่าแบบนี้ด้วย คุณทำอะไรอย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่อง เด็กนั่นน่ะ...คุณไปรับมาแล้วใช่หรือเปล่า"
" แล้วทำไมผมต้องรายงานคุณทุกเรื่อง"
" เพราะฉันเป็นแฟนคุณไง! หรือว่าไม่ใช่? "
" กำลังจะไม่ใช่!" เขาหันหน้ามาสวนกลับ มิเชลยืนอึ้ง " จำไว้นะ มิเชล ถ้ามันจะพัง มันพังเพราะคุณ" เตรียมหมุนตัวจะเดินต่อ
" หมายความว่ายังไง คุณกำลังจะบอกเลิกฉันเหรอ "
หญิงสาวเสียงสั่น น้ำตารื้น มองคนรักด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและจุก จะมีสักครั้งไหม ที่หล่อนกับเขามีความสุขอย่างเช่นคนอื่นๆ มีสักครั้งไหม ที่เขาไม่แข็งกระด้างใส่กันแบบนี้....
ใช่ นอกจากเรื่องบนเตียงที่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่องแล้ว เรื่องความเย็นชา ก็ไม่ขาดตกบกพร่องเช่นกัน
" ฟู่ววว"
ครูซัสถอนหายใจ กระชับสูทตัวเองให้เข้ารูป ก่อนยื่นมือมาบีบหัวไหล่หล่อน
" ดินเนอร์มื้อหน้า อย่าทำแบบนี้อีก อย่าซักไซ้ผม ผมไม่ชอบ"
แล้วหมุนตัวไปที่รถ
" เดี๋ยวค่ะ คุณจะไปไหนคะ.... อะ เอ่อ... ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ"
มิเชลยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อรู้ความหมายของประโยคนั้นแล้วว่า.. เขาเปล่าบอกเลิก เพียงแต่ตำหนิ และติเตือนหล่อนเท่านั้น เลยได้แต่โบกมืออำลา กระทั่งรถเขาแล่นไปไกล
ทางด้านของเอมิเลีย
หน้าปัดนาฬิกาบ่งบอกเวลาตีหนึ่ง นับตั้งแต่กินข้าวเสร็จ อุตส่าห์ช้อนคำโตๆ เข้าปาก ฝืนใจกินเพื่อให้มันหมดๆไป ตั้งแต่ทุ่มตรง ชำระร่างกายและจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จราวประมาณสามทุ่ม บัดนี้ปาเข้าไปอีกวัน เธอยังลืมตาอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลย เอมิเลียสะบัดผ้าห่มออก ฉุดตัวเองลุกขึ้นนั่ง เบือนหน้าไปทางประตู คว่ำปากเตรียมจะร้องไห้ คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงโรงเรียน...
ใช่ นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ ไม่มีอะไรเหมือน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ทั้งบรรยากาศ และผู้คน ถึงสาวใช้อย่างซีอาร์จะเป็นมิตรกับเธอก็เถอะ ทว่าสังคมนี้ มันไม่เหมาะกับเธออยู่ดี เอมิเลียลอบถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน ตัดสินใจผงะจากการนอน ไปเปิดไฟดวงเล็กตรงโต๊ะ หวังจะอ่านหนังสือคั่นเวลา ทว่ายังไม่ทันจะเปิด กลับมีใครคนนึงมาเคาะประตูเสียก่อน
ก๊อกๆๆ
เอมิเลียสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าดึกๆ อย่างนี้ จะมีใครมาเยือน...
" คะ ใครคะ.."
ฉันเอง "