ตอนที่ 8 จดหมายลับ

1672 Words
ตอนที่ 8 จดหมายลับ เซียวอิ๋นฮวา นอนราบอยู่บนเตียง ทั้งแขนและขาช่างไร้เรี่ยวแรง แม้จะยกช้อนขึ้นตักโจ๊กเข้าปากก็ยังทำไม่ได้ เหวินหนิงรับอาสาดูแลน้องสาวตัวเล็ก เห็นนางมีความลำบากจึงเอ่ยปากขึ้น “มานี่มา ให้พี่ชายป้อนให้นะ” “ขอบคุณพี่เหวินเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางยังคงแหบแห้ง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเช่นเดิม แต่ยังนับว่าโชคดีนักที่รักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นคงไปเยือนปรโลกแล้วกระมัง ถึงกระนั้นจะว่าเป็นเรื่องดีก็จริง แต่ดวงตาคู่สวยของนางยังฉายแววเคียดแค้นคนตระกูลเซียวมากโข โดยเฉพาะผู้เป็นบิดา ขับไล่นางออกจากจวนในยามที่ท่านแม่ของนางล้มป่วย กระทั่งสิ้นใจก็ยังไม่ให้นางได้พบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เด็กน้อยก็สะอื้นเบา ๆ ออกมา ทำให้เหวินหนิงตกใจ ถึงขั้นสอบถามนางอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไป ร้องไห้เสียใจเรื่องอันใดกัน” “...” เซียวอิ๋นฮวาไม่ยอมปริปากบอกเรื่องของตนเองที่ได้ประสบพบเจอมา แต่นางกลับระบายยิ้มอ่อนมอบให้ผู้เป็นพี่ชายต่างสายเลือด ยิ่งเห็นเขาห่วงใยนาง ดีต่อนางเช่นนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก “มาอ้าปากนะ ข้าจะป้อนโจ๊กให้เจ้า” เขาเห็นว่านางดื่มยาค่อนข้างยาก จึงขอร้องให้ท่านหมอซูทำยาลูกกลอนให้น้องสาว ยามนี้นางมีความลำบากในการรับอาหาร เช่นนั้นนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่ไว้วางใจให้ผู้ใดเข้ามาดูแลนาง “พี่เหวินเจ้าคะ ท่านสามารถสืบข่าวตระกูลเซียวได้หรือไม่เจ้าคะ” นางอยากรู้ว่ายามนี้คนของนางเป็นเช่นไรบ้าง ถูกขับออกมาอย่างรีบเร่งเช่นนี้ ห่วงก็แต่ท่านแม่นมฝูที่อายุมากก็มากแล้ว คนอื่น ๆ ก็ล้วนไม่น่าเป็นห่วง ด้านนอกเรือนพักผ่อนของเซียวอิ๋นฮวายังคงมีหิมะทับถม อากาศหนาวจัดเช่นนี้ เดินทางด้วยรถม้าก็คงลำบากยิ่ง เช่นนั้นแล้วเหวินหนิงจึงบอกกับนางขึ้น “ยามนี้ถนนหนทางล้วนเต็มไปด้วยหิมะ คงลำบากนักหากเดินทางในช่วงนี้” “....” นางเงียบหน้าสลดลง แววตาวูบไหวนัก คิดถึงผู้เป็นมารดาจนแทบอยากร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ แต่ก็ต้องสกัดกั้นความเศร้าโศกนี้เอาไว้ เหวินหนิงเห็นแบบนี้ก็ยิ่งทุกข์ใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หากหิมะหยุดแล้ว ข้าจะไหว้วานท่านอาไปสืบข่าวให้เจ้าอย่างแน่นอน” “จริงหรือเจ้าคะ” เซียวอิ๋นฮวาเงยหน้าขึ้นมาอย่างมีความหวัง “เจ้าพอจะบอกเรื่องคับข้องใจได้หรือไม่ ทำไมถึงเดินทางเพียงลำพังกัน” เหวินหนิงหว่านล้อมสอบถามทางอ้อม เซียวอิ๋นฮวาขยับริมฝีปากขึ้นลงอย่างแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อส่งข้าไปอารามชี ที่เมืองถังหยวนเจ้าค่ะ ให้ข้าบำเพ็ญเพียรถือศีลเพราะว่าข้า...” เป็นตัวกาลกิณีตัวอัปมงคล ทำให้ท่านแม่ต้องตาย ตระกูลเซียวเสื่อมเสียก็เพราะตนเองเป็นต้นเหตุ เหวินหนิงมองดวงตาคู่สวยที่หม่นหมองทุกครา ยามพูดเรื่องครอบครัว คงจะมีบางอย่างที่ยากจะอธิบายให้คนนอกรับรู้ เช่นนั้นเขาจึงไม่เอ่ยถามอีก “อ้อที่วัดถังหยวนยังสู้ที่นี่ไม่ได้เลยนะ เจ้าก็อยู่เสียที่นี่ก็แล้วกัน ส่วนที่วัดถังหยวนนั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปแล้วล่ะ” ดังนั้นเหวินหนิงจึงสร้างเรื่องโป้ปดขึ้นมา เพื่อไม่ให้เซียวอิ๋นฮวาออกจากสำนักนี้ไป “แต่ว่า...” มันเป็นคำสั่งของบิดา ที่นางจะละเลยไม่ได้ แต่ยามนี้จะลุกนั่ง ขยับแขนขาก็ยังยากลำบากนัก “ที่นั่นอยู่ใกล้กับชายแดน มาผู้คนมากมายพลุกพล่าน อีกทั้งเป็นเมืองหน้าด่าน ไม่เหมาะที่เจ้าจะเดินทางไปตามลำพัง ยังมีพวกนักเลงหัวไม้ชอบข่มเหงเด็กกำพร้า หากเจ้าไปที่นั่น ไม่แน่อาจถูกจับขายเป็นทาสก็ได้” “ถ้าหากข้าอยู่ที่นี่” จะอยู่ในฐานะอันใด หากให้นางเป็นสาวใช้ก็ทำได้สบายมาก ติดตรงที่เวลานี้เจ็บป่วยคล้ายร่างกายจะแตกหักเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องคิดมาก มาข้าป้อนโจ๊กให้นะ” ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งอยู่ในห้องสองต่อสอง ผู้เป็นพี่ชายตามคำบอกกล่าวนั้น กำลังค่อย ๆ ป้อนโจ๊กอุ่น ๆ ให้แก่น้องสาวต่างสายเลือด ด้านนอกห้องโถงใหญ่ เรือนด้านหน้า มีวิหคน้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง จ้าวเว่ยพบเห็นจึงเดินมาจับเจ้าวิหคน้อยตัวนี้ แล้วหยิบเอาม้วนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ออกมา ในกระดาษแผ่นนั้นมีตัวอักษรไม่กี่ตัว แต่มันคือตัวอักษรลับของสำนักบุปผารัตติกาล พออ่านจบเขาขยำกระดาษด้วยแววตามีแต่เพลิงโทสะ ด้วยความหงุดหงิดใจ จนยากจะข่มใจให้อารมณ์ดี แม้อากาศจะเย็นยะเยือกปานใด ก็ไม่สามารถทำให้จ้าวเว่ยสั่นสะท้านได้เลย ฝ่ามืออันทรงพลังซัดลมปราณออกไปอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ที่ถูกแรงกระแทกหักโค่นลงมาเพียงพริบตาเดียว แม่นมเผิงที่พ่วงตำแหน่งแม่ครัวจำเป็นถึงกับวิ่งหน้าตั้งออกมาดู ก็เห็นว่าเป็นรองเจ้าสำนักกำลังคิดจะซัดฝ่ามืออีกครั้ง หนนี้เป็นแม่นมเผิงตะโกนสุดเสียงขึ้นว่า “ยามนี้เวลาใดแล้วท่านรองเจ้าสำนัก ควรพักผ่อน มิใช่ทำอะไรเยี่ยงนี้” อายุก็มากแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไปได้ แม่นมเผิงอยากตะโกนถ้อยคำนี้ออกมายิ่งนัก แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือ ซ้ำยังเป็นถึงรองเจ้าสำนักอีก “มีเรื่องให้เครียดเล็กน้อย” ในจดหมายนั้น มีคำตำหนิฝากฝังมาด้วย อายุเขาก็มากแล้ว จนป่านนี้ยังไม่แต่งงานมีภรรยาเสียที บิดาจึงไหว้วานให้ท่านอ๋องสาม ส่งจดหมายลับมาแจ้งข่าว ให้เขาเร่งเดินทางลงจากเขาเพื่อไปดูตัวว่าที่ภรรยา “ท่านอาจารย์เกิดอะไรขึ้นขอรับ” เหล่าบรรดาลูกลิงทั้งห้า ซึ่งยังไม่นอน พากันสวมชุดคลุมขนสัตว์สีน้ำเงินเข้ม วิ่งหน้าตั้งออกมา ก็เห็นว่าเป็นท่านอาจารย์ยืนหน้ามุ่ยอยู่ เหลือบไปอีกราว ๆ สักสองสามเซี๊ยะก็เห็นต้นไม้ใหญ่ อายุหลายสิบปี ถูกท่านอาจารย์โค่นมันลงด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่ง เหล่าศิษย์ตัวเล็กตัวน้อยก็พากันยืนทึ่งกับสิ่งที่ตนได้พบเจอ เหวินหนิงหน้านิ่วเดินออกมาจากห้องนอนของเซียวอิ๋นฮวา “เมื่อครู่นางกำลังจะหลับ ต้องมาสะดุ้งตื่นก็เพราะท่านอาจารย์” “เจ้าช่างกล้าตำหนิข้าเชียวหรือ” จ้าวเว่ยมองใบหน้าคมคายหล่อเหลาของเหวินหนิง ก็ทำได้เพียงแค่ขึ้นเสียงใส่ศิษย์รักเท่านั้น “ท่านอาจารย์รู้หรือไม่ นางผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง อีกอย่างนางกำลังป่วยย่อมต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องธรรมดาของท่านคือการทำต้นไม้แสนรักของ...ท่านเจ้าสำนักหักนี่สิอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็เป็นไปได้” เหวินหนิงมองไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ ซึ่งเป็นของท่านเจ้าสำนัก มักชื่นชมต้นไม้ต้นนี้เสมอ เวลาว่าง ๆ ก็มักจะมาตัดแต่งกิ่งก้านใบให้สวยงาม แต่ยามนี้มันเหลือเพียงแค่ซากที่หักครึ่งต้น ดูน่าอนาถใจเสียจริง “ก็ใครใช้ให้เขาส่งหนังสือมาให้ข้ากันเล่า” เพราะไม่อยากแต่งภรรยา จึงบ่ายเบี่ยงบิดาและมารดาเสมอมา เช่นนั้นเขาจึงมักอยู่บนเขา เพื่อสั่งสอนเหล่าศิษย์ตัวน้อยทั้งหลาย แต่เวลานี้เจ้าเด็กพวกนี้ช่างอาจหาญตำหนิต่อว่า ไม่เห็นว่าเขาเป็นอาจารย์ใช่หรือไม่ จ้าวเว่ยถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าลูกศิษย์ ยังมีแม่นมเผิงที่หัวเราะขึ้น “ฮ่า ๆ ในที่สุดท่านก็มีวันนี้เสียที” “...” จ้าวเว่ยกำลังเครียด แต่แม่นมเผิงกลับหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี จึงทำให้ชายหนุ่มมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นอีกหลายส่วนนัก “ท่านลงเขาไปดูตัวสักคราเถอะ ถือเสียว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว นายท่านจ้าวกับฮูหยินจ้าวคงอยากมีสะใภ้รองแล้วละเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ออกเดินทางเลยนะเจ้าคะ ข้าจะเตรียมเสบียงให้ท่านเดินทางในวันพรุ่งนี้” “ก็ข้ายังไม่อยากมีภรรยานี่นา” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านอาจารย์ขอรับ ลงเขาไปเถิด อย่าให้ใต้เท้าจ้าวทุกข์ใจเลยขอรับ” เขาก็คิดว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้ก็เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ นี่เอง “ถ้าข้าลงเขาไปแล้ว ใครจะดูแลพวกเจ้าแทนท่านเจ้าสำนักกันเล่า” จ้าวเว่ยเพียงแค่แสร้งพูดเท่านั้น เพราะศิษย์ของเขาล้วนดูแลตนเองได้ รวมถึงยังดูแลผู้อื่นได้อีกด้วย ไม่จำเป็นต้องกังวลมากมายนัก ทว่าซูเหยียนกำลังร่ำสุรา ต้นไม้หักโค่นลงมา ตรงจุดที่เขากำลังเอนหลังดื่มด่ำสุราอย่างมีความสุข แต่เกือบตายก็เพราะจ้าวเว่ยบันดาลโทสะแท้ ๆ “ก็ข้าอยู่ทั้งคน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องลงเขาไปดูตัวแล้ว ข้าอวยพรให้เจ้าได้พบหญิงที่ถูกใจ” จะได้ไม่มีคนมาขัดขวางเวลาอันแสนล้ำค่าของเขาอย่างไรเล่า “ตาแก่ขี้เมาช่างพูดจาน่าฟังนักนะ” เขากำลังประชดต่างหาก “ให้ข้าเลาะฟันหน้าเจ้า ตัดลิ้นเจ้าดีหรือไม่เล่า” มีหรือที่ท่านหมอซูจะยอมเงียบปาก กลับพูดขึ้นว่า “ข้าไปดื่มสุราต่อดีกว่า คร้านจะพูดกับคนเย็นชาเช่นเจ้าแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD