ตอนที่3 เขากลับมา

2102 Words
ตอนที่ 3 เขากลับมา เดิมทีหลังจากที่บิดาของเอมกมลเสียชีวิต หญิงสาวว่าจะลาออกจากมหาลัยเพราะอยากทำงาน ไม่อยากเรียนอีกแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ แต่ทว่าท่านเกษมกลับบอกให้เธอเรียนต่อให้จบ พร้อมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้เธอทุกเดือน หญิงสาวปฏิเสธแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อชายชราไม่ยอมง่ายๆ และมันก็เป็นแบบนั้นอยู่หลายเดือน ทุกๆ เดือนเงินจำนวนห้าหมื่นบาทถูกโอนเข้าบัญชีหญิงสาวทุกสิ้นเดือนไม่ขาดไม่เกิน “เงินผมอีกตามเคยสินะ ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องเลี้ยงเด็กนั่นด้วย” น้ำเสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจสักเท่าไรนัก “ก็หนูเอมเป็นเมียแกไม่ใช่รึไง แกทำงานหาเงินเก่งขนาดนี้ แบ่งให้เมียเดือนละไม่กี่บาท แกคงไม่ล้มละลายหรอกมั้ง” เสียงชายชราพูดขึ้นพร้อมยิ้มอย่างพอใจ เขาบอกว่าส่งเอมกมลเรียนก็จริง แต่แค่มาจากเงินของเจ้าลูกชายตัวแสบของเขา ศรุตถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ขัดไม่ได้อยู่ดี “พ่อครับ เรื่องเจน ผมอยากให้พ่อและแม่ต้อนรับเธอบ้าง” “นี่ยังไม่จบเรื่องนี้อีกรึไง พ่อว่าพ่อพูดไปชัดเจนแล้วนะ นี่ไงพ่อก็รับรู้ทุกอย่าง ไม่ได้ห้ามที่แกจะไปมาหาสู่แม่นางแบบนั่น แต่ฐานะสำหรับผู้หญิงคนนั้นเป็นได้แค่เมียเก็บของแกเพียงเท่านั้น อ้อ อีกไม่กี่ปีหนูเอมจะเรียนจบมหาลัย ในวันนั้นแกต้องอยู่กินกับหนูเอมเหมือนกันอย่าลืม” “ผมไม่เข้าใจว่ายัยเด็กนั่นมีดีอะไร พ่อถึงต้องยัดเยียดให้ผมอยู่ทุกวัน ผมบอกพ่อหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนกันที่ผมจะพูด คือผมไม่ได้รักเธอ และไม่คิดจะอยู่กินกับเด็กนั่นด้วย ผมรักเจน รักมากด้วย” “แล้วสักวันแกจะไม่มีทางรักผู้หญิงคนนั้นอีก ศรุต อย่าโง่ มองกว้างๆ อย่ามองแค่ด้านเดียว” “ที่พ่อพูดหมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ อะไรที่เกี่ยวกับเจนและผมยังไม่รู้” ชายหนุ่มมองตาบิดาอย่างสงสัย ในการที่พ่อของเขาเอ่ยปากมาขนาดนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ ที่เขาไม่รู้ แต่เขาก็มั่นใจว่าคนรักของเขาไม่ได้มีอะไรโกหกเขา “มองกว้างกว่านี้สิ พ่อบอกแกได้แค่นั้น อะไรที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการ แน่นอนไม่ใช่หัวใจของแกอย่างเดียว” ท่านเกษมเดินผ่านหน้าบุตรชายไป ในตอนนี้ศรุตกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย เขามานึกคำที่พ่อพูด เหมือนช่วงนี้เขาจะไม่ค่อยได้เจอหน้าเจนนิภาเลย มือหนาหยิบเครื่องมือสื่อสารราคาแพงก่อนจะกดเบอร์ของคนรักไป แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้รับสายเขา อีกด้านของบ้านหลังใหญ่ เจนนิภานั่งกอดเข่าแน่น ตามหน้าตาและตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด ใบหน้าหญิงสาวหันมองโทรศัพท์ที่ศรุตโทรเข้ามาหาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่หยิบขึ้นมารับสาย นัยน์ตาของเธอมีน้ำนองไหลออกมาอย่างเจ็บปวด ภาพเหตุการณ์เลวร้ายนั้นมันผุดขึ้นมาในหัวสมองเธออีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจนคิดถึงคุณ ทำไมเราต้องมาเจอกันในตอนนี้ด้วย ทำไมกันคะศรุต ทำไม” เธอรู้จักกับเขาตอนจะเรียนจบ และคุยกับเขามาสักพัก เธอก็ยอมปลงใจคบหา นับตั้งแต่ได้รู้จักกันกับชายหนุ่ม เธอเริ่มจะมีความสุข แต่ทว่ามันคือความสุขแค่เพียงแป๊บเดียว เมื่อตัวเธอเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า เธอไม่มีทางหลุดพ้นจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทาง ถึงอำนาจของท่านเกษมจะมีมากมายแค่ไหน ถ้าเขาไม่ช่วยเธอ เธอก็ไม่มีทางหลุดพ้นกับมัน ใบหน้าหญิงสาวมองข้อมือประดับจี้เพชรรูปหัวใจที่ศรุตมอบให้เธอก่อนที่จะกลับมาประเทศไทยเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วอย่างเศร้าสร้อย เธอรักเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย “ทำไมคุณไม่รับสายผมนะเจน!” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ก่อนจะกดเบอร์โทรหาอีธาน “(ว่าไงเพื่อนรัก มีอะไรให้กระผมรับใช้)” “ช่วยกูสืบอะไรหน่อยสิอีธาน กูสาระมากเรื่องนี้” เขาบอกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงจริงจัง วันต่อมา เช่นเคยเหมือนทุกวันที่เอมกมลแต่งตัวในชุดมหาลัยไปเรียน หญิงสาวยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งสวยขึ้น จนหนุ่มๆ ในมหาลัยต่างจับตามองมาที่เธอเป็นตาเดียว แต่ที่รู้ๆ กันคือไม่เคยมีใครจีบเธอได้เลย หญิงสาวเป็นคนเข้าถึงยากมากๆ คนนึง ในห้องมีเพียงเพื่อนสนิทคนเดียวอย่างมะปราง นอกนั้นเธอก็ไม่ได้คุยอะไรมากมาย “เอมทางนี้ นั่งสิ” มะปรางเรียกเพื่อนสาวให้นั่งโต๊ะที่เธอจองไว้ให้ หญิงสาวยิ้มตอบก่อนจะนั่งลง ในบางครั้งนิสัยที่ไม่ค่อยสนใจใคร ทำให้ผู้หญิงในห้องต่างก็ไม่ค่อยชอบเธออยู่มาก ส่วนมากจะเป็นเพราะเรื่องมาจากผู้ชายมากกว่า การที่ผู้ชายพวกนั้นตามจีบเธอ แต่เธอก็ไม่เล่นด้วย ทำให้ผู้หญิงบางคนไม่พอใจ แต่กระนั้นเอมกมลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร “เอ๊ะ ดูข่าวนี่สิ นักธุรกิจคนนี้หล่อชะมัด” มะปรางเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้เอมกมลดู หญิงสาวมองตามที่เพื่อนให้ดู สีหน้าตกใจจึงเผยออกมา ข่าวรับรางวัลเมื่อไม่กี่วันก่อนของศรุต ทำให้เธอตกใจไม่น้อย เขากลับมาแล้ว คำถามนี้เกิดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว “เป็นอะไรไป เอมรู้จักเหรอ” “ปะ เปล่าจ้ะ ไม่รู้จัก” หญิงสาวรีบปฏิเสธ “เห็นได้ข่าวว่าแฟนของเขาเป็นนางแบบ คงสวยน่าดู คนอะไรทั้งเก่งดูดี แถมรวยอีกต่างหาก ถ้าฉันได้คนแบบนี้เป็นแฟนนะ คงดีมากแน่ๆ ว่าไหมเอม” “ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง อาจารย์มาแล้ว อย่าคุยกันเถอะ” มะปรางยิ้มให้เพื่อนขยันเรียนของตน ก่อนจะสนใจอาจารย์ที่เดินเข้ามา แต่ทว่าคำพูดของอาจารย์หน้าห้องกลับไม่ได้อยู่ในหัวสมองของเธอเลยแม้แต่น้อย ในจิตใจของเธอนึกถึงผู้ชายคนนั้น ถึงไม่ได้เจอกันมาหลายปี เธอก็ยังจำใบหน้าเขาได้ ผู้ชายที่เป็นสามีในนามของตน หลังจากเลิกคลาสหญิงสาวก็รีบเดินออกมาจากห้องอย่างเร่งรีบ ก่อนจะชะงักเมื่อเรียวแขนถูกกระชากเอาไว้ สีหน้าตกใจเผยออกมา ก่อนจะหันมองคนที่จับเธออย่างรวดเร็ว “จะรีบไปไหนเอม?” อนาวินถามหญิงสาวที่เดินอย่างเร่งรีบ จนเขาเกือบตามไม่ทัน “ปล่อยแขนเราได้แล้ววิน” เธอบอกก่อนจะมองมือที่ถูกเขาจับไว้อยู่ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้อนาวินนับได้ว่าเป็นเพื่อนอีกคนที่หญิงสาวรู้จัก เมื่อก่อนเบื่อหน้าเขาอยู่มากที่มักจะมาตามเธอตลอด แต่นานๆ วันเข้าก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด เขาก็เหมือนเพื่อนที่ดีคนนึง ในตอนที่หญิงสาวสูญเสียบิดาไป เพราะคำพูดของเขาทำให้เธอมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา “แหม ปล่อยก็ได้ ว่าแต่จะรีบไปไหน” “กลับบ้านอะ แล้วนี่มีอะไรรึเปล่า” “มีสิ อย่าบอกนะว่าลืม ไหนว่าวันนี้จะกินข้าวเย็นกันไง นี่ลืมแล้วเหรอ น่าน้อยใจชะมัด” หญิงสาวลืมไปสนิทว่าเคยรับปากจะกินข้าวกับเขาหลังจากที่เขาช่วยเหลือเรื่องรายงานในครั้งนั้น “ขอโทษๆ เรามีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย ไปสิ จะไปกินไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ไปไกลนะ เราจะรีบกลับบ้าน” “ครับคุณเอม จะรีบกินรีบกลับ ไปร้านในห้างนะ ไม่ไกลด้วย” “โอเค เราเลี้ยงเอง ถือว่าตอบแทนที่วินช่วยเราในวันนั้น” “กินจุนะ เลี้ยงไหวเหรอ” เขาพูดพร้อมส่งสายตาหวานมาที่หล่อน ถึงการกระทำของคนตรงหน้าจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่พอนานๆ เข้าเธอก็เริ่มชินเสียแล้ว อนาวินไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรจนคบไม่ได้ กลับกันเขาดีกับเธอไม่น้อย “กินพุงแตกเราก็เลี้ยงได้ ไปได้แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปที่รถของตน นักศึกษาที่เห็นว่าเธอขึ้นรถไปกับเขารีบถ่ายรูปไปลงในบอร์ดมหาลัย แน่นอนมีคนชอบก็ย่อมมีคนไม่ชอบเหมือนกัน แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจไอ้บอร์ดมหาลัยพวกนั้น เธอไม่ได้เข้าไปอ่านเลยสักนิด ไม่ถึงสิบนาทีรถเก๋งของอนาวินก็เลี้ยวเข้ามาจอดในโรงจอดรถ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้ามาในห้าง ทั้งคู่เดินหาร้านอาหารที่จะกินในวันนี้ เอมกมลให้ชายหนุ่มเลือก เพราะเธอมาเลี้ยงตอบแทนเขาเท่านั้น ชายหนุ่มเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ชั้นสองของห้างนี้ อาหารไม่กี่อย่างที่อนาวินสั่งมาถูกจัดวางไว้ตรงหน้าอย่างสวยงาม ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งกินด้วยกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครแอบถ่ายรูปพวกเขาอยู่ ติ๊ด ติ๊ด เสียงข้อความดังเข้าเครื่องของศรุตในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งกินอาหารกับคุณหญิงเนตรนภา เขาเปิดดูก่อนจะคิ้วขมวดเข้าหากัน ตอนแรกไม่รู้สึกคุ้นผู้หญิงในรูป จนเลื่อนรูปภาพไปเรื่อยๆ เขาถึงจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วย เสียงหัวเราะในลำคอดังออกมา นี่เขาส่งเสียเลี้ยงดูเธอ แต่เธอกลับไปนั่งกินข้าวสองต่อสองกับผู้ชายอื่นเหรอ เลี้ยงไม่เชื่อง! คำพวกนี้ที่ศรุตคิดออกมาในหัวสมอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งรูปพวกนี้มา แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่า ผู้หญิงที่พ่อเขาอยากยัดเยียดให้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงเด็กใจแตกเท่านั้น แต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่ไปคบหากับใครอีกคน น่าตลกสิ้นดี “มีอะไรรึเปล่าศรุต มองอะไรอยู่” น้ำเสียงหญิงชราเอ่ยปากถามลูกชายที่เห็นนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น “ไม่มีอะไรครับแม่ แค่ดูอะไรไปเรื่อย” “จ้ะ อืม ว่าแต่ศรุตลูกได้ไปเจอน้องบ้างรึเปล่า ตอนนี้คงใกล้จะเรียนจบแล้ว” “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สนใจอะไรเธอ” “พูดแบบนี้ได้ไงลูก แต่งงานกับหนูเอมมาจะสามปีแล้วนะลูก อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คือไม่ได้ติดต่ออะไรน้องเลย” “ครับ ผมไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้น คุณแม่ก็ทราบ ทางนั้นเองก็คงจำผมไม่ได้แล้วมั้งว่าเป็นสามี” “ใครจะลืมสามีของตัวเอง ลูกก็พูดไปได้ งั้นแม่จะให้คนไปรับหนูเอมมาอยู่ที่บ้านเรา ตอนนี้หนูเอมอยู่คนเดียวมันอันตราย ยิ่งตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว แม่เห็นหน้าตอนงานศพคุณมานพ หนูเอมหน้าตาน่ารักมากเลยนะลูก ถ้าลูกเห็นน้องคงชอบพอไม่น้อย” “หึ! ผมคงไม่ได้ชอบหน้าตาแบบนั้นหรอกครับคุณแม่ เด็กแบบนั้นผมไม่ชอบ” “นี่ ห่างแค่ห้าปีเองจ้ะ ลูกก็พูดเกินไป” คุณหญิงเนตรนภาพูดพร้อมขำลูกชายที่ทำหน้าทำตาแบบนั้น หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาในห้องนอนของตน ภายในห้องนอนถูกจัดแต่งโทนสีเข้มตามแบบที่ศรุตชอบ เขาหย่อนก้นนั่งลงปลายเตียง ก่อนจะเปิดดูรูปภาพพวกนั้นอีกครั้ง “หึ! เด็กใจแตกสิไม่ว่า ทำตัวแบบนี้ พ่อนะพ่อ เลือกมาให้ได้ไง” เขาบ่นพร้อมสลัดความคิดนั้นออก ก่อนจะโทรไปหาเจนนิภาอีกครั้ง หญิงสาวก็ไม่รับสายเขาเหมือนเดิม เมื่อเป็นแบบนี้ชายหนุ่มก็อดเป็นห่วงไม่ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD