เกลียดแรกพบ #4

948 Words
พายุรักที่โหมกระหน่ำซ้ำความปวดหนึบที่ช่วงล่างทำเอาหม่อนไหมระบมจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวสะอื้นออกมาเงียบ ๆ ยกผ้าห่มขึ้นกัด เป็นเหมือนแมวพยศตัวโตที่สิ้นฤทธิ์ลงในที่สุด เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะรู้สึกเสียใจหรือเสียศักดิ์ศรี แต่มันเป็นน้ำตาจากความโกรธมากกว่าที่ชายหนุ่มซึ่งนอนกอดเอวเธอเอาไว้หลวม ๆ อย่างสบายใจนั่นไม่คิดจะขอโทษและอธิบายแม้แต่น้อยว่าทำไมเราสองคนถึงได้มาจบกันที่เตียงแบบนี้ แถมที่สะอื้นหนักก็เพราะปวดเอวเท่านั้น เสียท่าให้อีตาบ้านั่นอีกจนได้ โธ่เอ๊ย! “…” บัลลังก์ที่กอดเอวคอดเอาไว้ตั้งใจจะงีบเอาแรงต่ออีกหน่อยหลังจากผ่านศึกรักหนที่สองเป็นอันต้องตกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวของคนที่นอนกอดเอาไว้อยู่ ดูท่าว่าตนจะรังแกจนยัยคุณหนูนิรนามนี่จนร้องห่มร้องไห้ซะแล้ว หรือร้องไห้เพราะเสียความบริสุทธิ์ ไม่หรอก คงคิดจะโก่งราคามากกว่า… “เมื่อไหร่จะตอบคำถามสักที หรือต้องให้ฉันจัดรอบที่สามให้” เขาถามน้ำเสียงติดรำคาญ ปล่อยมือออกจากเอวบางแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนยืนมองคนที่ยังนอนสะอื้นไห้อยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน “รอบที่สามบ้าบออะไรกันล่ะ! ไอ้คนสารเลวเอ๊ย!” หม่อนไหมคว้าเอาหมอนที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงไปยังคนที่ทำหน้าตายอยู่ปลายเตียง “งั้นก็รีบตอบมา เรื่องเงินน่ะเท่าไร” หญิงสาวที่เพิ่งผ่านการร้องไห้หมาด ๆ เงียบลง เม้มริมฝีปากแน่น สูดน้ำมูกเบา ๆ แล้วพลิกตัวลงนอน ไม่ยอมตอบคำถามที่เขาถามซ้ำเป็นรอบที่สิบ “ถ้าไม่มีปากก็ไปอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าตัวเก่าไปก่อน ฉันจะให้คนขับรถไปส่งที่บ้าน” ชายหนุ่มออกคำสั่ง แต่ความพยศของคนที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มกลับมาอีกครั้ง “ไม่ต้องมายุ่ง! ฉันกลับเองได้ กองความหวังดีของคุณเอาไว้ตรงนั้นแหละ!” “…เธอพูดเองนะ" บัลลังก์ถามย้ำ “เออ! ฉันจะกลับเอง คุณจะไปไหนก็ไป!” คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจยาว ๆ ไม่คิดว่าของขวัญจากเพื่อนจะรับมือด้วยได้ยากขนาดนี้ “งั้นฉันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเสร็จแล้วเราค่อยคุยกันเรื่องเงิน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันสักที แค่นี้ก็เกินขีดความอดทนของฉันแล้ว ฉันไม่ชอบผู้หญิงเรื่องมากแบบเธอ" “ฉันก็ไม่ได้ขอให้คุณมาชอบฉันซะหน่อย จะไปไหนก็ไปเลยนะ!” หม่อนไหมฮึดฮัด เอาหมอนอีกใบที่อยู่ใกล้มือขว้างไล่หลังคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอหอบหายใจหนักเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น “เดี๋ยวก่อนสิ… เท่าไรที่อีกคนหมายถึงอาจจะไม่ได้หมายความถึงค่าตัวฉันก็ได้นี่... หรือว่าหมอนั่นจะเป็น… หนุ่มโฮสต์ของที่นี่เหรอ ที่ถามฉันว่าเท่าไรนั่นนี่มาตลอดหมายถึงราคาค่าตัวของตัวเองสินะ ถ้าเป็นแค่พวกนักดื่มเกรดต่ำจริง ๆ คงขโมยของมีค่าฉันไปหมดแล้ว" หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งที่ยังปวดร้าวช่วงเอวไม่หาย “บอกว่าอย่าบีบก็ยังบีบเอวฉันอยู่ได้ อีตาบ้าเอ๊ย!” หม่อนไหมบ่นกระปอดกระแปดพลางหยิบเอาเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างจำใจ “โธ่เอ๊ย! ดันหลงมานอนกับพวกหนุ่มบาร์โฮสต์ซะได้ ให้ตายสิ ต้องจ่ายเงินให้เท่าไรล่ะเนี่ย" หญิงสาวเริ่มกังวล คิดว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นฝ่ายถูกจับเข้าคุกซะเอง ถ้าหากไม่ยอมจ่ายเงินให้กับอีกฝ่าย มือบางเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อดูว่าเงินสดมีเท่าไร แล้วก็ต้องหน้าซีดเพราะเห็นว่ามีอยู่แค่หนึ่งพันบาทเท่านั้น เธอติดนิสัยใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินที่คุณพ่อสุดที่รักให้ไว้จนลืมพกเงินสดไว้ในกรณีฉุกเฉิน แต่การเมาจนเผลอนอนกับหนุ่มโฮสต์แบบนี้มันเป็นกรณีฉุกเฉินที่ไหนกันเล่า! “โอ๊ย ปวดหัว ปวดประสาทชะมัด" หม่อนไหมยกสองมือขึ้นกุมศีรษะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า นาฬิกาเรือนสวยจากแบรนด์บุลการีราคาเหยียบครึ่งล้านที่สวมออกมาเที่ยวกลางคืนนั้นพอจะเป็นทรัพย์สินหนึ่งเดียวที่มีติดตัวในตอนนี้ “เอานี่ไปก่อนแล้วกัน…” ว่าพลางแกะเอานาฬิกาเรือนสวยออกแล้ววางลงบนโต๊ะหัวเตียง ดวงตากลมเหลือบมองหาปากกาเพื่อเขียนโน้ตแต่ก็ไม่พบ จึงใช้ลิปสติกแท่งที่พกติดตัวตลอดเวลามาใช้เขียนแทน โดยเขียนลงบนทิชชูที่ได้มาจากกล่องบนตู้เย็นในห้องพัก [ขายเอาเงินค่าตัวไปแล้วกัน โทษที ไม่คิดว่าคุณจะเป็นหนุ่มโฮสต์] เมื่อเขียนโน้ตไว้เรียบร้อยแล้ว หม่อนไหมก็วางนาฬิกาเรือนใหม่เอี่ยมลงทับแบงก์พันใบเดียวและโน้ตทิ้งเอาไว้ บอกลานาฬิกาแสนรักแล้วรีบเดินหนีอายออกจากห้องไปทันที ในใจก็วิงวอนภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า หลังจากนี้ขออย่าให้ได้พบได้เจอกับหนุ่มโฮสต์หน้าตายคนนี้อีกเลยตลอดชีวิต!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD