หลังจากชำระร่างกายพร้อมทั้งแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว บัลลังก์เดินออกจากห้องน้ำมาพบกับความว่างเปล่าภายในห้อง เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่น แปลกใจที่ไม่เห็นเรือนร่างของหญิงสาวที่ตนคิดว่าคงจะนอนซมเก็บแรงเตรียมแผลงฤทธิ์
“ไปไหนแล้ว…” ริมฝีปากหนาพึมพำเบา ๆ ขณะเดินไปยังเตียงหลังกว้างมองหาว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่นั้นยังอยู่หรือไม่ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกโหวงใจอย่างประหลาดเพราะมันไม่เหลือร่องรอยใดเลยที่แสดงให้เขาเห็นว่าเมื่อครู่นี้มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ร่วมห้องด้วย
“เก็บไปซะเกลี้ยงเลยนะ… สงสัยปริณณ์จะโอนเงินให้แล้ว" ชายหนุ่มถอนหายใจ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาไม่น้อยเหมือนได้กำจัดเรื่องวุ่น ๆ ออกไปจากอกตน เพราะถ้าเจ้าชายน้ำแข็งอย่างเขาต้องพัวพันกับผู้หญิงแสนจู้จี้น่ารำคาญแถมยังปากจัดไม่เบาแบบนั้น คงหัวหมุนอีกแน่นอน
พลันแสงวาววับของอะไรบางอย่างบนโต๊ะข้างเตียงเรียกรั้งให้คนที่กำลังจะออกจากห้องต้องประหลาดใจ บัลลังก์สาวเท้ากลับเข้ามาดูก็พบเข้ากับนาฬิกาเรือนหรูหราที่วางทับกระดาษทิชชูและเงินหนึ่งพันบาทเอาไว้
[ขายเอาเงินค่าตัวไปแล้วกัน โทษที ไม่คิดว่าคุณจะเป็นหนุ่มโฮสต์]
“หนุ่มโฮสต์?” เส้นเลือดที่ขมับของเขาเต้นตุบขึ้นมาทันที “เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย… แล้วเงินแค่พันเดียวนี่มันอะไร นาฬิกา? ของปลอมหรือเปล่า…”
เขาหยิบเอาบุลการีเรือนสวยขึ้นมาพิจารณาดู ความระยิบระยับไร้ที่ติของมันทำให้รู้ว่าของแท้ไม่ผิดแน่ แต่อีกใจก็คิดว่าสมัยนี้ของก็อปยังมีเกรดสูงต่ำ ยัยผู้หญิงเสียงแสบแก้วหูคนนั้นก็อาจจะซื้อของก็อปเกรดแพงมาก็ได้
“…ตีราคาฉันต่ำเกินไปแล้วนะ ยัยตัวแสบเอ๊ย" ชายหนุ่มขบเคี้ยวเคี้ยวฟัน หยิบเอาธนบัตรสีเทาและนาฬิกาเรือนหรูใส่ในกระเป๋าตัวเองอย่างแค้นเคือง แต่ยังไม่ทันที่จะได้แสดงความหงุดหงิดออกมาเพิ่ม เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เบอร์ของคนคุ้นเคยเด่นหราที่หน้าจอ
“ฮัลโหลพายุ มีอะไร” เอ่ยทักทายลูกพี่ลูกน้องด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สองเท้าค่อย ๆ ก้าวเดินออกจากห้องไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
(พี่ไทม์ มาเจอกันที่สำนักงานทนายความหน่อยครับ คุณย่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เดี๋ยวเราเจอกันเสร็จค่อยแยกย้ายกันไปหาคุณย่า)
“…เรื่องสำคัญคืออะไร” พี่ใหญ่ของตระกูลเตชะโภคินทร์เลิกคิ้ว ได้ยินเสียงถอนหายใจฮึดฮัดของปลายสาย
(จะไปรู้เหรอครับ ผมไม่ใช่คุณย่าซะหน่อย พี่ไทม์รีบมาได้แล้ว แค่นี้ครับ)
“เด็กนี่…” บัลลังก์พรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นึกขอบคุณที่ตนเกิดมาเป็นลูกรักพระเจ้า ต่อให้จะเหนื่อยอ่อนเพราะกรำศึกรักมาหนักหลายยกจนแทบไม่ได้นอนแค่ไหน ใบหน้าก็ยังคงดูหล่อเหลา ไม่โทรมเลยแม้แต่น้อย
เขาเดินลงจากชั้นบนของบาร์ไปยังโต๊ะที่จากไปตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ได้พบกับร่างของเพื่อนสนิททั้งสองนอนเกยกันอยู่ ส่วนดินไทยนั่งพิงโซฟาหลับไม่รู้เรื่อง
“ดินไทย…” เพียงแค่เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นคำเดียว คนที่หลับไปเพราะฤทธิ์สุราหลายแก้วเมื่อคืนก็สะดุ้งตื่นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที
“ครับเจ้านาย!”
“…เดี๋ยวฉันจะไปสำนักงานทนายความของพายุ นายหาทางกลับเองแล้วกันนะ ขอกุญแจหน่อย” มือหนาแบออกมาด้านหน้า ลูกน้องที่ถูกลอยแพทิ้งก็ยื่นให้อย่างไม่เกี่ยงงอน “แล้วก็ฝากพาสองคนนั้นไปส่งที่บ้านใครบ้านมันด้วย ปล่อยให้นอนอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็จะโทรมาบ่นฉันว่าใจดำอีก ฝากด้วยนะ"
เมื่อออกคำสั่งลูกน้องคู่ใจเป็นหางว่าวแล้ว บัลลังก์ก็รีบตรงไปยังโรลส์-รอยซ์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถ แล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักงานทนายความตามคำสั่งของคุณหญิงย่าที่ผ่านปากลูกพี่ลูกน้องมาทันที…
…
คฤหาสน์ตระกูลเตชะโภคินทร์
หลังจากพบปะกับพี่น้องที่สำนักงานทนายความของพายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัลลังก์เป็นคนแรกที่เดินทางเข้ามายังคฤหาสน์หลังโอ่อ่าของเศรษฐีนีผู้ที่ถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูทะมัดทะแมง มีเรี่ยวแรงเหมือนสาวรุ่นอยู่เสมอ
คุณหญิงพิสมัย เตชะโภคินทร์ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าต่างในห้องทำงาน ทอดมองความสวยงามของสวนหย่อมขนาดใหญ่และรูปปั้นน้ำพุเทพกรีกอย่างเพลิดเพลินใจ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสามครั้ง
“เข้ามา ๆ" น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงเอาไว้ด้วยอำนาจที่ล้นออกมาทางคำพูดเอ่ยอนุญาตให้คนที่อยู่หลังบานประตูรับทราบ บัลลังก์เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสมฐานะหลานชายคนโตที่คุณหญิงย่ารักเหมือนสมบัติล้ำค่า
“สวัสดีครับคุณหญิงย่า" ร่างสูงโปร่งยกสองมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะจ้ะตาไทม์หลานย่า… มาเร็วกว่าเวลานัดด้วยนี่นา เจ้าพายุกำชับไปเหรอว่าให้มาตรงเวลาน่ะ" คุณหญิงพิสมัยเอ่ยเสียงเนิบ ๆ แต่ไม่ยานคางจนน่ารำคาญ มือเหี่ยวย่นผายไปทางโซฟาเพื่อให้หลานชายไปนั่งพัก “มา ๆ นั่งก่อนหลานย่า ย่าคิดถึงตาไทม์ของย่าที่สุดเลยจ้ะ"
บัลลังก์เดินเข้ามาประคองหญิงชราให้เดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกัน คุณหญิงพิสมัยแย้มรอยยิ้มกับการประพฤติตัวดีของหลานชายที่ตนฟูมฟักมาตั้งแต่ยังน้อย
“ขอบใจที่กรุณาคนแก่อย่างย่านะจ๊ะ"
“คุณหญิงย่าไม่แก่เลยครับ ยังเป็นสาวสองพันปีคนสวยของไทม์เหมือนเดิมเลย" บัลลังก์ยิ้มแย้ม “สุขภาพร่างกายช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ ไทม์ยุ่งกับงานที่บริษัทมาก กว่าจะมีเวลามาเยี่ยมคุณย่าทีหนึ่งก็หลายเดือน เป็นหลานที่ใช้ไม่ได้แบบนี้ คุณหญิงย่าต้องตีนะครับ"
คุณหญิงพิสมัยหัวเราะร่วนเมื่อเห็นภาพซ้อนหลานชายเป็นเหมือนกับลูกชายตนอย่างภูริศ เตชะโภคินทร์ราวกับถอดแบบความขี้เล่นเหมือนกันไม่มีตำหนิผิดเพี้ยน จะต่างหน่อยตรงที่บัลลังก์นั้นได้ความนิ่งสงบในบางมุมจากมาลัย ลูกสะใภ้แสนรักมาด้วย
“ย่าจะไปตีหลานรักของย่าลงได้ยังไงล่ะตาไทม์… สุขภาพย่าก็เหมือนเดิม มีเจ็บออด ๆ แอด ๆ ตามข้อบ้าง แต่ก็ตามประสาคนแก่นั่นละ หมอประจำตระกูลเราก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ไม่ต้องเป็นห่วงย่าหรอก ย่ารู้ว่าไทม์หลานย่างานเยอะ" คุณหญิงพิสมัยวางมือลงบนศีรษะของหลานชายแล้วลูบเบา ๆ
“ขอบคุณครับคุณหญิงย่า แต่ยังไงไทม์ก็อยากหาเวลามานั่งคุยเล่นกับคุณย่า ฝากท้องกับคุณหญิงย่าสักมื้อให้ถี่ขึ้นกว่าเดิมนะครับ"
“เอาที่หลานสะดวกเถอะ… จริงสิ วันนี้ที่ย่าเรียกเรามาก็เพราะมีเรื่องสำคัญที่ย่าคิดมาสักพักแล้วว่าอยากบอก" หญิงชราเกริ่นแล้วไอเบา ๆ บัลลังก์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้พร้อมกับตั้งใจฟังเป็นอย่างดี “ย่าเอง ถึงภายนอกจะดูแข็งแรงแบบนี้ แต่สักวันหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นความชรา… เดี๋ยวก็ป่วยหนักขึ้นเรื่อย ๆ สังขารมันไม่จีรังหรอกนะไทม์หลานย่า"
“คุณหญิงย่า ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้สิครับ" ชายหนุ่มจับมือเหี่ยวย่นทั้งสองข้างขึ้นมาแนบบนแก้มเหมือนเป็นเด็ก ๆ “คุณหญิงย่าต้องอยู่กับไทม์ไปอีกนาน ๆ เลย ไทม์จะดูแลคุณหญิงย่าเองครับ"
“ย่าฝืนความเป็นไปของอายุไม่ได้หรอกนะหลาน… เพราะงั้นย่าถึงมีสิ่งหนึ่งที่อยากขอไทม์" พิสมัยแย้มรอยยิ้มหวานหยด ทำเอาบัลลังก์นึกถึงภาพคุณหญิงย่าสมัยยังสาวที่สวยเทียบเท่ากับดารานางแบบในยุคสมัยนั้นเลยทีเดียว
เป็นรอยยิ้มแสนสวยงามที่เขาอยากเก็บรักษาเอาไว้ในความทรงจำตลอดกาล
“คุณหญิงย่าอยากขออะไรไทม์ครับ ไทม์พร้อมจะทำให้คุณหญิงย่าทุกอย่างเลยครับ" เขาตอบเสียงหนักแน่น มอบรอยยิ้มตอบกลับไปให้ เป็นรอยยิ้มจากเจ้าชายน้ำแข็งที่น้อยคนนักจะได้เห็นสักครั้ง
“ย่าอยากอุ้มเหลน"
บัลลังก์นิ่งเงียบ อ้าปากค้าง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำร้องขอเหนือความคาดหมายจากคุณย่าผู้เป็นที่รักของตน
“คุณหญิงย่า… หมายความว่ายังไงครับ"
“ย่าอยากให้หลาน ๆ ของย่าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วก็มีเหลนตัวน้อย ๆ ให้ย่าได้อุ้ม ก่อนที่ย่าจะอายุมากไปกว่านี้… ไทม์พอจะทำให้ย่าได้ไหม" พิสมัยใช้สายตาที่เริ่มฝ้าฟางเล็กน้อยมองหลานรักด้วยความคาดหวัง
“อ่า… คุณย่าครับ คือว่า…”
“เก็บไปคิดก่อนก็ได้นะไทม์หลานย่า”
บัลลังก์รู้สึกเหมือนคนคลำหาเสียงของตนไม่เจอ ความเครียดเริ่มเกาะกุมศีรษะทีละน้อย
แต่งงาน… มีเหลน…
คนอย่างเขาเนี่ยนะ…