ฟ้าครึ้มได้ไม่นาน ฝนก็เทลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้เดือนอ้ายที่เพิ่งออกมาจากบริษัทที่มาสัมภาษณ์งาน จำเป็นต้องวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟใกล้กับป้ายรถเมล์
ภายในร้านมีลูกค้านั่งอยู่สองคน คนหนึ่งนั่งที่โต๊ะบาร์ติดกระจก อีกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้าง คนนี้เป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยเลยทีเดียว
เดือนอ้ายผ่อนลมหายใจยาวขณะก้าวตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ หญิงสาวคะเนดูแล้วคิดว่าฝนคงจะตกหนักไปอีกสักพักใหญ่และรถก็คงจะติดยาวเป็นแพ จึงตัดสินใจสั่งโกโก้ร้อนมาหนึ่งแก้ว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะบาร์ริมกระจก หันหน้าออกไปด้านนอก มองรถราที่แออัดพยายามฝ่าสายฝนที่โปรยลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่หญิงสาวกำลังละเลียดโกโก้อยู่นั้น เสียงกระดิ่งจากประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวานๆ ของสาวสวยที่ร้องเรียกใครบางคนจนเดือนอ้ายต้องหันไปมองตามอย่างอดไม่ได้
“ทางนี้ค่ะพริก”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘พริก’ ก้าวตรงไปหาสาวสวยคนนั้น เขาส่งยิ้มบาดตาให้เจ้าหล่อนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มคนนั้นจัดว่าดีมาก ส่วนสูงน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ส่วนสูงกับน้ำหนักสัมพันธ์กัน การแต่งตัวอาจดูเหมือนหนุ่มออฟฟิศทั่วไป แต่กลับดูภูมิฐานกว่าและคล่องแคล่วในเวลาเดียวกัน ถือเป็นผู้ชายที่น่าสนใจอย่างยิ่งเลยทีเดียว แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องหันกลับมายังแก้วโกโก้ของตน เมื่อรู้สึกตัวว่ามองเขานานเกินไปแล้ว อาจทำให้สาวสวยคนนั้นเกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้แอบฟังบทสนทนาของเขากับสาวผู้นั้นได้อยู่ดี
“พรุ่งนี้พริกว่างไหมคะ”
น้ำเสียงของสาวสวยดังขึ้นเล็กน้อยค่อนไปทางเบา แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่กำลังให้ความสนใจพวกเขาทั้งสองคนอย่างจริงจังเลยสักนิด
หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกแปลกใจตัวเองที่กลายเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นไปเสียแล้ว
“อืม ก็พอว่างอยู่ แต่ช่วงเย็นนะ” เจ้าของเสียงทุ้มตอบกลับ
“งั้นดีเลยค่ะ ด้าอยากชวนพริกไปงานวันเกิดของน้องสาว พริกไปนะคะ”
“ตกลงครับ”
เสียงของฝ่ายชายตอบรับ สาวสวยคนนั้นก็ส่งเสียงหวานเจื้อยแจ้วฟังดูดีใจอย่างยิ่ง
ปิ๊นๆ เสียงแตรรถด้านนอกเรียกความสนใจของเดือนอ้าย พอดีกับฝนที่ตกเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเริ่มซาลง และรถแท็กซี่ก็มาจอดรอรับผู้โดยสาร หญิงสาวจึงผุดลุกแล้วรีบออกจากร้าน
“อุ๊ย!”
เจ้าของร่างบอบบางร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ร่างของหล่อนก็ถูกชนเข้าอย่างจังจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็ต้องชะงักกึก
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ผู้ชายคนนั้นหลุบตามองหล่อนราวสำรวจ ทั้งสีหน้า แววตาและน้ำเสียง รวมทั้งกลิ่นหอมแบบผู้ชายที่กระจายออกมาทำให้เดือนอ้ายตกตะลึงจนลืมความตกใจไปชั่วขณะ
เวลาเดียวกันสาวสวยคนนั้นมองหญิงสาวด้วยสายตาวาววับ ก่อนส่งเสียงขัดขึ้น
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณ”
เดือนอ้ายกะพริบตาปริบๆ รู้สึกตัวเพราะเสียงหวานแหลมของสาวสวยคนนั้น
“เอ่อ มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวอุบอิบตอบ ขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อย พลางหลุบตามองฝ่ามืออุ่นและเรียวสวยอย่างคนที่ไม่เคยหยิบจับงานหนักของหนุ่มรูปหล่อที่ผละออกไปอย่างแสนเสียดาย
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วเราสองคนขอตัวนะคะ” พูดจบสาวสวยคนเดิมก็กอดแขนที่ดูแข็งแรงกำยำของชายคนเดิมราวจะประกาศสถานะ ทั้งยังส่งยิ้มเชือดเฉือนตรงมายังหล่อนแว็บหนึ่ง
“ไปค่ะพริก ฝนหยุดตกแล้ว”
ผู้ชายคนนั้นหันมองหล่อนอีกครั้ง เขาโน้มศีรษะให้พร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยแต่กลับกระตุกหัวใจคนมองให้ปลิวตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้เลยทีเดียว
เมื่อคนทั้งคู่เดินออกไป หญิงสาวก็ยกมือขึ้นกุมที่ตั้งของหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนน่ากลัว พลางคิดไปว่าแก้มหล่อนก็คงแดงจัดเช่นกัน เพราะเกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า
เกิดมาเดือนอ้ายไม่เคยเขินอายต่อใครได้เท่านี้มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่หล่อนก็ยังรู้สึกใจเต้นแรงทันทีที่ได้สบตากันตรงๆ แบบนี้
หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ เดือนอ้ายเริ่มจะเลือนๆ เรื่องของผู้ชายคนนั้นลงไปบ้าง เพราะมีเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่า นั่นคือหล่อนได้งานทำอย่างแน่นอนหลังจากเรียนจบ
วันแรกของการทำงาน หญิงสาวหยุดยืนที่หน้าบอร์ดผู้บริหารพร้อมเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ จึงได้พบว่าผู้ชายที่เคยทำให้หล่อนใจลอยตามเขาไปด้วยในวันนั้นคือท่านรองประธานกรรมการใหญ่ของบริษัทที่หล่อนเพิ่งก้าวเข้ามาเป็นลูกจ้างอยู่ในเวลานี้
พาทิศ รัตนบัญชา เขาคือว่าที่ท่านประธานในอนาคต ส่วนหล่อนคือผู้ช่วยเลขาฯ คนใหม่ของเขานั่นเอง
นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ!!
สิ่งที่รับรู้ทำให้หญิงสาวแก้มแดง หัวใจฟูฟ่องพองโต แต่ในขณะเดียวกันก็เหี่ยวแฟบราวกับลูกโป่งถูกเจาะลงทันทีเมื่อตระหนักถึงความแตกต่าง
ฐานะห่างไกลกันปานนั้น เขาคงเป็นได้แค่ฝันเสี้ยวหนึ่งในวัยสาวของหล่อน เพราะฝ่ายหนึ่งอยู่สูงเกินเอื้อม อีกฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของใครคนนั้น
หลังจากรายงานตัวเรียบร้อย เดือนอ้ายจึงถูกพามาส่งที่ห้องทำงาน หญิงสาวทำความรู้จักกับเลขาฯ มือหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มงานแรก โต๊ะทำงานของหล่อนตั้งชิดกับโต๊ะทำงานของมาลินี รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับอีกฝ่ายซึ่งเป็นเลขาฯ ผู้ทรงประสิทธิภาพ อายุสามสิบปลายแต่เก่งและใจดีมาก บนโต๊ะของมาลินีมีกรอบรูปภาพสามคนพ่อแม่ลูกตั้งเอาไว้ ประกาศชัดว่าอีกฝ่ายแต่งงานและมีลูกที่อยู่ในวัยกำลังน่ารักน่าชัง
“นี่คือเอกสารที่น้องอ้ายต้องเรียนรู้นะจ๊ะ พยายามจำรูปร่างหน้าตาจำชื่อเสียงเรียงนามให้ได้ รวมทั้งตำแหน่งของทุกคน เพราะพวกเขาคือผู้บริหารของบริษัทเรา จะได้ไม่พลาดเวลาบอสถาม” มาลินีหมายถึงพาทิศ หรือคุณพริก เจ้านายโดยตรงของพวกตน
“ส่วนอันนี้ คือเอกสารเกี่ยวกับคู่ค้าที่สำคัญนะจ๊ะ น้องอ้ายต้องจำให้ได้เหมือนกัน นี่จ้ะ เอาไป มีอะไรไม่เข้าใจถามพี่ได้เลยนะ”
มาลินียิ้มหวานให้สาวสวยรุ่นน้อง ทำให้เดือนอ้ายยิ้มตอบด้วยความรู้สึกยินดี เพราะการมีรุ่นพี่ในที่ทำงานที่เป็นมิตรและใจดีอย่างมาลินี ก็เหมือนกับถูกหวยเลยทีเดียว
“ขอบคุณพี่มามากนะคะ อ้ายจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”
มาลินียิ้มสดใส รูปร่างและหน้าตาหากไม่บอกคงไม่รู้ว่ากำลังจะขึ้นหลักสี่อยู่รอมร่อ...