EPISODE 4

976 Words
"แม่จะให้ผมใจเย็นยังไงไหว แม่ไม่รู้เหรอว่าไอ้กรณ์กับอีผู้หญิงคนนี้มันทำอะไรกันลับหลังผม แม่ไม่รู้เหรอ" ผมถามแม่เสียงดังลั่น "รู้ลูกรู้" "รูัแล้วทำไมไม่ไล่มันออกไป จะให้อยู่บ้านเราอีกทำไม หรือแม่ไม่กล้าไล่ ผมจะได้ไปไล่เธอเอง" "แม่ทำแบบนั้นไม่ได้ลูก" "ทำไม" ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินไปกระชากลากถูผู้หญิงคนนั้นให้ออกจากบ้านของผมไป.... "กฤษคะ มิวเจ็บ" "ไอ้กฤษ ปล่อยมิวนะโว้ย กูบอกให้ปล่อย" ไอ้กรณ์เดินเข้ามาหาก่อนจะกระชากแขนมิวออกจากการจับกุมของผม "ออกไป ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ออกไป" ผมตะโกนใส่หน้าเธอ "หนูมิวไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ" เสียงทรงพลังของพ่อพูดแทรกขึ้น ผมเหวี่ยงสายตาไปมองท่านอย่างไม่พอใจ ซึ่งท่านก็มองหน้าผมอยู่ด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา ที่ทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน "หนูมิวท้อง ท้องกับน้องของแก" หน้าผมชาไปชั่วขณะ ขอบตาร้อนผ่าว ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมาต่อหน้าคนพวกนี้ "ไหนบอกไม่เคยมีอะไรกันไง" ผมถามเธอ "มิวขอโทษ" เธอพูดก่อนจะร้องไห้ออกมา "กฤษลูกจะไปไหน กฤษกลับมาก่อนลูกกลับมาก่อน กฤษ" เสียงของแม่ที่ตะโกนตามหลังมา ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกผมสักนิด ผมเดินมาขึ้นรถ ก่อนจะขับออกมา ทั้งๆ ที่เพิ่งจะกลับมาถึงบ้านแท้ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะออกมาเพราะผมไม่อาจทนดูภาพบาดตา กลัวว่าจะเผลอพลั้งมือฆ่ามันสองตัวให้ตาย.... ผมไม่รู้ว่าเธอมันเลวหรือผมมันโง่เองกันแน่ ที่ให้เธอกับน้องชายหลอกมาได้ตั้งนมนาน.... แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วครับ เรื่องที่ผมเล่ามาทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว เป็นอดีตที่ผมรู้สึกว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน บาดแผลและความทรมานที่ผมเผชิญมันไม่เคยตายไปจากใจผมเลย หลังจากเหตุการณ์นี้ไป จากที่ผมอยู่บ้านผมก็ย้ายมาอยู่บ้านเช่า จากที่เป็นคนร่าเริงยิ้มเก่ง ผมก็นิ่งขรึม จากที่เคยพูดมาก ผมก็ไม่ค่อยพูด ผมยังคงทำงานเป็นหมอที่โรงพยาบาล แต่ผมเลือกที่จะตัดขาดกับคนที่บ้านทุกคน ไม่พูด ไม่คุย และผมก็ไม่เคยกลับไปบ้านหลังนั้นตั้งแต่วันนั้นเลย แกร่ก เสียงประตูห้องตรวจของผมถูกผลักเข้ามาจากคนด้านนอก ผมที่กำลังยืนอ่านเอกสารอยู่ก็หันไปมองคนมาเยือนใหม่ คน คนนั้นไม่ใช้ใครที่ไหนเธอคือมารดาของผมเอง ผมหันไปมอง ก่อนจะหันมาอ่านเอกสารในมือต่ออย่างไม่สนใจ "วันนี้วันเกิดแม่ กฤษไปทานข้าวกับแม่ที่บ้านได้ไหมลูก" ประโยคของแม่มันเป็นประโยคบอกเล่า และประโยคร้องขอในคราเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะนิ่งเฉย "กฤษ" "ผมไม่ว่างครับ มีเคสด่วนที่ต้องผ่าตัด" ผมบอกผู้เป็นแม่ก่อนจะปิดเอกสารที่ผมอ่านอยู่ แล้วจัดเก็บมันไว้ให้เข้าที่ "กฤษ" แม่เอ่ยเรียกชื่อผมเสียงแผ่วเบา "ขอตัวนะครับ" ผมบอกก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้นไม่สนใจแม่ที่ยืนร้องไห้อยู่สักนิด ผมไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ ไม่ได้อยากจะนิ่งเฉยต่อมารดาตัวเอง ต่อผู้ที่ให้กำเนิดผมมา แต่ที่ผมนิ่งเฉยต่อท่านเพราะผมโกรธ โกรธที่ท่านรู้เรื่องของอดีตคนรักของผมกับน้องชายมาตลอดแต่ท่านก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ เมินเฉย ไม่บอก ไม่กล่าวปล่อยให้ผมเป็นคนโง่ "เตรียมเครื่องมือให้พร้อม" ผมบอกกับพยาบาลในห้องผ่าตัด ก่อนจะใส่ถุงมือ เดินมายังเตียงที่มีคนไข้นอนรอ พร้อมผ่าตัดอยู่ "เรียบร้อบค่ะหมอ" "ฉีดยาสลบเลย" ผมบอกพยาบาล "ขอมีดครับ" "ขอที่หนีบครับ" "ขอกรรไกรครับ" "ขอผ้าก๊อตครับ" "ขอเข็มครับ" "เฮ้อ" ผมถอนหายใจออกมา เมื่อการผ่าตัดแปดชั่วโมงสิ้นสุดลง ผมถอดถุงมือทิ้งลงในถังขยะ ก่อนจะล้างมือแล้วเดินกลับห้องทำงานของผมมา ผมทิ้งตัวนั่งบนโซฟาพลางหลับตานิ่ง เวลาแปดชั่วโมงที่ผมใช้ไปกับการผ่าตัด มันทำให้ร่างกายผมล้ามาก พรึบ ผมลืมตาตื่น เมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนนั่งลงบนตักผม ที่แท้ก็เป็นพยาบาลสาวสวย รูปร่างอวบอั๋น คู่ขาของผมเอง "เหนื่อยมากไหมคะ กฤษ" เธอถามพลางยกแขนโอบรอบคอของผม "อืม" ผมตอบรับในลำคอเบาๆ "เหนื่อยแบบนี้ให้ฟ้านวดให้ไหมคะ" เธอว่าก่อนจะซุกหน้ามาซุกไซ้ซอกคอของผม "ผมเหนื่อย" "อยู่เฉยๆ ไงคะฟ้าจัดการเอง" ว่าจบเธอก็ลุกขึ้นจากตอนแรกที่เธอนั่งอยู่บนตักผม ตอนนี้เธอได้นั่งลงคุกเข่าอยู่ที่พื้นห้องเรียบร้อย เธอค่อยๆ เอื้อมมือมาถอดเข็มขัดกางเกงผม ก่อนจะค่อยๆ รูดซิบกางเกงลงแล้วควักแก่นกายของผมออกมา ส่งเข้าปากของเธอไป เมื่อก่อนผมเลิกเลวเพียงเพราะไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้น คนที่ผมเคยรักเสียใจ แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยนช์อะไรที่ผมต้องเป็นคนดี......
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD