ตอนที่ 3... ลงพื้นที่

4494 Words
เมื่อเดินทางมาถึงที่ดินขนาดเกือบหนึ่งไร่ ซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับก่อสร้างบ้านแล้ว ภูมิภัทรก็แนะนำพนักงานในบริษัทให้ทุกคนได้รู้จักและสร้างความคุ้นเคย “คุณน้าครับ น้องลินครับ คุณปรางครับ ผมขออนุญาตแนะนำทีมงานฝ่ายก่อสร้างของผมก่อนนะครับ นี่คุณกวินครับ เป็นวิศวกรฝีมือดีประจำบริษัทของเรา คุณกวินหรือคุณวิน จะเป็นคนควบคุมการก่อสร้างบ้าน และด้านนี้คือทีมงานของคุณวินอีกทีนะครับ” “ในระดับปริญญาตรี คุณวินเรียนจบวิศวกรรมโยธา และจบปริญญาโทด้านการจัดการโครงสร้างก่อสร้าง มีใบรับรองการประกอบวิชาชีพ สบายใจเรื่องโครงสร้างบ้านได้เลย เพราะมั่นคงแน่นอนครับ ส่วนเรื่องระบบน้ำ ระบบไฟและส่วนอื่นๆ ผมมีบุคลากรมืออาชีพรอทำงานอยู่แล้ว บริษัทของเราไม่ใช้คนงานชุดเดียวในการสร้างบ้านทั้งหลังนะครับ งานก่ออิฐ เราก็ใช้ทีมงานที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ งานหลังคาก็ใช้ทีมงานอีกทีม ทำงานหมุนเวียนกันไปตามความถนัด แต่คนงานทุกคน บริษัทผมดูแลโดยตรง ไม่ได้ไปจ้างคนจากที่อื่นมาอีกที เพราะฉะนั้นหมดกังวลได้เลยครับ จะไม่มีการทิ้งงานและหากเกิดปัญหาใดๆ ก็สามารถติดตามย้อนหลังได้ครับ” ภูมิภัทรพูดด้วยความคล่องแคล่วและน่าเชื่อถือ ทำเอาคนฟังอย่างศรัญญานั้นชื่นชมอยู่ในใจ “เชิญคุณวินครับ” เขาส่งไม้ต่อให้กวินได้พูดบ้าง “สวัสดีครับ ผมกวินครับ” วิศวกรหนุ่มผู้มีผิวสีแทนจากการทำงานกลางแจ้งมากกว่างานในสำนักงาน ยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ งานนี้เขาไม่อยากทำสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเป็นงานที่เจ้าของบริษัทสั่งมาโดยตรง ใจจริงเขายังอยากอยู่ดูแลงานก่อสร้างโรงแรมที่เชียงใหม่ให้เสร็จ เพราะชอบบรรยากาศสงบๆ และล้อมรอบไปด้วยขุนเขาของไซต์งาน และนี่เป็นงานที่กดดันกว่างานอื่นอยู่มาก เพราะนายจ้างใหม่เป็นถึงดาราชื่อดัง ที่เขาเพิ่งเข้าไปสอดส่องอินสตาแกรม แอปพลิเคชันที่ใช้ลงรูปถ่ายต่างๆ ของเธอเมื่อสิบนาทีที่แล้ว หลังจากคนงานในทีมต่างพูดถึงว่าเธอน่ะสวยและรวยมาก และก็คงจะจริงอย่างที่คนเหล่านั้นว่า ยอดผู้ติดตามถึงสี่ล้านคน และยอดไลก์ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนไลก์ในแต่ละรูป บวกกับการทำงานที่ต้องมีช่างแต่งหน้าและทำผมตามติดไปด้วยทุกที่นั้นยืนยันได้อย่างชัดเจน ว่าถ้าหากเขาทำอะไรผิดพลาดไปแม้แต่เล็กน้อย ชื่อเสียงอันดีของบริษัทอาจจะต้องย่อยยับเป็นแน่ “สวัสดีจ้ะ” ศรัญญาตอบห้วนๆ หลังจากประเมินวิศวกรหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเผ้าตัดทรงสั้น แต่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ เสื้อยืดสีขาวซึ่งดูหมองไปสักหน่อย ถูกคลุมด้วยแจ็กเก็ตยีนส์ที่มีรอยเปื้อนดิน กางเกงยีนส์มีรอยขาด ไม่แน่ใจว่าเป็นแฟชั่นหรือขาดการดูแลรักษา รองเท้าผ้าใบที่แม้จะเป็นสีดำแต่ก็ยังมองเห็นความสกปรกนั้นทำให้ข้อมูลด้านการศึกษาที่ภูมิภัทรกล่าวมา ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ไหนจะสายตาที่มองลูกสาวของเธอตาไม่กะพริบ ยิ่งตอกย้ำว่าตัวเองไม่ถูกชะตากับวิศวกรคนนี้เอาซะเลย และเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภัทรที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เพิ่งจะเข้าใจคำเปรียบเทียบที่ว่าไฮโซกับโลโซมันเป็นยังไงก็วันนี้แหละ ตัวกวินเองก็รู้สึกได้ถึงสายตาของศรัญญาที่มองมาอย่างค่อน ข้าง... รังเกียจ เพราะเขาเผลอมองลูกสาวของเธอนานเกินไป แต่ในใจก็ไม่ได้คิดอะไรในแง่ลบกับดาราคนนี้ แค่แปลกใจเฉยๆ ว่าทำไมเธอแต่งตัวทะมัดทะแมงคล้ายๆ กับเขา เพียงแต่ดูสะอาดตากว่า ไม่เหมือนรูปในโซเชียลมีเดียที่มักจะอยู่ในชุดกระโปรงดูหรูหราและราคาแพง “สวัสดีค่ะคุณวิน ฝากด้วยนะคะ” “ครับ” กวินตอบกลับสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรให้มันยาวไปกว่านี้จริงๆ “นี่คุณปรางค่ะ เป็นสถาปนิกที่ออกแบบบ้าน คุณวินกับคุณปรางน่าจะได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ” ลลิสาบอกด้วยรอยยิ้ม สำหรับเธอ เขาจะแต่งตัวยังไงนั้นไม่สำคัญ คนเป็นวิศวกรก็ต้องมีไลฟ์สไตล์แบบนี้อยู่แล้ว แค่การศึกษาและผลงานของเขาเท่านั้นที่เธอใส่ใจ และมันก็เห็นชัดแล้วว่า เขามีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะสร้างบ้านในฝันให้เธอกับแม่ได้ “ถ้ารู้จักกันแล้ว เราเดินดูสถานที่กันต่อเลยนะครับ” ภูมิภัทร ศรัญญาและลลิสาเดินตามปรางสิตากับกวินและทีมงานฝ่ายก่อสร้างอีกสามคนอยู่ห่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้พูดคุยกันอย่างสะดวกและสบายใจ “ร้อนไหมครับ” เขาหันไปถามลลิสา ที่แม้จะมีเหงื่อออกตามไรผมแต่ก็ยังคงปฏิเสธ “ไม่ร้อนค่ะ แต่วันหลังเอาร่มมาด้วยดีกว่า” “ครับ” ภูมิภัทรดีใจที่เธอไม่ถามคำตอบคำ พร้อมกับเดินไปยืนบังแดดให้ โดยที่มีศรัญญานั้นคอยแอบมองทั้งสองอย่างพอใจ รู้จักใส่ใจในเรื่องเล็กๆ แบบนี้แหละดี วันนี้ลูกสาวอาจจะยังไม่เห็น แต่เมื่อไหร่ที่ความใส่ใจถูกสะสมมากพอ วันนั้นลลิสาก็จะเห็นว่าผู้ชายคนนี้ ให้ความสำคัญกับเธอมากเพียงใด “ได้ข้อสรุปว่ายังไงบ้างครับคุณวิน” ภูมิภัทรเห็นว่ากวินกับทีมงาน คุยกับปรางสิตาเสร็จเรียบร้อย จึงเดินไปถามเพื่อฟังข้อสรุป “จากแบบแปลนบ้านของคุณ...” “ลินค่ะ” ลลิสาบอกชื่อของตัวเองให้กวินได้ยิน หลังจากเห็นเขามองมาที่เธอแต่ไม่เอ่ยชื่อเธอสักที “ครับ” กวินบอกตัวเองว่าจะจำชื่อเธอให้ได้โดยเร็วที่สุด แม้ว่าปกติเขาจะจำชื่อนายจ้างได้ทุกคน แต่งานนี้ค่อนข้างเป็นงานด่วน เขาจึงไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก ไม่มากขนาดไหนเหรอ ก็แค่เมื่อเช้าเพิ่งมาถึงกรุงเทพ และไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้มาก่อนเลย “จากแบบแปลนบ้านของคุณลิน ไม่ต้องปรับแก้อะไรครับ สถาปนิกออกแบบมาได้ดีมาก มีการเข้ามาดูหน้างานแล้ว ทำให้ไม่ส่งผลต่อการก่อสร้างจริงครับ” “แปลว่าสามารถลงมือสร้างได้เลยใช่ไหมคะ” ลลิสายิ้มและหันไปมองผู้เป็นแม่ด้วยความดีใจ “ยังครับ เมื่อกี้ผมพูดถึงแบบแปลนของบ้าน แต่โดยรวมผมแนะนำว่าให้ทำรั้วเพิ่มด้วย” “ทำไมต้องทำรั้วด้วยล่ะ บ้านข้างๆ เขาก็ทำรั้วล้อมไว้หมดแล้ว” ศรัญญาถามด้วยความสงสัยและติดจะไม่เห็นด้วยอยู่หน่อยๆ “เพราะตอนนี้บ้านของคุณน้าถมดินสูงกว่าบ้านข้างๆ และเป็นการถมไว้ชิดติดกับกำแพงบ้านคนอื่นโดยที่ไม่มีช่องวางเลย แรงดันของดินกับน้ำจะทำให้ดินไหลไปตามแรงโน้มถ่วงคือไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ สุดท้ายมันจะดันกำแพงของเพื่อนบ้านจนเอียงและพังลงไปครับ” “มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ พูดเหมือนกำแพงบ้านเขาทำจากไม้อัดงั้นแหละ” “แม่” ลลิสาหันไปมองแม่ด้วยสายตาขอร้องว่าให้ใจเย็นๆ ที่วิศวกรพูดไปก็มีเหตุผล “พูดต่อเลยค่ะคุณวิน” “ครับ... ถ้าเจ้าของบ้านไม่สะดวกจะทำรั้วเป็นของตัวเองก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่แนะนำเพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมา” “แล้วถ้าเราทำรั้วของตัวเอง มันมีข้อดีหรือข้อเสียยังไงบ้างคะ” “ข้อดีคือเราจะเพิ่มเติมเรื่องการทำรีเทนนิง วอลล์ให้ครับ ส่วนข้อเสียมีข้อเดียว คือเสียเงินครับ” “แล้วรีเทนนิ่ง วอลล์ คืออะไรเหรอคะ?” ลลิสาไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนในชีวิต “คือกำแพงที่ใช้ต้านทานแรงดันทางด้านข้างของดินครับ สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือเราจะทำการศึกษาสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อยู่รอบบ้านของคุณว่ามีปัญหาอะไรบ้าง จากนั้นเราจะสร้างกำแพงเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และกำแพงพวกนั้นก็จะเป็นกำแพงที่เหมาะสมกับปริมาณดินทั้งหมดของที่ดิน รวมถึงตัวบ้านของคุณด้วยครับ” “อ๋อ” ลลิสากะพริบตาปริบๆ ที่เขาบอกว่าเข้าใจง่ายๆ เธอรู้สึกว่ามันไม่ง่าย แต่รู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่ดีมาก ที่ทำให้เธอตัดสินใจสร้างกำแพง “ที่คุณวินพูดก็มีเหตุผลนะครับ ผมเคยได้ยินการฟ้องร้องเรื่องถมที่ดินแล้วทำรั้วบ้านข้างๆ พังมาหลายเรื่องแล้วครับ” ภูมิภัทรเห็นด้วยกับวิศวกรของเขา เขาไม่อยากให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำให้บริษัทเกิดปัญหาในภายหลัง “ผมขอแนะนำให้ถมดินเพิ่มด้วยนะครับ” “แบบนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักเลยใช่ไหมคะ เพราะต้องรอให้ดินอัดตัวกันแน่นก่อน” “คงไม่นานมากครับ ช่วงนี้ยังอยู่ในหน้าฝน น้ำฝนจะช่วยทำให้ดินยุบตัว และถ้าเอารถบดมาช่วยบด ก็จะทำให้ดินเกาะตัวกันเร็วขึ้น” “แค่นี้ก็สูงแล้วนะลิน เราถมที่หมดไปหลายแสนแล้วนะ” ศรัญญาไม่เห็นด้วย จะถมอะไรกันนักหนา ที่ตรงนี้ก็สูงกว่าบ้านคนอื่นพอสมควรแล้ว “ผมขออนุญาตตอบนะครับ แบบบ้านมีการแบ่งห้องเป็นหลายห้อง ปริมาณดินเท่านี้อาจจะไม่พอ บ้านมีหลายห้อง ก็ต้องตอกเสาเพิ่มด้วย ผมกลัวว่ารากฐานของตัวบ้านจะไม่มั่นคงพอ และถึงจะไม่อยากถมดินเพิ่ม ยังไงก็ต้องเอารถบดมาเตรียมหน้าดินให้พร้อมสำหรับการก่อสร้างอยู่ดีครับ หากดินมันร่วนเกินไปและไม่จับตัวกันแน่น เวลาเราเทปูน พื้นก็อาจจะแตกได้ หรือถ้าเราจะลงเสาเข็ม บ้านก็เสี่ยงต่อการทรุดตัวได้เร็วขึ้น และอีกเหตุผลที่ผมอยากให้ถมดินให้สูงขึ้น เพราะจากที่ผมยืนดูกำแพงของเพื่อนบ้านรอบๆ จะมีรอยคราบน้ำเกาะอยู่ ผมเลยถามพี่ร้านขายอาหารตามสั่งที่ผมทานเมื่อตอนเที่ยงว่าแถวนี้น้ำท่วมหรือเปล่า พี่เขาบอกว่าไม่ถึงกับเรียกว่าท่วม เพราะส่วนมากจะแค่น้ำขัง ส่วนตรงรอยคราบน้ำที่กำแพงบ้านเกือบทุกหลังในซอยนั้นเป็นของที่ระลึกจากตอนน้ำท่วมใหญ่เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แล้วอย่างที่รู้ๆ กันครับ ถ้าน้ำยังไม่ท่วมจนคนเดือดร้อน ก็ไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนใจเรื่องการระบายน้ำหรอกครับ” “ถูกอย่างที่วิศวกรของผมแนะนำนะครับคุณน้า ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าครับ ภัยธรรมชาติเราคาดเดาไม่ได้” “ปรางเห็นด้วยกับคุณวินนะคะ วัสดุบางอย่างที่คุณน้ากับคุณ ลินเลือกใช้ หากถูกแช่น้ำเป็นเวลานานก็ไม่ดีค่ะ” “แล้วจะถมตอนไหน ถมเพิ่มกี่คันรถ” ศรัญญาหมดทางเลือก เพราะตอนนี้ไม่มีใครเข้าข้างเธอเลย “ถ้าคุณน้ากับน้องลินไม่ติดปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็เริ่มถมดินได้เลยครับ” ภูมิภัทรรีบตอบอย่างรวดเร็ว เขาเห็นศรัญญามีท่าทีหงุดหงิดจึงต้องรีบเอาใจ “พรุ่งนี้ได้เลยใช่ไหมคุณวิน” “ครับ” กวินตอบรับเจ้าของบริษัทอย่างเสียไม่ได้ “ค่าใช้จ่ายเรื่องถมดินเพิ่ม คุณวินต้องเบิกกับลินโดยตรงเลยใช่ไหมคะ เพราะในสัญญาที่แม่เซ็นไว้ ไม่ได้รวมค่าถมดินด้วย” ลลิสาหันไปคุยกับภูมิภัทรอย่างจริงจัง เพราะในสัญญาระบุว่าให้แบ่งจ่ายเงินทั้งหมดเป็นสิบครั้ง ตามลำดับขั้นตอนการก่อสร้าง แต่ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ “พี่ดำเนินการให้ก่อนได้ครับ” “หมายถึงจ่ายเงินให้ลินก่อนเหรอคะ” “ครับ” ภูมิภัทรตอบเสียงเบา เขาตั้งใจจะออกเงินส่วนนี้ให้กับลลิสา แต่เธอคงจะรู้ทันเขาซะแล้ว “ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ลินยังว่าง คุณวินสะดวกไปธนาคารกับลินไหมคะ” “เดี๋ยวพี่จัดการให้ก่อนนะครับ ทั้งเรื่องถมดินและเรื่องกำแพง น้องลินจะได้ไม่ต้องลำบากไปธนาคารด้วย เสร็จแล้วพี่จะเอาใบเสร็จมาเบิกเงินทีหลัง” “เอาตามที่พี่เขาบอกนั่นแหละลิน บริษัทเขาจะจัดการให้เพราะไม่อยากให้เรายุ่งยาก ก็ยังจะทำตัวเองให้ลำบากอีก แม่อยากกลับบ้านแล้ว เดินนานๆ มันปวดขา” ศรัญญาสรุปทุกอย่างด้วยการบอกอ้อมๆ ว่าหยุดเรื่องมากได้แล้วยัยลูกสาวตัวดี “ตามที่แม่บอกแล้วกันค่ะ” ลลิสาเป็นอันต้องหยุดความเกรงใจ เพราะไม่อยากให้แม่ดุเธอต่อหน้าคนอื่นอีก “ให้บริษัทจัดการก่อนก็ดีครับ เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เราต้องดูหน้างานจริงๆ ด้วย คงบอกราคาที่แน่นอนตอนนี้ไม่ได้ และสบายใจได้ครับ ไม่มีการโกงเกิดขึ้นแน่นอน” กวินบอกเพื่อปลอบขวัญความตั้งใจของลลิสาที่พังทลายไปเมื่อครู่ อธิบายให้เธอฟังด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงแบบนี้น่าจะดีกว่า “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ยินดีครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” กวินยิ้มตอบเธอเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียมารยาท เพราะรอยยิ้มที่นักแสดงหญิงส่งมานั้น ทำให้เขารู้สึกว่าเหตุผลของเขา นั้นช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น “ถ้าคุณน้าอยากกลับไปพักแล้ว ผมขอรบกวนคุณน้าฟังทีมช่างสรุปงานวันนี้อีกสักห้านาทีนะครับ จะได้เข้าใจตรงกันว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้าง” ภูมิภัทรรีบพูดแทรก เพราะไม่ชอบสายตาและรอยยิ้มที่ลลิสา มองกวิน มันเป็นสายตาและรอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับจากเธอมาก่อน “ครับ วันนี้ผมกับคุณปราง สถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังนี้ เห็นชอบตรงกันแล้วนะครับ ว่าแบบบ้านไม่ต้องมีการปรับปรุงหรือแก้ไขใดๆ เพิ่มเติม วันพรุ่งนี้ผมและทีมงานจะดำเนินการเรื่องการถมที่ดิน” “พรุ่งนี้จะมีรถมาถมดินเลยเหรอคะ” ลลิสาถามด้วยความสงสัย จำได้ว่าเคยหาข้อมูลเรื่องการสร้างบ้าน ดินที่ต้องถมนั้นต้องหามาจากที่ไหนสักที ซึ่งคงไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แถวนี้แน่นอน “ครับ” กวินตอบไปก่อน เพราะไม่อยากให้ภูมิภัทรเสียหน้า “ดีจัง” คนถามยิ้มประทับใจในความรวดเร็ว ก็เขาเป็นบริษัทก่อสร้างนิ คงจะมีทีมขนดินโดยเฉพาะละมั้ง “ผมขอชี้แจงขั้นตอนการก่อสร้างอีกทีนะครับ เราจะแบ่งเป็นสิบขั้นตอน 1. เตรียมพื้นที่ 2. วางผังอาคาร 3. งานขุดเจาะและเสาเข็ม 4. งานฐานรากโครงสร้างชั้นล่าง 5. งานโครงสร้างชั้นบน งานโครงหลังคา งานระบบสุขาภิบาล 6. งานมุงหลังคา โครงสร้างบันได 7. เตรียมงานติดตั้งระบบน้ำกับระบบไฟ 8. งานฉาบผนัง งานฝ้าเพดาน 9. งานติดตั้งประตู หน้าต่าง ปูพื้น ตกแต่งบ้าน และ 10. งานทำความสะอาดและตรวจความเรียบร้อยก่อนส่งมอบบ้าน ผมกับทีมงานจะพยายามส่งมอบบ้านให้ทันตามที่ทำสัญญาไว้นะครับ แต่หากต้องใช้เวลานานกว่านั้นก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ว่าต้องใช้เวลาเพิ่มอีกกี่วันและมีสาเหตุมาจากอะไร” “ค่ะ อธิบายชัดเจนดีจัง” “แต่แผนงานข้อ 9. ในส่วนของการตกแต่งบ้าน คุณลินจะมีทีมงานจากข้างนอกมาทำให้ตามที่ระบุไว้ ตรงส่วนนี้พวกผมจะช่วยดูแลให้นะครับ” “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ยังไงลินรบกวนขอเบอร์ติดต่อคุณวินได้ไหมคะ” “ติดต่อผ่านคุณภูมิก็ได้ครับ” “ไม่ได้หรอกค่ะ คุณวินเป็นคนดูแลงานให้ลินโดยตรง ถ้าเกิดปัญหาอะไร คุณวินก็ต้องแจ้งลินทันทีไม่ใช่เหรอคะ” “ครับ” กวินหมดช่องทางการปฏิเสธ เกรงใจเจ้านายเพราะดูไม่นานก็รู้ว่าเขาหมายปองจะครอบครองผู้หญิงคนนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อนี่เป็นเรื่องงาน “นี่เบอร์ลินกับเบอร์ผู้จัดการของลินนะคะ ติดต่อได้ตลอดค่ะ แต่ถ้าลินไม่ได้รับสาย จะรีบโทรกลับเร็วที่สุด ส่วนนี่เบอร์ของแม่ลินค่ะ” ลลิสาแลกเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่ออื่นๆ กับกวินอย่างไม่ถือตัว “แล้วพี่ๆ ชื่ออะไรคะ ลินขอเบอร์ติดต่อด้วยได้ไหม” นักแสดงเจ้าบทบาทหันไปคุยกับลูกน้องของกวินอย่างเป็นกันเอง ทำเอาทั้งสองคนนั้นยิ้มแก้มปริ ดีใจที่มีสาวสวยคุยด้วยโดยที่ไม่มีท่าทางรังเกียจ เพราะพวกเขานั้นเนื้อตัวดำคล้ำมากเหลือเกิน “คุณวินแลกเบอร์ติดต่อกับคุณปรางหรือยังคะ” ลลิสาถามเพื่อความแน่ใจว่าทุกคนนั้นมีเบอร์ติดต่อกันแล้ว “ยังเลยค่ะ” ปรางสิตาเองก็ลืมสนิท เพราะเป็นผู้ฟังอยู่นาน เธอกำลังชื่นชมลลิสาที่เจอกันกี่ครั้ง ก็ยังเป็นคนที่น่ารักเสมอ สมแล้วที่เธอเป็นนักแสดงที่ใครๆ ก็ชื่นชอบและชื่นชม “ลินขออนุญาตสร้างกลุ่มแชตนะคะ มีอะไรก็คุยกันในนี้ได้เลย” ว่าแล้วลลิสาก็ใช้นิ้วกดหน้าจอโทรศัพท์อย่างตั้งใจ “...พี่ภูมิ ลินขอไลน์ได้ไหมคะ พี่ภูมิจะได้อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย” “ได้ครับ” ภูมิภัทรหุบยิ้มไว้แทบไม่อยู่ คิดว่าเธอจะลืมเขาเสียแล้ว “ขอบคุณค่ะ รบกวนทุกคนรับคำเชิญของลินด้วยนะคะ” เธอบอกเสียงหวาน เพราะกลัวว่าจะมีผู้เล่นเกมสร้างบ้านไม่ครบทีม แต่เมื่อทุกคนทยอยกันเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กรุ๊ปแชตจึงมีสมาชิกอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน มีลลิสาเป็นแกนนำ มีศรัญญาที่อยากจะดุลูกสาวเรื่องขอเบอร์โทรศัพท์ผู้ชาย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องงาน มีปรางสิตาสถาปนิกฝีมือดี มีภูมิภัทรผู้เป็นนายใหญ่ของบริษัทรับเหมา มีผู้ช่วยวิศวกรอีกสองคนที่ชื่อว่าพี่เอกสิทธิ์และพี่คมศักดิ์ มีผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ที่จะช่วยให้ทุกคนติดต่อเธอได้สะดวกขึ้น และคนสุดท้ายคือคนที่ลลิสาฝากความหวังไว้มากที่สุด วิศวกรชื่อว่ากวิน คนที่ตลกรูปประจำตัวในแอปพลิเคชันไลน์ของลลิสาอยู่ในใจ เพราะแทนที่เธอจะใช้รูปแสดงใบหน้าสวยๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่กลับเป็นรูปที่เธอเอาหลอดดูดน้ำทิ่มเข้าไปในรูจมูกพร้อมกับทำหน้าเหยเก “วันนี้ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะที่เสียเวลามาช่วยสร้างบ้านให้ลินกับแม่ ขอบคุณพี่ภูมิ คุณปราง คุณวิน พี่สิทธิ์และพี่ศักดิ์ด้วยนะคะ” ลลิสายกมือไหว้ทุกคนอย่างซึ้งใจ ได้โปรดเถอะนะ โปรดสร้างบ้านให้ออกมาเป็นดังใจฝัน โปรดอย่าทำให้บ้านพัง โปรดอย่าสร้างจนบ้านเกินงบไปกว่านี้ ไหว้นะคะทุกคน “งั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่าครับ ฝนทำท่าจะตกแล้ว” ก่อนที่แต่ละฝ่ายจะมองหน้ากันไปกันมานานกว่านี้ ภูมิภัทรจึงเป็นฝ่ายปิดงานอย่างเป็นทางการ เขาพาลลิสา ศรัญญาและปรางสิตามาส่งที่รถ แต่ก็ มิวายแอบหยอดคำหวานให้ผู้หญิงที่เขากำลังตกหลุมรักได้ฟังด้วย “วันนี้น้องลินเก่งมากเลยนะครับ แดดร้อนก็ไม่บ่น แถมยังพูดคุยกับวิศวกรเข้าใจทุกเรื่องเลย” “ลินรู้ไม่เยอะหรอกค่ะ ทำหน้าเข้าใจไว้ก่อน เดี๋ยวคุณวินเขาจับได้ว่าลินเออออไปเรื่อยเปื่อย” ลลิสาตอบเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะ อะไรๆ ก็ทำให้เธออารมณ์ดีไปหมด บ้านในฝันกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างไปอีกขั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทุกข์ใจ “พี่ว่าน้องลินน่าจะรู้อีกหลายเรื่องนะครับ น้องลินคงศึกษาเรื่องการสร้างบ้านมาพอสมควร” “แต่ก็คงไม่มากเท่าพี่ภูมิหรอกค่ะ ลินกลับก่อนนะคะ แม่รอบนรถนานแล้ว” “ถ้าคืนนี้พี่ส่งข้อความไปหา น้องลินจะว่าอะไรไหมครับ” “ไม่ว่าค่ะ แต่ไม่รู้จะได้ตอบหรือเปล่า ลินต้องนอนเร็ว พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า” “ครับ แค่ลินไม่ห้ามพี่ก็ดีใจแล้ว ขับรถดีๆ นะครับ” “ค่ะ” ลลิสาพูดจบก็รีบลงรถ และทันทีที่ล้อเคลื่อนออกมาจนพ้นสายตาของภูมิภัทรที่ยืนส่งเธอจนวินาทีสุดท้าย เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เป็นอะไรลิน” ผู้เป็นแม่เห็นลูกสาวยิ้มแย้มให้ภูมิภัทรก็หลงดีใจว่าการเซ็นสัญญาใจได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมพออยู่ลำพังถึงหน้าบึ้งขนาดนี้ “เครียด เครียดน่ะแม่ ไม่ชอบเลย” “ไม่ชอบอะไร” “ไม่ชอบที่พี่ภูมิเอาแต่มองลินน่ะสิ อึดอัดจะแย่ ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือกล้องวงจรปิดกันแน่” “แล้วลินรู้ได้ยังไง ลินก็แอบมองพี่เขาเหมือนกันเหรอ” “แม่! ลินบอกแล้วไงว่าลินไม่ได้ชอบพี่เขา ลินจะแอบมองเขาทำไม เวลามีคนเอาแต่จ้องเรา เราก็ต้องรู้สึกสิแม่ แถมยังรู้สึกแปลกๆ ด้วย น่ากลัว” “พี่เขาไม่ได้เป็นโรคจิตนะลิน” “ลินรู้ว่าเขาสติครบถ้วน แต่ตอนอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ ไม่ต้องมองลินขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดกันหมด” “เข้าใจผิดก็ดีแล้ว คนงานจะได้เกรงใจและตั้งใจทำงาน เพราะเข้าใจว่ากำลังสร้างบ้านให้แฟนของเจ้าของบริษัท” “ลินรู้นะว่าแม่หวังดี อยากให้ลินคบกับผู้ชายดีๆ แต่ตอนนี้เราแค่รู้ว่าพี่ภูมิหน้าที่การงานดี ฐานะดี แต่เราไม่รู้ว่าพี่เขานิสัยดีจริงๆ หรือเปล่า แม่อย่าคาดหวังในตัวพี่เขาเยอะ ถ้าเขาดีรอบด้านจริงๆ ลินก็จะรับรู้ได้ แล้วยิ่งแม่เข้าข้างเขา เขาก็ยิ่งได้ใจ แม่คิดว่าเขาดูไม่ออกเหรอว่าแม่พยายามจะยัดเยียดลินให้พี่เขา” “แล้วตอนนี้มีผู้ชายคนไหนดูดีเท่าภูมิภัทรหรือเปล่าล่ะ” “เฮ้อ... แม่เลิกพูดถึงเขาสักชั่วโมงได้ไหม” ลลิสาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้แม่เธอหายใจเข้า หายใจออกก็เป็นเรื่องของภูมิภัทรไปซะหมด และโชคดีจริงๆ ที่เสียงโทรศัพท์ช่วยทำลายความขัดแย้งของเธอกับแม่เอาไว้ “สวัสดีค่ะพี่จิ๊บ” ลลิสาทักทายจิ๊บจ๊าบ หรือว่าชื่อจริงๆ ที่พ่อกับแม่ตั้งให้สมัยยังไม่เป็นสาวสวยประเภทสองว่าจิรายุ จิ๊บจ๊าบเป็นคนชักนำให้ลลิสาเข้ามามีพื้นที่ในวงการบันเทิง ทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัว เป็นบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักแสดงมากฝีมืออย่างลลิสา ช่วยดูแลเรื่องคิวงาน เสื้อผ้า หน้าและผม เป็นทุกอย่างให้เธอ ตั้งแต่ตอนที่สามเดือน ถึงจะมีงานเข้ามาหนึ่งครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่มีงานให้ทำไม่เว้นวัน ทุกๆ อย่างในชีวิตของลลิสา ไม่มีเรื่องไหนที่จิรายุไม่รู้ “วันนี้คุณภูมิภัทรเป็นยังไงบ้าง เขาจีบลินจริงๆ หรือเปล่า” “เอาไว้ค่อยคุยกันนะพี่จิ๊บ” “ก็ได้ ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว จะเอาชุดที่จะใส่ออกอีเวนต์อาทิตย์หน้าไปให้ลอง” เสียดายที่ยัยน้องสาวที่ไม่ได้คลานตามกันมาบ่ายเบี่ยง ที่ถามน่ะไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่หรอก แต่อะไรที่มันยังไม่ชัดเจน หากนักข่าวรู้เรื่องเข้าให้ ก็ต้องมีการเตรียมตอบคำถามให้รัดกุม พูดอะไรผิดไปนิดหน่อย คนฟังก็สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นเรื่องอื่น หรือเชื่อมโยงกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องได้ทั้งนั้น “อีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะถึงคอนโดแล้วพี่จิ๊บ” “โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่แวะเข้าไปหานะจ๊ะสาวน้อยของพี่” “ค่ะ พี่จิ๊บคนสวย” ลลิสาตอบเสียงหวาน มีพี่จิ๊บจ๊าบอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน เธอก็อุ่นใจว่าเธอจะผ่านมันไปได้ “จิ๊บจะมาหาที่คอนโดเหรอลูก” ศรัญญาถามให้แน่ใจ แม้จะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์แล้ว “ใช่ค่ะ อาทิตย์หน้าลินมีอีเวนต์ใหญ่ ต้องลองชุดก่อน ชุดนี้ได้ยินพี่จิ๊บบอกว่าราคาเป็นแสนเลยนะแม่ โชคดีนะที่แบรนด์เขาให้ยืมมาใส่ ถ้าต้องซื้อละเสียดายเงินแย่ เพราะคงได้ใส่แค่ครั้งเดียว” “ยัยจิ๊บนี่ก็ปะไร ขยันหาชุดแพงๆ มาให้ใส่อยู่เรื่อย เดี๋ยวทำชุดเขาเป็นอะไรไปก็โดนปรับเงินอีก” ศรัญญาคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อน เสื้อผ้ายี่ห้อดังส่งชุดมาให้ลูกสาวช่วยใส่โปรโมตสินค้าของตัวเอง แต่ช่างแต่งหน้าทำน้ำหวานหกใส่จนชุดเป็นรอยด่าง ต้องเสียเงินชดเชยไปหลายหมื่น “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าน่ะแม่ ลินมีชุดสวยๆ ใส่ แบรนด์เสื้อผ้าก็ได้โฆษณาชุดไปด้วย” “พูดถึงจิ๊บจ๊าบ... เมื่อไหร่ผู้จัดการแก เขาจะยอมให้แกมีแฟนสักที” “พี่จิ๊บเขาอนุญาตให้เปิดตัวแฟนได้นานแล้ว แต่ว่าลูกสาวแม่ยังไม่มีแฟนสักทีต่างหาก” “พระเอกหล่อๆ นิสัยดี แม่ก็ไม่เห็นจะมีใครมาชอบลินเลย” “นั่นสิแม่ ลินก็งงเหมือนกัน แต่ก็ดีแล้วแหละ เป็นเพื่อนกันสนุกกว่าเป็นแฟนกันตั้งเยอะ” “ก็ดี เพราะถ้าตอนนี้ลินมีแฟน คงไม่มีโอกาสให้ภูมิภัทรเข้ามา” “แม่!” “แม่ไม่พูดแล้วก็ได้” ศรัญญารีบหยุดคำพูดอีกหลายคำที่จะออกจากปาก เพราะไม่อยากให้ลูกสาวอารมณ์ไม่ดี ยังไงซะก็ยังมีเวลาให้ทั้งสองได้สนิทสนมกันมากขึ้น และกลัวว่าหากพูดมากไปกว่านี้ ไปฮ่องกงครั้งหน้า ลูกสาวจะไม่ให้เงินติดไม้ติดมือไปผ่อนคลายที่คาสิโนน่ะสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD