สวัสดีค่ะทุกคนฉันชื่อเพชรพริ้ง หรือเรียกว่าบีลีฟก็ได้ ตอนนี้ฉันนั่งเขียนไดอารี่อยู่ที่สนามบินแห่งหนึ่งในลอนดอนประเทศอังกฤษ ฉันมาเรียนไฮสกูลที่อังกฤษได้3ปีแล้วและตอนนี้ฉันกำลังจะกลับประเทศไทย ฉันว่าจะไปต่อ ป.ตรีที่ไทยเพราะฉันอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวฉันคิดถึงพ่อกับแม่มากๆ เลยไม่อยากจากไปเรียนที่ไกลๆ อีก ฉันนั่งเขียนไดอารี่อยู่สักพักก็ได้ยินเสียงประกาศเที่ยวบินของฉันดังขึ้น ฉันจึงรีบเก็บสัมภาระทุกอย่างและรีบเดินไปขึ้นเครื่อง
'เย้!!! ฉันจะได้เจอคุณพ่อกับคุณแม่แล้ว'
ในระหว่างที่อยู่บนเครื่องฉันนั่งเขียนไดอารี่จดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ฉันได้พบเจอมาแต่ละวันอย่างละเอียดฉันชอบเขียนไดอารี่เพราะฉันจะได้เอาออกมาอ่านเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปจนฉันอาจลืมบางเรื่องในชีวิตไปความทรงจำในวันวานก็จะกลับมาอีกครั้ง
18:00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
“คุณพ่อค่า ลีฟคิดถึงพ่อที่สุดเลยต่อไปนี้ลีฟจะกลับมาเรียนต่อที่บ้านเรา จะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ทุกวันเลยน๊า”
หลังจากที่ลงจากเครื่องฉันก็เดินออกจาก Get เห็นพ่อยืนรอรับอยู่ ฉันดีใจมากจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดคนเป็นพ่อ และแล้วฉันก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นแม่มาด้วย
“อ้าว? แล้วคุณแม่ไม่มาด้วยหรอคะ” ฉันถามพ่อ
“แม่ของลูกเขายุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารที่ลูกชอบไว้รอรับลูกสาวสุดที่รักของเขานะสิเลยไม่ยอมมากับพ่อ”
คนเป็นพ่อตอบพร้อมลูบหัวฉัน
“ดีเลยค่ะลีฟกำลังหิวเลยลีฟจะกลับไปกินอาหารฝีมือแม่ให้ท้องแตกไปเลยค่ะ”
ณ คฤหาสน์ อักขระไพศาล
“คุณแม่ค่าาาา ฟอด ฟอด หืมมม ลีฟคิดถึงแม่ที่สุดเลย I miss you so much mom”
อ่อลืมบอกไปแม่ฉันเป็นคนอิตาลีน๊าทุกคน
“แม่ก็คิดถึงลูกที่สุดเลยเหมือนกัน ลูกสาวสุดที่รักของแม่”
“หืมม กลิ่นหอมจังเลยค่ะลีฟชักจะหิวแล้วสิไม่ได้กินฝีมือแม่ตั้งหลายปีคิดถึงที่สุดเลยยย”
“แหมไม่เจอกันตั้งหลายปีปากหวานไม่เปลี่ยนเลยนะเรา”
“ก็กับข้าวฝีมือแม่มันอร่อยจริงๆ นี้หนา”
หลังจากที่กินข้าวและนั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่จนหายคิดถึงฉันก็ขอตัวขึ้นมาอาบน้ำพักผ่อนบนห้อง เพราะวันนี้ฉันนั่งเครื่องจากลอนดอนมากรุงเทพตั้ง11กว่าชั่วโมงแหนะ เลยรู้สึกเหนื่อยและเพลียมากหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่สักพักและนึกขึ้นได้ว่า เพื่อนฉันที่ไปเรียนที่อเมริกาก็กลับมาวันนี้เหมือนกัน ฉันจึงไม่รอช้ารีบเข้าไลน์และทักหาเพื่อนรักของฉันทันที
Line:
ฉัน: ฮัลโหลเพื่อนร้ากกกก แกกลับมาถึงหรือยังเนี่ยฉันคิดถึงจะตายแล้ววว จุ๊ปๆ
มิ้น: อี๋ยย ขนลุกอย่ามาจงมาจุ๊ปนะย๊ะ ถึงได้สักพักแล้วย๊ะฉันว่าจะทักหาแกพอดี
ฉัน: ที่รักทักช้าไปเค้ารอไม่ไหวเลยทักหาที่รักก่อนไง
มิ้น: พอเลยนะยัยลีฟแกเลิกพูดแบบนี้สักทีฉันขนลุกจะตายแล้ว ถ้าเป็นผู้หล่อๆ มาพูดก็ยังพอว่า
ฉัน: แหมไม่เจอกันตั้งหลายปีความอยากของแกเนี่ยไม่ลดลงเลยนะยะ ไปอยู่เมกามาตั้งหลายปี ล่าแต้มไปเท่าไหร่แล้วล่ะแก ยัยเจ้าชู้
มิ้น: ธรรมดาคนสวยๆ อย่างฉันก็ต้องใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์สิ ไม่ใช่อย่างแกพระเจ้าให้ความสวยมาแต่ดันใช้ไม่เป็น ห้าวๆ กระโดกกระเดก แถมซูมซ้ามอย่างแกเนี่ยชาตินี้จะหาผัวได้ไหมฮะ
ฉัน: พอเลยฉันออกจะสวยรวยเก่งขนาดนี้หาได้สบายย่ะ
มิ้น: จ้าาา ว่าแต่พรุ่งนี้แกว่างป่ะว่าจะไปตี้สักหน่อย ห่างหายไปจากวงการปาร์ตี้ในประเทศซะนาน ว่าจะไปแดนซ์สักหน่อย
ฉัน: จัดไปจ้าา ไปทวงบัลลังก์เจ้าแม่ปาร์ตี้ของพวกเราคืนมา
มิ้น: โอเค พรุ่งนี้เจอกันที่คลับ K 20:00 น.
ฉัน: โอเคแล้วเจอกันจ้าที่รัก จุ๊ปๆ
มิ้น: อี๋ยยยย
หลังจากที่ฉันนัดแนะกับมิ้นเสร็จฉันกะว่าจะนอนแล้ว แต่ฉันได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านล่าง ฉันจึงเปิดประตูออกไปดู ฉันก็ได้ยิน
“แกจะเอาทุกอย่างเก็บไว้คนเดียวเลยหรือไงฮะ ลูกสาวก็มีแค่คนเดียวจะให้อะไรมันเยอะแยะ หัดมีน้ำใจแบ่งให้คนอื่นซะบ้าง”
พ่อ: “ฉันสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน ก็เพื่อที่จะเก็บไว้ให้ลูกสาวคนเดียวของฉัน ถ้าแกอยากได้แกก็ต้องสร้างเอง ไม่ใช่มาปล้นเอาจากคนอื่นแบบนี้”
ฉันได้ยินเสียงพ่อกับใครอีกคนทะเลาะกันดังลั่น ฉันมองลงไปจากบนบันไดชั้นสอง ฉันเห็นว่าพ่อกำลังทะเลาะอยู่กับคุณอาน้องชายต่างแม่ของคุณพ่อ
อา: “ได้ในเมื่อแกเห็นฉันเป็นอื่นฉันก็จะคิดว่าแกเป็นคนอื่นเหมือนกัน แกบอกว่าฉันปล้น ฉันจะทำให้แกดูว่าปล้นเขาทำกันยังไง”
แล้วคุณอาก็เดินหัวฟัดหัวเวี่ยงออกไป ฉันจึงรีบลงไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ด้านล่าง
“มีอะไรหรอคะคุณพ่อ” ฉันถาม
“ไม่มีอะไรหรอกลูกแค่มีปัญหานิดหน่อย ลูกไม่ต้องสนใจหรอก”
พ่อหันมาตอบฉันอย่างใจเย็น ฉันเห็นว่าพ่อไม่อยากพูดถึงฉันเลยเลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้ ฉันเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดี ฉันจึงนึกขึ้นได้ว่า ฉันซื้อกล้องถ่ายอัจฉริยะมาจากอังกฤษฉันเลยวิ่งขึ้นไปเอามาเพื่อที่จะอวดพ่อกับแม่เพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่ค่าา ลีฟมีอะไรมาอวดด้วยค่ะ นี้ค่ะกล้องอัจฉริยะที่มหาลัยลีฟพัฒนาขึ้นมาค่ะ”
ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยให้พ่อกับแม่อารมณ์ดีขึ้น
“จริงหรอจ๊ะ ไหนมันใช้ยังไงหรอจ๊ะลูก” แม่ถามฉัน
“นี้ค่ะแม่แค่เรากดปุ่มเปิดตัวนี้ทิ้งไว้ เราว่างเอาไว้สักมุมหนึ่งแล้วตัวเซนเซอร์ จะจับการเคลื่อนไหวของเราเองแล้วมันก็จะถ่ายภาพและวิดีโออัตโนมัติค่ะ เรามาลองถ่ายเล่นกันดีกว่าค่ะ”
ฉันวิ่งเอากล้องอัจฉริยะตัวจิ๋วไปติดไว้ที่ฝาผนัง และวิ่งกลับมานั่งถ่ายรูปถ่ายวิดีโออย่างมีความสุขกับพ่อและแม่
“พ่อกับแม่ก็มีของขวัญจะให้ลูกเหมือนกันนะ” พ่อหันมาบอกฉัน
“จริงหรอคะพ่อ ไหนคะลีฟอยากเห็นแล้วค่ะ”
แม่เดินไปยิบกล่องของขวัญเล็กๆ จากลิ้นชักใต้โต๊ะวางทีวีเดินมายื่นให้ฉัน
“นี้จ๊ะพ่อกับแม่ว่าจะให้ตั้งแต่หัวค่ำแล้วแต่ลูกน่ะพาแม่โม้จนลืมเลย”
“อ้าวไหงมาโทษลีฟละคะแม่ก็ลีฟคิดถึงนี่นา นั้นลีฟเปิดดูเลยนะคะ”
ฉันแกะกล่องของขวัญดู ก็เห็นเป็นสร้อยเงินกับล็อกเกตรูปหัวใจที่สลักคำว่า Believe และสลักด้านหลังว่าความเชื่อ ซึ่งนั้นเป็นความหมายของชื่อฉันเอง ในล็อกเกตคือรูปพ่อกับแม่
“พ่อกับแม่สั่งทำพิเศษที่บริษัทของเราเองเพื่อลูกเลยนะ”
พ่อหันมาลูบหัวและยิ้มให้ฉัน
“เวลาที่ลูกไปอยู่ไกลๆ หรือวันที่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว ถ้าลูกคิดถึงพ่อกับแม่ก็ให้ล็อกเกตนี้เป็นตัวแทนพ่อกับแม่นะลูก” แม่ยิ้มและพูดกับฉัน
“แม่อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ไม่น่ารักเลย พ่อกับแม่ยังต้องอยู่กับลีฟอีกนานเลยค่ะ”
เรากอดอยู่กันสักพักก็แยกย้ายกันไปนอน