‘ฮึ ทำไมฉันต้องเอาคืนเฮียด้วย? นี่ชีวิตฉัน ร่างกายฉัน ฉันอยากจะทำอะไรหรือนอนกับใครก็ได้ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย’ นับฝันแสยะยิ้มบ้าง แต่รอยยิ้มของเธอกลับไปไม่ถึงดวงตา
‘หยุดประชดประชันสักที’
‘ฉันไม่ได้ประชด’ เธอช้อนตาขึ้นมองเพลิงศูรย์ตรง ๆ ‘ฉันไม่เคยต้องการความสงสารหรือความรับผิดชอบอะไรจากเฮีย’
เพลิงศูรย์ ‘…’
‘เศษเดนความรักจากเฮีย ฉันก็ไม่ต้องการเหมือนกัน’
‘พูดได้ดีนับฝัน’ น้ำเสียงเย็นเยียบเปล่งออกมาก่อนร่างสูงใหญ่หมุนกายหันหลังให้เธอ และเดินไปทางประตูห้องพร้อมทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายเอาไว้ ‘ฉันก็เหนื่อยกับเธอเต็มทนแล้วเหมือนกัน’
.
.
.
“…ม้า …หม่าม้าฮะ!”
“อ๊ะ ว่าไงจ๊ะลูก? ต้องการอะไรเหรอ เดี๋ยวม้าหยิบให้” นับฝันหลุดจากภวังค์ความคิดในอดีตเพราะเสียงเรียกของลูกชาย หลังจากเจ้าขุนถูกส่งตัวมาพักฟื้นที่ห้องพักวีไอพีเธอก็อยู่เฝ้าข้างกายมาตลอด ส่วนพายัพพาเจ้าเอยกลับไปพักผ่อนที่บ้านและช่วยจัดการที่ร้านแทนเธอแล้ว
“พี่พยาบาลเรียกหม่าม้าฮะ”
นับฝันหันมองหน้าประตูและเห็นพยาบาลสาวยืนส่งยิ้มบางอยู่ตรงนั้น เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปหา
“ขอโทษนะคะ พอดีฉันเหม่อไปหน่อย มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณหมอเชิญคุณแม่ไปคุยเรื่องอาการของน้องที่ห้องตรวจน่ะค่ะ พอดีคุณหมอกำลังเตรียมตัวสำหรับเคสผ่าตัดใหญ่จึงไม่สะดวกมาแจ้งที่ห้องด้วยตัวเอง รบกวนเวลาคุณแม่ไปที่ห้องตรวจสักครู่ได้ไหมคะ”
นับฝันพยักหน้ารับ เดินกลับมาห่มผ้าให้ลูกชายแล้วจูบหน้าผากเบา ๆ ด้วยความรักใคร่
“ดูการ์ตูนไปก่อนนะครับคนเก่ง เดี๋ยวม้าไปคุยกับคุณหมอแล้วจะรีบกลับมา ถ้าลูกต้องการอะไรกดปุ่มเรียกพี่พยาบาลได้เลยนะ”
“ฮะ หม่าม้า” เด็กน้อยรับคำพลางหันกลับไปมองการ์ตูนบนจอโทรทัศน์ต่อ ท่าทางและสีหน้าของเจ้าขุนกลับมาร่าเริงเหมือนยามปกติแล้ว เพียงแต่บนผิวหน้าและลำคอยังปรากฏรอยแดงจาง ๆ จากอาการแพ้อยู่บางจุด
หลังจากนับฝันออกจากห้องพักฟื้นไปไม่ถึงห้านาที ประตูห้องถูกเคาะเบา ๆ แล้วเปิดออกอีกครั้ง เด็กน้อยละสายตาจากการ์ตูนมองผู้มาใหม่ คิ้วเรียวเล็กเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจพลางเอียงคอมองด้วยความไร้เดียงสา
“สวัสดีฮะคุณลุง อ๊ะ คุณลุงมาได้ยังไงเหรอฮะ?”
ร่างสูงกวาดสายตามองรอบห้องก่อนเดินเข้ามาหยุดข้างเตียง ดวงตาคมจ้องมองเด็กน้อยบนเตียงที่กำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู และไร้เดียงสา ตัดกับใบหน้าที่คล้ายเขาราวกับแกะ
เพลิงศูรย์นึกถึงบทสนทนาที่คุยสายกับหยาดฟ้าก่อนหน้านี้ขึ้นมา
.
.
.
‘เรื่องเด็กสองคนนั้น เธอคิดจะปิดบังฉันไปถึงเมื่อไหร่’
[…] ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนได้ยินเสียงถอนหายใจดังผะแผ่ว [นายเจอเด็ก ๆ แล้วเหรอ]
‘เด็ก ๆ เป็นลูกฉันใช่ไหม?’
ช่างเป็นคำถามที่ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม สมกับเป็นเพลิงศูรย์จริง ๆ
[นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะตอบได้นะเพลิง]
เขาคิดไว้แล้วว่าหยาดฟ้าคงไม่ยอมพูดง่าย ๆ แน่ แต่ก็ยังอยากจะลองหยั่งเชิงเธออยู่ดี แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าต่อให้เขาจะเป็นเพื่อนเธอก็ใช่ว่าเธอจะอยู่ข้างเขา หยาดฟ้าเป็นคนนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
‘ฉันเคยคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน ฮึ คิดผิดสินะ’
[ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายรู้อะไรมาบ้าง แต่ชีวิตของนับฝันไม่ได้ง่ายเลยนะเพลิง ยัยนั่นผ่านอะไรมาเยอะมาก… เยอะมากจริง ๆ]
‘….’
[คนที่ถูกกระทำน่ะ ไม่ใช่นายแต่เป็นนับฝัน ถึงเราจะเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ฉันขอไม่ยืนข้างนายนะเพลิง เพราะนายทำพลาดไปแล้ว]
พลาดงั้นเหรอ… เขาน่ะเหรอทำผิดพลาด
[ตอนนั้นฉันเคยเตือนนายแล้วว่า ‘สักวันนายจะต้องเสียใจ’]
เพลิงศูรย์จำคำพูดประโยคนี้ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่หยาดฟ้าเตือนเขา หลังจากทั้งสองเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อหกปีก่อน ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่จีน…
[ตอนนี้นายเสียใจแล้วหรือยัง?]
.
.
.
เสียใจงั้นเหรอ…
ภาพของเด็กน้อยตรงหน้ากำลังเอียงคอมองเขาตาแป๋ว เพิ่มน้ำหนักของคำว่าเสียใจในหัวใจแสนเย็นชาของเขา
เด็กคนนี้เป็นลูกของเขา… ลูกที่เกิดจากเขากับนับฝัน… ลูกที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาตลอดหกปีเต็ม… เขาควรเสียใจแล้วหรือยัง?
“คุณลุงฮะ?” เสียงเล็ก ๆ เรียกสติเหม่อลอยของเพลิงศูรย์กลับมา คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับคำเรียกแสนห่างเหินของเด็กชาย เผยอปากอยากจะแย้ง แต่หวนคิดถึงสถานะของตนเองจึงยับยั้งชั่งใจเอาไว้
ไม่ได้… ตราบใดที่ยังคุยกับนับฝันไม่รู้เรื่อง เขาจะทำให้เด็ก ๆ สับสนไม่ได้
“อาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” เขาส่งถุงในมือให้เด็กน้อยแล้วพูดต่อ “นี่ของเยี่ยม เอาไว้เล่นแก้เบื่อ”
เจ้าขุนเอ่ยขอบคุณพลางรับถุงมาเปิด เมื่อเห็นว่าด้านในคือรถบังคับ ดวงตากลมโตพราวระยับด้วยความดีใจ
“ว้าว ขอบคุณนะฮะคุณลุง ขุนขุนชอบมากเลยฮะ!”
พอเห็นรอยยิ้มสดใสจริงใจของเด็กชาย มือหนาอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก จู่ ๆ ความรู้สึกหนักอึ้งหัวใจแล่นวาบเข้ามา เขารีบชักมือกลับและจ้องมองเจ้าขุนด้วยสีหน้าซับซ้อน
นี่คือความรู้สึก ‘เสียใจ’ นั่นหรือเปล่า…
เขากำลังรู้สึกเสียใจอย่างที่หยาดฟ้าพูดอย่างนั้นสินะ เพราะการตัดสินใจผิดพลาดในอดีต ทำให้เขาต้องมาเผชิญกับเรื่องน่าเสียใจนี้อย่างนั้นเหรอ?
ไม่หรอก… ในเมื่อเขาเคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง… แค่ไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สองก็พอแล้วนี่…
ความเสียใจมันแก้ไขได้ ถ้าหากเขาจะแก้ไขมันตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะ?
และคราวนี้เขาจะไม่ยอมเสียอะไรไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘ลูก’ หรือ ‘เธอ’