กลับมาทางเพลิงศูรย์ ตอนนี้เขาฉีดยาบนต้นขาของเด็กชายสำเร็จแล้ว อาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัดค่อย ๆ ทุเลาลง เขาถอนหายใจลุกขึ้นอุ้มเจ้าขุนเข้าสู่วงแขนแล้วหันไปมองทางเคาน์เตอร์
“ผมจะพาเด็กไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน รอช้าไม่ได้” เขาหันกลับมาสั่งพุธทางสายตาอีกคน “จดเบอร์ติดต่อให้เธอ แล้วรีบตามกูไปที่รถ”
จบคำร่างสูงเดินอุ้มเด็กชายออกจากร้านไปโดยมีพนักงานชายช่วยกางร่มให้ พุธรีบจดเบอร์ติดต่อส่งให้จินนี่แล้ววิ่งตามหลังเพลิงศูรย์ออกมา
เขาไม่เคยเห็นเฮียเพลิงทำสีหน้าแบบนั้นมานานมากแล้ว
สีหน้ากังวลและร้อนรนจนไม่เหลือเค้าของความเย็นชา…
.
.
.
โรงพยาบาล
ตึก ตึก ตึก
ร่างบางท่าทางรีบร้อนวิ่งเข้ามาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น ดวงตาแดงก่ำจ้องมองร่างสองร่างที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน ทันทีที่ทั้งสองหันมาเห็นเธอ ร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงรีบโผเข้าหาอ้อมกอดผู้เป็นแม่และร้องไห้โฮทันที
“หม่าม้าาาา~ฮือ~หม่าม้าขา~เอยเอยกลัว~ฮึก”
นับฝันโอบกอดลูกสาวพลางปลอบประโลมเบา ๆ ปกติเจ้าเอยเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก เธอร้องไห้ยาก และไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอออกมาง่าย ๆ แต่คราวนี้เจ้าเอยกลับร้องไห้โยเยไม่หยุดคงเพราะหวาดกลัวมากจริง ๆ
“เจ้ฝัน…”
“อืม เจ้าขุนเป็นยังไงบ้าง” นับฝันพยายามตั้งสติเอ่ยถามสถานการณ์ ก่อนหน้านี้เธอฝากเด็ก ๆ ไว้ที่ร้านเพราะมีนัดตรวจสุขภาพประจำเดือน ทันทีที่รับสายจินนี่เธอก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่โดยยังไม่ทราบเรื่องราวอะไรมาก รู้คร่าว ๆ เพียงว่าเจ้าขุนเกิดอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน และได้พลเมืองดีช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลเท่านั้น
“หนูก็ไม่ค่อยทราบเรื่องราวมาก รู้แค่ว่าน้องขุนเผลอทานช็อกโกแลตที่มีถั่วผสมอยู่ค่ะ”
“ช็อกโกแลต?” คิ้วเรียวเลิกขึ้น มองลูกสาวในอ้อมกอดเป็นเชิงไต่ถาม
“ใช่ค่ะหม่าม้า ฮึก เอยเอยเห็นขุนขุนถืออันนี้อยู่ในมือด้วยค่ะ” เจ้าเอยสะอื้นเบา ๆ พลางยื่นเปลือกซองช็อกโกแลตให้นับฝัน เธอรับมาพลิกดูส่วนผสมบนฉลาก หัวใจหล่นวูบด้วยความหวาดหวั่น
ปกติแล้วนับฝันจะคอยระวังเรื่องอาหารการกินของลูก ๆ เสมอ โดยเฉพาะเจ้าขุน เพราะลูกชายของเธอมีภาวะ Nut Allergy หรือ แพ้ถั่ว เป็นอาการในกลุ่มแพ้อาหาร เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อโปรตีนในถั่ว ตอนที่ทราบว่าเจ้าขุนมีภาวะของอาการนี้มาตั้งแต่เกิด เธออดจะกังวลใจไม่ได้ เพราะอาการแพ้อาหารนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ เหมือนกับผู้ชายคนนั้น…
“แล้วเจ้าขุนเอาช็อกโกแลตนี้มาจากที่ไหนกัน ที่ร้านเราไม่มีช็อกโกแลตพวกนี้ขายนี่นา” เธอหันไปถามจินนี่ซึ่งยืนทำหน้าอึกอักลำบากใจ
“เอ่อ… เรื่องนั้น…”
“ผมเป็นคนให้ช็อกโกแลตเด็กคนนั้นเองครับ” น้ำเสียงรู้สึกผิดดังขึ้นจากด้านหลังนับฝัน เธอหันกลับมามองก็เห็นร่างสูงของคนคนหนึ่งกำลังโค้งตัวสี่สิบห้าองศาให้เธออยู่ เขาก้มศีรษะขอโทษเธออย่างรู้สึกผิด “ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับว่าน้องเขาแพ้ถั่ว ผมรู้ว่าคำขอโทษคงไม่พอ แต่ผมอยากขอโทษคุณจากใจจริง ๆ ครับ”
“เขาคือพลเมืองดีที่ช่วยพาน้องขุนมาส่งโรงพยาบาลค่ะ” จินนี่ขยับเข้ามากระซิบบอกนับฝัน
จังหวะที่ชายคนนั้นยืดตัวกลับมายืนตัวตรง และทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งงันไปทันที
“นะ นับฝัน?!”
นี่มันอะไรกัน…
นับฝันยืนนิ่งงันไปแล้ว เธอเบิกตากว้างมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความคาดไม่ถึง เขาก็คือพุธ อดีตเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมของเธอ และยังเป็นญาติผู้น้องของผู้ชายคนนั้นด้วย
ไม่จริงน่ะ… ถ้าพุธอยู่ที่นี่… งั้นแสดงว่าเขาคนนั้นก็…
“เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้างไอ้พุธ…”
ถ้าหากนับฝันเลือกขอพรได้หนึ่งอย่าง เธออยากจะขอให้ตัวเธอและลูกหายไปจากตรงนี้ ตอนนี้เลย เธอเกลียดโชคชะตา เกลียดความบังเอิญ เกลียดอะไรก็ตามที่นำพาให้เธอต้องกลับมาพบเจอผู้ชายคนนี้อีกครั้ง
ราวกับเป็นสัญชาตญาณ มือบางดันร่างลูกสาวตัวน้อยหลบไปยืนด้านหลังโดยอัตโนมัติ แม้จะรู้ดีว่ามันสายไปแล้วก็ตาม เพราะต่อให้พยายามหลบซ่อนเจ้าเอยยังไงก็คงไม่มีทางพ้นจากสายตาคมเข้มแสนเย็นชาคู่นั้นอยู่ดี
เพลิงศูรย์มองเธอด้วยสายตานิ่งงัน สีหน้าของเขายังคงความเย็นชา หากทว่าแววตากลับแฝงความรู้สึกบางอย่างที่นับฝันไม่อาจคาดเดา
“หม่าม้าขา คุณลุงคนนี้แหละค่ะที่ช่วยขุนขุนไว้ คุณลุงเขาเก่งมากเลยนะคะ เขาฉีดยาให้ขุนขุนเหมือนหม่าม้าเลยค่ะ” เสียงหวานใสไร้เดียงสาดังมาจากเจ้าเอยซึ่งโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังนับฝัน เด็กน้อยมองเพลิงศูรย์ด้วยสายตาต่างไปจากตอนแรก ไม่ได้มีความหวาดระแวงอีกต่อไป แถมยังแฝงความชื่นชมด้วยซ้ำ
นับฝันกัดริมฝีปากอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะทันทีที่เจ้าเอยเรียกเธอว่าหม่าม้า แววตาของเพลิงศูรย์สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองเจ้าเอยตาไม่กะพริบ
“…”
หัวใจของนับฝันแทบจะหยุดเต้นตอนที่เห็นเขาหลุบตามองลูกสาวของเธอ ดวงตาเย็นชาไร้ความรู้สึกคู่นั้นมันฉายประกายบางอย่าง
นับฝันรับรู้ได้ในทันทีว่าโลกใบเล็ก ๆ แสนสงบสุขที่เธอพยายามปกป้องมาโดยตลอดกำลังจะพังทลายลงแล้ว